ตอนที่ 646 พี่ใหญ่ไป๋เหยียน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่​ 646 พี่ใหญ่​ไป๋​เหยียน​

วัน​ต่อมา​หลังจาก​ตื่นขึ้น​มาแต่เช้า​ หลิน​ม่าย​ก็​ออก​ไปหา​อะไร​กิน​ข้างนอก​

เธอ​ไม่ชอบ​กินข้าว​ใน​ภัตตาคาร​ใหญ่โต​ แต่​รัก​ใน​การ​กินข้าว​ตาม​ร้าน​ข้างทาง​

ถึงแม้ร้านอาหาร​ข้างทาง​จะไม่ถูกหลักอนามัย​ แต่​บางครั้ง​ร้านอาหาร​ข้างทาง​กลับ​ทำอาหาร​ได้​อร่อย​มาก​

วัฒน​ธรรมการ​กิน​อาหารเช้า​ของ​ปักกิ่ง​และ​เจียง​เฉิงยังมี​ความแตกต่าง​ อย่าง​อื่น​ยิ่ง​ไม่ต้อง​กล่าวถึง​ แค่​ความหลากหลาย​ของ​อาหาร​ก็​เทียบ​ไม่ติด​แล้ว​

ยิ่ง​กับ​ชายามเช้า​ของ​กว่าง​โจว​ที่​เต็มไปด้วย​กลเม็ดเด็ดพราย​ ยิ่ง​เทียบ​ไม่ได้​เข้าไป​ใหญ่​

ทั่ว​ทั้ง​ถนน​เต็มไปด้วย​เพิง​ขาย​ของกิน​จำพวก​นม​ถั่วเขียว​หมัก​(1)และ​วง​แป้ง​ทอด​(2)

ตี​หลิน​ม่าย​ให้​ตาย​เธอ​ก็​ไม่ดื่ม​นม​ถั่วเขียว​หมัก​ แค่​ได้ยิน​ก็​ทำให้​คน​หวาดกลัว​สุดขีด​

ให้​เธอ​กิน​สารหนู​เข้าไป​ยัง​ดีกว่า​ให้​เธอ​ดื่ม​นม​ถั่วเขียว​หมัก​ รสชาติ​ของ​มัน​เหนือ​จินตนาการ​เกินไป​ เธอ​รับ​ไม่ได้​จริง ๆ​

หลิน​ม่าย​เดิน​ดู​เป็นเวลา​นาน​ สุดท้าย​จึงนั่งลง​ที่​เพิง​ข้างทาง​แห่ง​หนึ่ง​ สั่งเฉ่ากาน​(3)หนึ่ง​ที่​และ​ซาลาเปา​อีก​หนึ่ง​ลูก​

เถ้าแก่เนี้ย​ตะล่อม​ให้​หลิน​ม่าย​ซื้อ​ซาลา​สอง​ลูก​อย่าง​กระตือรือร้น​

หล่อน​บอ​กว่า​ใครก็ตาม​ที่​กิน​ซาลาเปา​แค่​หนึ่ง​ลูก​ใน​ตอนเช้า​ถือ​ว่าไม่ได้​กินข้าว​เช้า แต่​เป็นการ​กิน​อาหาร​นก​

หลิน​ม่าย​ไม่มีทางเลือก​อื่น​ ได้​แต่​ซื้อ​ซาลาเปา​เพิ่ม​อีก​หนึ่ง​ลูก​

เธอ​กิน​ซาลาเปา​หนึ่ง​คำ​ ซด​เฉ่ากาน​หนึ่ง​คำ​

เฉ่ากาน​ใน​ร้าน​ข้างทาง​แห่ง​นี้​ น้ำ​ซุป​ทั้ง​ข้น​และ​ใส ไส้หมู​อวบอ้วน​นุ่ม​ลิ้น​ ตับ​หมู​นุ่ม​กรอบ​ รสชาติ​ไม่เลว​เลย​

ซาลาเปา​กลับ​ไม่เป็นที่​น่าพอใจ​นัก​

เมื่อ​เทียบ​กับ​ซาลาเปา​ที่​ขาย​ใน​ร้าน​เปา​ห่า​วชือ​ของ​เธอ​แล้ว​ ช่างต่างกัน​ราว​ฟ้ากับ​เหว​

เธอ​กำลัง​คิด​ว่า​ ถ้าเรียน​ไม่หนัก​มาก​ เธอ​จะเปิดร้าน​สาขา​ใน​ปักกิ่ง​

ถึงแม้จะมีทรัพย์สิน​หลัก​สิบ​ล้าน​ แต่​เธอ​เป็น​คน​ที่​ไม่เคย​หยุดพัก​ เธอ​จะรู้สึก​ไม่สบายใจ​ถ้าไม่หา​อะไร​สัก​อย่าง​ทำ​

หลังจาก​กินข้าว​เช้า หลิน​ม่าย​ไม่ได้​กลับ​ไป​ที่พัก​ แต่​เดิน​ไป​ทาง​ถนน​ฉางอัน​ ที่นั่น​มีเรือน​สี่ประสาน​(4)มากมาย​

เธอ​อยาก​จะลอง​เสี่ยงโชค​ดู​ ว่า​จะมีเรือน​สี่ประสาน​ขาย​หรือไม่​

เธอ​เดิน​หา​ทั้ง​เช้า สอบถาม​อยู่​เป็นเวลา​นาน​ ก็​ได้ความ​ว่า​ถึงจะมีคน​อยาก​จะขาย​เรือน​สี่ประสาน​ แต่​คน​เหล่านี้​ก็​กังวล​ว่า​ถ้าขาย​เรือน​สี่ประสาน​ไป​แล้ว​ ใน​เวลา​กระชั้นชิด​แบบนี้​จะไม่สามารถ​ซื้อ​บ้าน​ที่​เหมาะ​ ๆ ได้​ แล้ว​ครอบครัว​จะไม่มีที่อยู่อาศัย​ ดังนั้น​จึงรู้สึก​ลังเลใจ​

หลิน​ม่าย​ไป​สถานที่​รวมตัวกัน​ของ​เหล่า​คุณปู่​คุณย่า​แล้ว​เสนอ​ค่านายหน้า​ ขอ​แค่​พา​เธอ​ไปหา​เจ้าของ​บ้านเช่า​ที่​ขาย​เรือน​สี่ประสาน​ หาก​ติดต่อ​ซื้อขาย​สำเร็จ​แล้ว​ จะให้​สามร้อย​หยวน​

ไม่ว่า​จะเป็นที่​เมือง​ไหน​ คนแก่​คน​เฒ่าย่อม​เป็น​คน​ที่​รอบรู้​กว้างขวาง​ที่สุด​

มีพวกเขา​ช่วย​สอบถาม​ ย่อม​เป็น​การลงแรง​น้อย​แต่​ได้​ผลลัพธ์​มาก​เป็น​เท่า​ทวีคูณ​

อากาศ​ปลายเดือน​แปด​ใน​ปักกิ่ง​ค่อนข้าง​เย็น​ ถึงแม้เธอ​จะตระเวน​ไป​ทั่ว​ หลิน​ม่าย​ก็​ไม่เหนื่อย​เท่าไหร่​นัก​

เธอ​ตรง​ไป​ที่​ร้าน​ปิ้ง​ย่าง​ที่​มีชื่อเสียง​มาอย่าง​ยาวนาน​ที่​พ่อ​ไป๋​พูดถึง​

พ่อ​ไป๋​และ​คนอื่น​ ๆ มาถึงนาน​แล้ว​ และ​รอ​อยู่​ที่​ห้องส่วนตัว​

หลิน​ม่าย​เห็น​หญิงสาว​หน้าตา​สวยงาม​อ่อนโยน​คน​หนึ่ง​ หญิงสาว​คน​นั้น​อุ้ม​เด็กผู้หญิง​อายุ​ไม่เกิน​หนึ่ง​ขวบ​ไว้​ใน​อ้อมแขน​ เดา​ว่า​หญิงสาว​คน​นี้​คง​เป็น​พี่​สาวใหญ่​ไป๋​เหยียน​

ทันทีที่​ไป๋​เหยียน​เห็น​หลิน​ม่าย​ หล่อน​ก็​อุ้ม​เด็กน้อย​ลุกขึ้น​มา ถามอย่าง​ใจดี​ “นี่​เป็น​น้องสาว​สินะ​ หน้าตา​สวยงาม​จริง ๆ​!”

พ่อ​ไป๋​โบกมือ​ให้​หลิน​ม่าย​ “นี่​เป็น​พี่สาว​คนโต​ของ​ลูก​”

หลิน​ม่าย​ยิ้ม​น้อย​ ๆ แล้ว​เรียก​ “สวัสดี​ค่ะ​พี่ใหญ่​”

ไป๋​เหยียน​ตอบรับ​อย่าง​มีความสุข​ และ​ให้​เธอ​นั่งลง​ข้าง ๆ​

ทันทีที่​หลิน​ม่าย​นั่งลง​ ไป๋​เหยียน​ก็​แตะ​เธอ​ ส่งซอง​อั่งเปา​สีแดง​เรียบ ๆ​ ซอง​หนึ่ง​ให้​เธอ​

หลิน​ม่าย​ชะงัก​ไป​ชั่วขณะ​ “พี่​จะให้​อั่งเปา​ฉัน​ทำไม​?”

ไป๋​เหยียน​ตอบ​อย่าง​อบอุ่น​ “ให้​เป็น​ของ​รับขวัญ​เธอ​ไงล่ะ​!”

หลิน​ม่าย​ปฏิเสธ​ “ฉัน​ไม่เอา​ค่ะ​”

พ่อ​ไป๋​และ​พี่​ๆ ทุกคน​ต่าง​คะยั้นคะยอ​ให้​เธอ​รับ​มัน​ไป​

เท่านั้นเอง​หลิน​ม่าย​จึงรับ​มา จากนั้น​จึงนำ​อั่งเปา​ซอง​หนึ่ง​ออกมา​ให้​เด็กหญิง​ใน​อ้อมแขน​ของ​ไป๋​เหยียน​เช่นกัน​

เด็กหญิง​ตัว​น้อง​กอด​ซอง​อั่งเปา​นั้น​ไว้​แล้ว​ยิ้มแต้​อย่าง​มีความสุข​ เผย​ให้​เห็น​ปาก​เล็ก​ที่​ยัง​ไม่มีฟันหน้า​ น่ารัก​มาก​ทีเดียว​

พ่อ​ไป๋​ยื่น​เมนู​อาหาร​ที่​บริกร​ส่งให้​เขา​ให้​หลิน​ม่าย​ บอก​ให้​เธอ​สั่งตามใจชอบ​ ไม่ต้อง​กลัว​เรื่อง​เงิน​

หลิน​ม่าย​สั่งแค่​เซาเข่า​สอง​สามอย่าง​ด้วย​ท่าทาง​ปกติ​ จากนั้น​ก็​ไม่สั่งอะไร​อีก​

ถึงแม้พ่อ​ไป๋​และ​พี่น้อง​ไป๋​จะใจดี​กับ​เธอ​ แต่​พวกเขา​ไม่เคย​ใช้ชีวิต​ด้วยกัน​มาก่อน​ ดังนั้น​จึงยัง​มีความรู้สึก​ไม่คุ้นเคย​ เป็นไปไม่ได้​ที่​หลิน​ม่าย​จะทำตัว​ตามสบาย​เหมือน​ตอนที่​เธอ​อยู่​กับ​คุณปู่​ฟางและ​คุณย่า​ฟาง

พ่อ​ไป๋​เห็น​แบบนี้​ จึงสั่งเพิ่ม​อีก​หลายอย่าง​

หลิน​ม่าย​หยอกล้อ​กับ​เด็กหญิง​ตัว​น้อย​ ถามไป๋​เหยียน​ว่า​หลาน​ตัว​น้อย​ของ​เธอ​อายุ​กี่​ขวบ​แล้ว​ และ​ชื่อ​อะไร​

ไป๋​เหยียน​ตอบ​ “ถึงเดือน​สิบ​ก็​จะครบ​หนึ่ง​ขวบ​แล้ว​ ชื่อว่า​หยาง​เย่า”​

หลิน​ม่าย​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ “เกือบจะ​หนึ่ง​ขวบ​แล้ว​ ทำไม​ดู​ผอม​แบบนี้​ ฉัน​ยัง​คิด​ว่า​เจ็ด​หรือ​แปด​เดือน​ซะอีก​”

ไป๋​เหยียน​ยิ้ม​ออกมา​อย่าง​ฝืน​ ๆ

แม่สามีของหล่อน​เห็น​ความสำคัญ​ของ​เด็กผู้ชาย​มากกว่า​เด็กผู้หญิง​

ตอนที่​หล่อน​ออก​ไป​ทำงาน​ นาง​ก็​เอา​นมผง​ที่​หล่อน​ซื้อ​ให้​ลูก​ตัวเอง​ไป​ให้​ลูกชาย​ของ​สะใภ้รอง​กิน​ ป้อน​น้ำ​ข้าวต้ม​ให้​ลูก​ของหล่อน​กิน​แทน​ แน่นอน​ว่า​เด็กน้อย​ต้อง​ตัว​ผอม​

แต่​ไป๋​เหยียน​ไม่สามารถ​บอก​ปัญหา​ของหล่อน​กับ​หลิน​ม่าย​ออกมา​ตรงๆ​ ได้​

น้องสาว​เพิ่ง​ได้​พบ​หน้า​ค่า​ตา​พวกเขา​ ตน​แค่​อยาก​ให้​เธอ​มีความสุข​ ไม่อยาก​ให้​เธอ​ต้อง​มากังวล​กับ​เรื่อง​ของ​ตนเอง​

ไป๋​เหยียน​เปลี่ยน​เรื่อง​และ​พูด​ขึ้น​ว่า​ “ม่าย​จื่อ​ หลานสาว​ของ​เธอ​ยัง​ไม่มีชื่อเล่น​เลย​ ตั้งชื่อ​ให้​หลาน​สิ ให้​หล่อน​ได้​ชื่นชม​ความสุข​ใน​ฐานะ​ผู้ชนะ​อันดับ​หนึ่ง​ของ​เธอ​หน่อย​ โต​ขึ้น​มาจะได้​อนาคต​ไกล​เหมือน​เธอ​”

หลิน​ม่าย​ก็​ไม่ปฏิเสธ​ เธอ​เริ่ม​คิด​อย่าง​จริงจัง​ “ชื่อ​เถียนเถียน​ดี​ไหม​คะ​ หวัง​ว่า​เด็กน้อย​จะมีชีวิต​ที่​หวาน​ชื่น​ไป​ทั้ง​ชีวิต​”

ทั้ง​ไป๋​เหยียน​และ​พ่อ​ไป๋​ล้วน​บอ​กว่า​ชื่อ​นี้​ดีมาก​

เด็กน้อย​ก็​พูดจา​อ้อแอ้​โบกไม้โบกมือ​อย่าง​มีความสุข​ ราวกับ​กำลัง​พอใจ​

ใน​ปักกิ่ง​มีร้าน​ปิ้ง​ย่าง​ที่​มีชื่อเสียง​มายาวนาน​มากมาย​ พ่อ​ไป๋​เลือก​ร้าน​ปิ้ง​ย่าง​ร้าน​ดังที่​แพง​ที่สุด​ร้าน​นี้​

ร้าน​ปิ้ง​ย่าง​ชื่อเสียง​เก่าแก่​ร้าน​นี้​โดดเด่น​เรื่อง​เนื้อวัว​ย่าง​ ทุกอย่าง​ตั้งแต่​ส่วนผสม​และ​ฟืน​ที่​ใช้ล้วน​พิถีพิถัน​เป็นพิเศษ​

เนื้อวัว​ย่าง​ของ​ที่นี่​ชุ่มฉ่ำ มีมัน​น้อย​ ๆ แต่​ไม่เลี่ยน​ เนื้อ​บาง​ไม่หนา​เกินไป​ คนใน​ครอบครัว​ทั้ง​สี่กิน​อย่าง​มีความสุข​

ไป๋​เซี่ย​กิน​กระทั่ง​ปาก​เยิ้ม​น้ำมัน​ พูด​ขึ้น​มาพลาง​ทอดถอนใจ​ “ต้อง​ขอบคุณ​น้องสาว​แล้ว​ วันนี้​ถึงได้​กิน​เนื้อวัว​ย่าง​ ปกติ​ปี​หนึ่ง​ได้​กิน​ไม่ถึงหนึ่ง​ครั้ง​”

พ่อ​ไป๋​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความโมโห​ “มากิน​ปิ้ง​ย่าง​ที่นี่​ครั้งหนึ่ง​แพง​ขนาด​ไหน​รู้​ไหม​? ถ้ากิน​อีก​สอง​ครั้ง​ ครอบครัว​ก็​จะจน​เพราะ​แก​แล้ว​”

ไป๋​เซี่ย​หัวเราะ​คิกคัก​ รบเร้า​ให้​หลิน​ม่าย​กิน​มาก​อีกหน่อย​อย่าง​ใจดี​

หลิน​ม่าย​จำได้​ว่า​ครั้งหนึ่ง​พ่อ​ไป๋​เคย​บอ​กว่า​จะเชิญพี่เขย​มาด้วย​ แต่​เธอ​กลับ​ไม่เห็น​ใคร​

เธอ​จึงถาม “ทำไม​พี่เขย​ไม่มาล่ะ​คะ​?”

ไป๋​เหยียน​อธิบาย​ “พี่เขย​ของ​เธอ​เข้าเวร​น่ะ​ มาไม่ได้​แล้ว​”

หลิน​ม่าย​ตอบ​อืม​หนึ่ง​ครั้ง​ แล้ว​ไม่พูด​อะไร​อีก​

หลังจาก​กิน​ปิ้ง​ย่าง​เสร็จ​ พ่อ​ไป๋​ก็​เรียก​บริกร​มา เตรียม​จะชำระ​ค่า​อาหาร​แล้ว​ออก​ไป​

หลิน​ม่าย​รีบร้อน​จะจ่าย​แทน​ แต่​ถูก​พ่อ​ไป๋​และ​พี่ชาย​ห้าม​เอาไว้​

พ่อ​ไป๋​บอก​ขณะที่​กำลัง​ชำระเงิน​ “พ่อ​ชวน​ลูกสาว​แท้ ๆ​ ของ​ตัวเอง​มาเลี้ยง​อาหาร​อร่อย​ ๆ สัก​มื้อ​ แล้ว​ยัง​ต้อง​ให้​ลูกสาว​จ่าย​เอง​อีก​ แบบ​นั้น​พ่อ​จะเป็น​คนเลี้ยง​ที่ไหน​?”

ตอน​ชำระเงิน​ พ่อ​ไป๋​สั่งเนื้อ​วั่ว​ย่าง​ให้​หลิน​ม่าย​เอา​กลับ​ไป​กิน​เป็น​มื้อ​ค่ำ​

หลิน​ม่าย​ไม่ค่อย​กิน​ข้าวเย็น​ ถึงแม้จะกิน​ข้าวเย็น​ เธอ​ก็​จะกิน​แค่​ข้าวต้ม​ขาว​ที่​แค​ลลอ​รี​ต่ำ​เท่านั้น​ หลัก​ ๆ เป็น​เพราะ​เธอ​กลัว​อ้วน​

เธอ​ปฏิเสธ​ว่า​ไม่อยาก​กิน​เนื้อวัว​ย่าง​ แต่​พ่อ​ไป๋​เห็น​ว่า​เมื่อครู่นี้เธอ​ชอบ​กิน​เนื้อวัว​ย่าง​มาก​ จึงคิด​ว่า​ตอนนี้​เธอ​แค่​กำลัง​เกรงใจ​ ถึงได้​ยืนกราน​ให้​หลิน​ม่าย​รับ​มัน​ไป​

หลิน​ม่าย​ไม่มีทางเลือก​จึงได้​แต่​รับ​เนื้อวัว​ย่าง​เอาไว้​

ถึงแม้หลังจาก​กิน​ปิ้ง​ย่าง​มื้อ​นี้​แล้ว​ กระเป๋า​ของ​เขา​จะพร่อง​ลง​ไป​มาก​ แต่​พ่อ​ไป๋​ก็​มีความสุข​มาก​

นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เขา​เชิญลูกสาว​คน​เล็ก​ของ​ตัวเอง​มากินข้าว​ด้วยกัน​

พ่อ​ลูก​ทั้ง​ห้า​คน​แยกกัน​หน้า​ประตู​ร้าน​ปิ้ง​ย่าง​

ไป๋​เหยียน​ลูบ​หัว​ของ​หลิน​ม่าย​ด้วย​ความ​เอ็นดู​ “เดิมที​พี่​ควร​เชิญน้องสาว​ไป​เป็น​แขก​ที่​บ้าน​ของ​พี่​ แต่​พี่​อาศัย​อยู่​กับ​พ่อแม่​ของ​สามี ไม่ค่อย​สะดวก​นัก​ ราว ๆ​ วัน​ชาติ​คง​แยก​บ้าน​แล้ว​ ถึงตอนนั้น​พี่​จะชวน​น้องสาว​พี่​ไป​เที่ยวเล่น​ที่​บ้าน​นะ​”

หลิน​ม่าย​ยิ้ม​แล้ว​ตอบ​ว่า​ได้​

ไป๋​เหยียน​กระซิบ​ข้าง​หู​เธอ​ “เรื่อง​ที่​แม่ทำ​นิสัย​แบบ​ไหน​กับ​เธอ​ ลู่​ลู่​กับ​เซี่ยเซี่ย​บอก​พี่​แล้ว​ พี่​รู้​ว่า​เธอ​คับข้องใจ​ แม่เลอะเลือน​แต่​พวกเรา​ไม่เลอะเลือน​ พวกเรา​จะดี​กับ​เธอ​เอง​”

หลิน​ม่าย​พยักหน้า​น้อย​ ๆ

หลังจาก​แยก​กับ​พ่อ​ไป๋​และ​คนอื่น​ ๆ หลิน​ม่าย​ก็​เปิด​อั่งเปา​ที่​ไป๋​เหยียน​ให้​เธอ​ระหว่างทาง​ ข้างใน​มีเงิน​หนึ่งร้อย​หกสิบ​หก​หยวน​ อั่งเปา​ซอง​นี้​ไม่ใช่จำนวน​น้อย​ ๆ เลย​

หลิน​ม่าย​กลับ​ไป​ที่พัก​ เตรียม​ที่จะ​งีบหลับ​สักครู่​

ใน​ตอนบ่าย​เธอ​ยัง​ต้อง​ออก​ไปหา​คน​ที่จะ​ขาย​เรือน​สี่ประสาน​อีก​ ดังนั้น​เธอ​จึงต้อง​พักผ่อน​เอาแรง​สักหน่อย​

ทันทีที่​เธอ​ก้าว​เข้าไป​ใน​โรงแรม​ ก็​ได้ยิน​ใคร​บางคน​เรียน​ชื่อ​ของ​เธอ​จาก​ข้างหลัง​

ถึงแม้จะไม่ได้​หันกลับ​ไป​ แต่​หลิน​ม่าย​ก็​สามารถ​บอก​ได้​ว่า​คน​ที่​เรียก​เธอ​เป็น​แม่ไป๋​

………………………………………………………………………………………………………………………….

(1)豆汁儿 นม​ถั่วเขียว​หมัก​ อาหารว่าง​ของ​ปักกิ่ง​ ทำ​มาจาก​น้ำ​ถั่วเขียว​ที่​เป็น​ผลพลอยได้​จาก​การ​ทำ​วุ้นเส้น​แล้ว​นำ​ไป​หมัก​ มีรสเปรี้ยว​เล็กน้อย​และ​มีกลิ่น​เหมือน​ไข่​

(2) 焦圈 วง​แป้ง​ทอด​ อาหารว่าง​ดั้งเดิม​ของ​ชาว​ปักกิ่ง​ มีรูปร่าง​เหมือน​กำไล​ข้อมือ​ เกรียม​และ​กรอบ​ นิยม​รับประทาน​ร่วมกับ​นม​ถั่วเขียว​แก้​เลี่ยน​หลังอาหาร​

(3) 炒肝 ตับ​ทอด​ อาหารว่าง​ดั้งเดิม​ของ​ชาว​ปักกิ่ง​ น้ำ​ซุป​มีสีแดง​ ส่วนตัว​ตับ​มีทั้ง​หนา​และ​บาง​ไม่เลี่ยน​คอ​ เป็น​ของว่าง​ที่​พัฒนา​มาจาก​อาหาร​พื้นบ้าน​ ‘ต้ม​ตับ​’ และ​ ‘ปอด​ทอด​’ ใน​ราชวงศ์​ซ่ง

(4) 四合院 เรือน​สี่ประสาน​ ลักษณะ​ผัง​บ้าน​ทั้ง​สี่ทิศ​จะมีห้อง​เรือน​อยู่​ ระหว่าง​ห้อง​ทั้ง​สี่ทิศ​นี้​ก็​จะถูก​เชื่อม​ด้วย​กำแพง​ เกิด​เป็น​ลานบ้าน​(院子 ย่วนจึ)​ขึ้น​มา

สาร​จาก​ผู้แปล​

ไม่ต้อง​มีแม่ก็ได้​นะ​ม่าย​จื่อ​ มีพ่อ​กับ​พี่​ๆ สามคน​ก็​น่าจะ​มีความสุข​ดีแล้ว​

ไหหม่า​(海馬)