ตอนที่ 580 ริบ

ชุนเถานั่งคุกเข่าน้ำตาคลออยู่ในรถม้า กอดธนูเซ่อรื้อของไป๋ชิงเหยียนไว้ในอ้อมแขน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนสวมชุดเกราะที่ดีที่สุดของตัวเองจนเรียบร้อย น้ำตาของชุนเถาไหลพรากออกมาทันที “คุณหนูใหญ่ ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ”

ชุนเถารู้สึกโกรธเกลียดตัวเองเป็นอย่างมากที่ตนไม่ใช่เสิ่นชิงจู๋ หากนางมีฝีมือเก่งกาจเหมือนแม่นางเสิ่น นางคงสามารถติดตามไปคุ้มครองไป๋ชิงเหยียนที่ค่ายทหารผิงอันได้

ได้ยินเสียงกีบม้าดังแว่วมาแต่ไกล ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านออกพลางมองออกไปด้านนอก หญิงสาวเห็นหลูผิงควบม้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางรับธนูเซ่อรื้อมาจากมือของชุนเถาแล้วสะพายไว้ที่หลังของตัวเอง กล่าวขึ้น “ข้าจะให้องครักษ์ไป๋คุ้มกันเจ้ากลับไปยังซั่วหยาง”

“คุณหนูใหญ่ องครักษ์ไป๋ต้องติดตามไปคุ้มกันคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ! ข้าจะกลับไปเมืองหลวงพร้อมกับขบวนขององค์รัชทายาท คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงชุนเถาเจ้าค่ะ ชุนเถาไม่สามารถแบ่งเบาภาระของคุณหนูใหญ่ได้ ทว่า ชุนเถาไม่มีทางเป็นตัวถ่วงของคุณหนูใหญ่แน่นอน คุณหนูใหญ่เชื่อใจชุนเถานะเจ้าคะ!”

ชุนเถารู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องดูแลไป๋ชิงเหยียนได้ นางจะยอมให้คุณหนูใหญ่แบ่งองครักษ์ไป๋มาให้นางได้อย่างไรกัน

เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของชุนเถา ไป๋ชิงเหยียนจึงไม่ฝืนบังคับอีก กล่าวเพียง “ดูแลตัวเองให้ดี!”

กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนลงจากรถม้า

รัชทายาทเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดเกราะ สวมเสื้อคลุมกันลมทับอีกชั้น แขวนดาบไว้ที่เอว จากนั้นก้าวลงจากรถม้าโดยมีเฉวียนอวี๋ช่วยประคอง

ฟางเหล่าอายุมากแล้ว ทว่า เขาสวมชุดเกราะเดินตามรัชทายาทลงมาจากรถม้าเช่นเดียวกัน เขาขยับหมวกเกราะที่ศีรษะอย่างทุลักทุเล แอบลอบปาดเหงื่อให้ตัวเองที่อายุปานนี้แล้วยังต้องมาสวมชุดเกราะเช่นนี้

“องค์ชาย!” ไป๋ชิงเหยียนสาวเท้าเดินเข้าไปหารัชทายาท กำหมัดกล่าวขึ้น “องค์ชายรีบขึ้นไปบนหลังม้าเถิดเพคะ กองทัพเติงโจวมาถึงแล้ว เราควรรีบไปที่ค่ายผิงอันโดยเร็วที่สุดเพคะ”

รัชทายาทพยักหน้า

เฉวียนอวี๋ช่วยประคองรัชทายาทขึ้นไปบนหลังม้า กล่าวกำชับด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “องค์ชาย องค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทรงระวังพระองค์กันด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนซึ่งอยู่ในชุดเกราะก้าวขึ้นไปบนหลังม้าเช่นเดียวกัน หญิงสาวกระชากบังเหียนม้า ดวงตาส่อแววคมกริบ ตะโกนเสียงดังลั่น “องครักษ์จนรัชทายาทและองครักษ์ไป๋จงติดตามข้าไปยังค่ายทหารผิงอันเดี๋ยวนี้!”

สิ้นเสียงที่ทรงอำนาจ ไป๋ชิงเหยียนตวัดบังเหียนม้า ม้าส่งเสียงร้องออกมาอย่างดุดัน พุ่งทะยานตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

ลำคอของฉินซ่างจื้อร้อนผ่าว เขามองไปยังร่างที่สวมชุดคลุมกันลมซึ่งนั่งอยู่บนหลังมาด้วยท่าทีองอาจนิ่ง ลอบกำหมัดแน่น นึกถึงครั้งแรกที่เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่บนหลังม้าที่หนานเจียง หญิงสาวออกคำสั่งกับไป๋จิ่นจื้อ ภาพเหตุการณ์นั้นทำเอาเขาเลือดร้อนจนอยากติดตามรับใช้ไป๋ชิงเหยียนไปออกรบจนตัวตาย

ไป๋เวยถิงเคยกล่าวว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นยอดนักรบ ฉินซ่างจื้อเชื่อในคำกล่าวนี้จริงๆ!

คำสั่งเดียวกัน ทว่า ออกมาจากปากของคนที่แตกต่างกัน กลับส่งผลกระทบไม่เหมือนกัน ไป๋ชิงเหยียนเป็นเป็นสตรีแท้ๆ ทว่า หญิงสาวผ่านสงครามมาหลายศึก ไม่เคยรบพ่ายแพ้สักครั้ง แม้แต่คำสั่งของหญิงสาวยังเต็มไปด้วยพลังที่หนักแน่น ทำให้คนรับรู้ถึงไอสังหาร ความดุดันและความดุเดือดของสนามรบ

ไป๋ชิงเหยียนพลังอันแข็งแกร่งที่ทำให้ผู้คนยอมสยบตาม มีกลยุทธ์ทางทหารที่เยี่ยมยอด นางไม่ควรเป็นแค่แม่ทัพ…

องครักษ์ของรัชทายาทและจวนไป๋ติดตามไป๋ชิงเหยียนไปติดๆ รัชทายาทขบกรามแน่น กระตุกบังเหียนม้าควบตามไปเช่นเดียวกัน

ฟางเหล่าซึ่งสวมหมวกเกราะอยู่บนศีรษะขบกรามแน่นอย่างอดทน วันนี้เขาไม่ได้โดนไป๋ชิงเหยียนบังคับให้ติดตามรัชทายาทไป ทว่า ข้างกายของรัชทายาทจำเป็นต้องมีอยู่ เช่นนี้รัชทายาทจะได้ไม่โดนไป๋ชิงเหยียนหลอกปั่นหัวจนเชื่อนางไปเสียทุกอย่าง

ไป๋ชิงเหยียนควบม้าไปอย่างรวดเร็ว รัชทายาทและฟางเหล่าพยายามติดตามหญิงสาวไปให้ทัน พวกเขารู้สึกว่าใบหูของพวกเขาได้ยินเพียงเสียงลมพัดและเสียงเต้นแรงของหัวใจเท่านั้น ตอนนี้แม้แต่หายใจยังอยากลำบากเลย

ทว่า รัชทายาทรู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่อาจบอกว่าตามไม่ทันได้ ด้านหน้าของเขาคือไป๋ชิงเหยียน องครักษ์จวนรัชทายาทและองครักษ์ไป๋ ด้านหลังของเขาคือทหารเติงโจวจำนวนสามพันนาย คนพวกนี้ล้วนมาเพื่อคุ้มกันรัชทายาทอย่างเขาให้กลับไปยังเมืองหลวงอย่างปลอดภัย!

ผู้อื่นลำบากเพื่อเขา เขาจะบ่นว่าลำบากและยอมแพ้ในตอนนี้ได้อย่างไรกัน

รัชทายาทขบกรามแน่น ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ไป!”

เบื้องหน้าใกล้จะถึงค่ายทหารผิงอันแล้ว…

“หลูผิง!” ไป๋ชิงเหยียนหันไปตะโกนเรียก

หลูผิงได้ยินเสียงจึงรีบควบม้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว “ข้าอยู่นี่ขอรับ!”

“ข้าขอสั่งให้เจ้านำทหารหนึ่งพันนายไปซ่อนตัวเตรียมรับมือ ส่งคนไปคุ้มกันถนนที่ทอดยาวจากค่ายผิงอันไปยังเมืองหลวงเอาไว้ ไม่ว่าจะมีจดหมายส่งจากเมืองหลวงส่งมายังค่ายผิงอันหรือค่ายผิงอันส่งไปให้เมืองหลวง จงริบไว้ให้ข้าทั้งหมด!”

“หลูผิงน้อมรับบัญชาขอรับ!” หลูผิงรับคำพลางถ่ายทอดคำสั่งไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นพาทหารหนึ่งพันนายจากไปทันที

ค่ายทหารผิงอัน

ฝูรั่วซีนั่งอยู่ในกระโจมที่พักของตัวเอง เขาไล่ลูกน้องออกไปจากกระโจมทั้งหมด จากนั้นเปิดอ่านจดหมายที่ส่งมาจากเมืองหลวงโดยอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงในกระโจม เมื่ออ่านเสร็จเขาขบกรามแน่น เผาจดหมายในมือทิ้ง

เปลวไฟลุกลามไปทั่วทั้งจดหมายที่เต็มไปด้วยตัวอักษร สะท้อนให้เห็นใบหน้าของฝูรั่วซีอย่างริบหรี่

ฮองเฮาให้คนส่งจดหมายลับมาให้เขา กล่าวว่าฮ่องเต้พลัดตกจากหลังม้า บัดนี้สลบไม่ได้สติ นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่จะผลักดันให้ซิ่นอ๋องได้ครอบครองบัลลังก์ ขอเพียงซิ่นอ๋องได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ นางจึงจะสามารถปกป้องเด็กในครรภ์ของตัวเองได้ มิเช่นนั้นหากรัชทายาทได้ครองบัลลังก์ เขาไม่มีทางปล่อยเด็กในครรภ์ของนางที่ถูกทำนายว่าเป็นกวางศักดิ์สิทธิ์กลับชาติมาเกิดไว้แน่นอน หากฮ่องเต้โชคดีฟื้นคืนสติแล้วล่วงรู้อายุครรภ์ของนาง นางและเด็กในครรภ์ต้องตายสถานเดียว

ฮองเฮากล่าวว่านางควบคุมคนข้างกายของฮ่องเต้ไว้หมดแล้ว ขอเพียงฝูรั่วซีกล้านำทหารค่ายผิงอันบุกไปยังเมืองหลวง ฮองเฮาจะประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่ารัชทายาทโกรธแค้นที่ถูกฮ่องเต้ตำหนิและถูกใช้ให้นำเสบียงไปให้ที่เติงโจว เขาจึงคิดสังหารฮ่องเต้ จากนั้นฮองเฮาจะสนับสนุนให้โอรสที่เกิดจากฮองเฮาอย่างซิ่นอ๋องได้ครอบครองบัลลังก์แทน

ฝูรั่วซีกำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น แม้ฮองเฮาจะไม่ได้กล่าวอย่างโจ่งแจ้งในจดหมายว่าเด็กในครรภ์คือเด็กที่เกิดในคืนวันที่เขาควบคุมสติไม่ได้ จนพลาดทำให้นางตั้งครรภ์ ทว่า ฮองเฮากล่าวว่าระยะตั้งครรภ์ไม่ถูกต้อง แสดงว่านางกำลังจะสื่อเป็นนัยว่าเด็กคนนี้คือบุตรของเขา

ทว่า ฝูรั่วซีไม่ใช่คนที่จะถูกปั่นหัวเพียงเพราะความรักระหว่างหนุ่มสาว แม้เขาจะอยู่ที่ค่ายทหารผิงอัน ตระกูลฝูส่งจดหมายมาให้เขาตลอดไม่เคยขาด เขารู้ดีว่าฮ่องเต้ไม่ได้เชื่อใจฮองเฮามากเพียงนั้น มิเช่นนั้นก่อนหมดสติ ฮ่องเต้คงไม่ตามราชครูถานและองค์หญิงใหญ่มาช่วยเหลียงอ๋องดูแลบ้านเมืองและวังหลังหรอก

ราชครูถานเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา องค์หญิงใหญ่คือคนที่สนับสนุนให้ฮ่องเต้ได้ครอบครองบัลลังก์จนถึงทุกวันนี้ พวกเขาล้วนเป็นคนที่ฮ่องเต้เชื่อใจมากกว่าฮองเฮา

ยังไม่ต้องกล่าวถึงราชครูเฉิน แค่องค์หญิงใหญ่ก็ไม่ใช่สตรีธรรมดาที่อยู่แต่ในเรือนหลังแล้ว ฮองเฮาจะกล้าแสดงลูกไม้อันใดต่อหน้าองค์หญิงใหญ่อย่างนั้นหรือ

ฝูรั่วซีรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากเขาไม่ยอมเคลื่อนทัพแล้วฮองเฮาและเด็กในครรภ์เกิดเป็นอันใดขึ้นมา ฝูรั่วซีไม่มีทางให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต

“รายงาน…” ทหารหน่วยลาดตระเวนขี่ม้าเร็วเข้ามาในค่าย จากนั้นคุกเข่าอยู่หน้ากระโจมที่พัก ตะโกนรายงานเสียงดัง “รายงานท่านแม่ทัพใหญ่ มีคนรายงานว่าองค์รัชทายาทกำลังมุ่งหน้าจากเติงโจวมายังค่ายทหารผิงอันขอรับ!”

ฝูรั่วซีกำมือแน่น รีบเดินไปหยุดอยู่กลางกระโจม เอ่ยถาม “มากันกี่คน”

“ประมาณสามพันคนขอรับ!” ทหารหน่วยลาดตระเวนตอบ

“ท่านแม่ทัพ…” รองแม่ทัพของฝูรั่วซีรีบมาที่กระโจมทันทีที่ได้ยินข่าวเช่นเดียวกัน เขากำดาบที่เอวแน่น หายใจติดขัด “องค์รัชทายาทต้องทราบเรื่องที่ฝ่าบาทสลบไม่ได้สติแล้วแน่นอนขอรับ พระองค์คงเกรงว่าจะเผชิญกับอันตรายระหว่างเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงจึงเสด็จมาขอให้แม่ทัพคุ้มกันกลับเมืองหลวงแน่ขอรับ”

ฝูรั่วซีเม้มปากแน่น คิ้วขมวดเป็นปม “ค่ายทหารผิงอันไม่อาจเคลื่อนย้ายได้หากไม่มีคำสั่งจากฝ่าบาท มิเช่นนั้นข้าคงไม่อยู่เฉย ตอนที่เติงโจวถูกโจมตีหรอก”