บทที่ 594 หัวใจแตกสลาย

บทที่ 594 หัวใจแตกสลาย

ตอนนี้ลู่เหยาเพิ่งรู้ว่า ความจริงแล้วการเป็นองค์รัชทายาทไม่ได้สุขสบายเหมือนอย่างที่นางคิดไว้ บางครั้งองค์รัชทายาทก็ลำบากยิ่งกว่านาง

ครั้นเห็นองค์รัชทายาทถูกโยนออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า หัวใจของลู่เหยาก็ยิ่งปวดร้าว

นางอยากให้องค์รัชทายาทได้หยุดพัก แต่เมื่อเห็นสายตาที่มุ่งมั่นขององค์รัชทายาทแล้ว จึงเข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงได้สู้สุดใจเพียงนี้

นางได้แต่ยืนอยู่ข้างสนามอย่างเงียบ ๆ มองดูพวกเขาสู้กัน

ผ่านไปแล้วสองชั่วยาม ในที่สุดองค์รัชทายาทก็หยุดการฝึกซ้อม เขาหันไปมองแล้วพบกับลู่เหยาที่ยืนอยู่ข้างสนาม จึงเร่งฝีเท้าเดินไปหาลู่เหยาอย่างอดไม่ได้

“เจ้ามาได้อย่างไร?”

“หม่อมฉันมาขอบคุณที่ฝ่าบาทเสด็จมาส่งหม่อมฉันเมื่อคืนเพคะ”

“เรื่องเล็กน้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องมาเองก็ได้ รอประเดี๋ยวนะ ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“เพคะ” ครั้นเห็นองค์รัชทายาทจากไป ลู่เหยาก็พบว่าขาของตัวเองชาไปหมดแล้ว

เมื่อเห็นว่าในสนามฝึกซ้อมไม่มีผู้อื่น นางจึงเดินกะเผลกออกไป พลางสังเกตไปรอบ ๆ ว่าจะมีใครเห็นหรือไม่

หลังจากที่องค์รัชทายาทเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกมาก็เห็นภาพนี้เขาจึงอดคลี่ยิ้มไม่ได้ ลู่เหยาช่างโง่เขลายิ่งนัก เห็น ๆ อยู่ว่าตัวเองขาชาก็ไม่รู้จักเรียกผู้อื่นให้เข้ามาช่วยประคอง?

การกระทำของลู่เหยา ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้เขาเสียเท่าไรนัก

เขาตรัสสั่งบางอย่างกับขันทีที่อยู่ข้างกาย ไม่นานนางกำนัลผู้หนึ่งก็เข้ามาประคองลู่เหยาไปยังศาลาที่อยู่ไม่ไกลนัก จากนั้นองค์รัชทายาทก็เดินอย่างเชื่องช้าไปยังศาลาแห่งนั้น

“เป็นอะไร?”

“อ่า? หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ”

“ขาชาได้อย่างไรเล่า”

“เพียงยืนนานไปเท่านั้นเพคะ”

“เจ้าพูดสิ” องค์รัชทายาทหันไปเอ่ยกับนางกำนัลที่อยู่ข้างกาย ลู่เหยาไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก เพราะบางครั้งองค์รัชทายาทก็ค่อนข้างเข้มงวด

“คุณหนูลู่เหยามารอองค์รัชทายาทฝึกซ้อม ยืนรอนานถึงสองชั่วยามไม่ไปไหน ดังนั้นที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะยืนนานเกินไปเพคะ”

“เจ้าโง่หรือไม่? เหตุใดไม่รู้จักรอข้าในที่ที่สบายกว่านี้ กลับไปยืนรอตรงนั้นเสียได้ ข้าจะว่าเจ้าอย่างไรดี”

องค์รัชทายาทก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาถึงกับคิดไปไกลว่าลู่เหยาเป็นอะไร จึงอดพูดเสียงดังออกไปไม่ได้ แต่นั่นกลับทำให้ลู่เหยารีบก้มหน้า นางรู้ดีว่าตัวเองสู้พี่หลินซือไม่ได้ นางหยอกล้อให้องค์รัชทายาทเบิกบานใจไม่ได้ แต่นางไม่ได้ตั้งใจจะทำให้องค์รัชทายาทโกรธ

“ขอประทานอภัยเพคะ”

“เอาละ วันนี้เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใด”

“หม่อมฉันอยากมาขอบคุณองค์รัชทายาทด้วยตัวหม่อมฉันเอง นี่คือจี้หยกที่ท่านแม่ให้หม่อมฉันนำมาถวายแด่พระองค์เพคะ”

ลู่เหยาล้วงหยิบจี้หยกในอ้อมแขนของตัวเองออกมา แล้ววางลงบนโต๊ะ

“หม่อมฉันทราบดีว่าองค์รัชทายาทไม่ได้รู้สึกแย่กับจี้หยกนัก แต่การที่สตรีมอบจี้หยกให้แก่บุรุษเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีเท่าไร ดังนั้นองค์รัชทายาทจะไม่รับก็ได้เพคะ หม่อมฉันแค่ทำตามคำสั่งของท่านแม่เท่านั้น”

น้ำเสียงของลู่เหยาค่อย ๆ เบาลง สุดท้ายองค์รัชทายาทต้องเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจถึงจะได้ยินว่านางพูดว่าอันใด

องค์รัชทายาทอดคิดไม่ได้ นางมักมีนิสัยแบบนี้ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ทุกคนก็คงรังแกนางได้ง่ายเลยอย่างนั้นสิ?

องค์รัชทายาทเก็บความรู้สึกแปลกประหลาดไว้ในใจ แล้วก้มมองดูจี้หยกบนโต๊ะอย่างไตร่ตรอง

ความจริงแล้วเขาเข้าใจในสิ่งที่ลู่เหยาพูด จี้หยกชิ้นนี้ไม่ใช่สิ่งที่นางอยากถวาย แต่ตู้เหิงให้ลู่เหยานำมาถวายแด่เขา ดังนั้นเขาจึงอยากรู้ว่าถ้าเขารับจี้หยกชิ้นนี้มันจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

แม้ตอนนี้เขาจะเป็นองค์รัชทายาท แต่ในสายตาของคนส่วนมากเขากลับเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง

แต่ถ้าเห็นเขาเป็นเด็กจริง ๆ นั้นคือเรื่องขบขันอย่างยิ่ง และเขาจะทำให้คนผู้นั้นได้ชดใช้โทษในฐานะที่ดูหมิ่นเขา

“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ก็นำจี้หยกนี้กลับไปเถอะ” แม้ว่าในใจจะเกิดความสับสนวุ่นวาย แต่ใบหน้ากลับไม่ได้แสดงความรู้สึกใด

สำหรับลู่เหยา การที่องค์รัชทายาทปฏิเสธข้อเสนอของนาง แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่นางอยากมอบให้ แต่เพราะนางรู้ดีว่าเขาจะไม่มีวันรับมัน

ตอนนี้สิ่งที่คิดได้กลายเป็นความจริงแล้ว ลู่เหยาไม่คิดว่าตัวเองจะฉลาดเพียงนี้

“เพคะ คงทำให้องค์รัชทายาททรงลำบากใจแย่” จากนั้นก็เก็บจี้หยกบนโต๊ะนั้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งลู่เหยาเห็นองค์รัชทายาทก็ยิ่งลำบากใจ

นางรีบกะพริบตาเพื่อไล่น้ำตากลับไปอย่างเงียบ ๆ ไม่ให้องค์รัชทายาทสังเกตเห็น

“ไม่หรอก”

“ในเมื่อวันนี้เป้าหมายในการเข้าวังลุล่วงแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวลา”

“อื้อ”

ยังไม่ทันรอให้องค์รัชทายาทตอบกลับ ลู่เหยาก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว

องค์รัชทายาทมองแผ่นหลังของลู่เหยาที่เดินจากไปด้วยความสงสัย ตัวเองพูดอะไรผิด? แต่จากนิสัยของลู่เหยา นางคงจะดีขึ้นในเร็ววัน จึงเก็บความคิดนั้นไว้ในใจ จากนั้นองค์รัชทายาทก็พานางกำนัลกลับตำหนัก

ลู่เหยาเดินอยู่ในวังด้วยหัวใจอันเจ็บปวด

นางคิดว่าในใจขององค์รัชทายาท แม้ว่านางจะเทียบพี่หลินซือไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ยังมีบางอย่างที่ต่างกัน

แต่วันนี้องค์รัชทายาทปฏิเสธนางอย่างไร้เยื่อใย นั่นทำให้เห็นแล้วว่านางไม่ต่างอะไรกับคุณหนูจากตระกูลมั่งคั่งเหล่านั้น มีแค่นางที่คิดว่าตัวเองต่างเท่านั้น

นางล้วงหยิบจี้หยกจากในแขนเสื้อออกมาดูอย่างละเอียด นี่คือจี้หยกที่ตู้เหิงตั้งใจเลือก ลวดลายของการแกะสลักช่างงดงามไร้ที่ติ แม้แต่ลู่เหยาที่เคยเห็นหยกมาไม่น้อยก็ยังหาข้อผิดพลาดไม่ได้

จี้หยกไม่ผิดหรอก ที่ผิดคือคนต่างหาก นางไม่ใช่พี่หลินซือ ไม่เช่นนั้นคงไม่เป็นแบบนี้

………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

บางทีโชคชะตาก็เล่นตลกนะคะ ให้มาชอบคนที่ไม่ได้ชอบเรา ส่วนคนที่ชอบเราก็ดันเป็นคนที่เราไม่ชอบ

ไหหม่า(海馬)