บทที่ 596 เข้าใจผิด

บทที่ 596 เข้าใจผิด

วาจาขององค์รัชทายาทเสมือนเข็มเล่มหนึ่ง ปลายแหลมของมันได้ทิ่มแทงกลางใจของลู่เหยา นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าคำพูดสามารถทำร้ายคนเราได้มากถึงเพียงนี้

ดูเหมือนองค์รัชทายาทจะไม่สังเกตเห็นว่าลู่เหยากำลังเสียใจ แต่ละคำที่พูดออกมามันยากที่จะทนฟังได้ ทำให้ใบหน้าของลู่เหยาซีดเผือดลงมากทีเดียว

นางไม่เคยมีความสำคัญต่อเขาอย่างแท้จริง มิเช่นนั้นเขาคงจะคำนึงถึงความรู้สึกของนางบ้าง

เมื่อคิดได้ ร่างทั้งร่างของลู่เหยาก็รู้สึกผ่อนคลายลง ใช่ ที่แท้การชอบคนคนหนึ่งคือการแอบรู้สึกไปฝ่ายเดียว

“องค์รัชทายาท หม่อมฉันไม่เคยคิดจะว่าร้ายพี่หลินซือ แต่หม่อมฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าพี่หลินซือแสนดีมากเพียงนั้น จนทำให้ฝ่าบาทไม่เคยลบนางออกจากใจได้”

ลู่เหยาไม่เคยพูดจาห้วน ๆ เช่นนี้ ทันทีที่นางพ่นมันออกมา แม้แต่องค์รัชทายาทก็หมดคำพูด ทำได้แค่มองลู่เหยาด้วยสายตาประหลาดใจมาก

ระหว่างนั้น เขาลืมโต้แย้งเรื่องที่ไม่ดีของหลินซือไปชั่วคราว

ในสายตาขององค์รัชทายาท ลู่เหยาคือผู้ที่กล้าเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างไม่เกรงกลัว แต่ลู่เหยาในวันนี้ดูเหมือนจะแตกต่างไปจากอดีตโดยสิ้นเชิง

“ไม่ใช่หรือ? องค์รัชทายาททรงชอบพี่หลินซือ แต่พี่หลินซือเคยบอกแล้วว่านางไม่ได้ชอบองค์รัชทายาทเลยนะเพคะ? นางกลับเกรงกลัวพระองค์ยามเจอะเจอกันด้วยซ้ำ ไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อนเอ่ย สำหรับหม่อมฉัน พี่หลินซือไม่ได้กล้าหาญเฉกเช่นหม่อมฉัน”

“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร นั่นเป็นเพราะอาซือไม่เข้าใจข้าต่างหาก ถ้าอาซือได้เข้าใจข้าแล้ว นางไม่มีวันทำเช่นนี้กับข้า”

องค์รัชทายาททรงมั่นคงกับหลินซือเสมอ แม้ว่าหลินซือจะหมั้นหมายไปแล้ว แต่ตราบใดที่หลินซือยังไม่ได้แต่งงาน เขาก็ยังมีโอกาส อีกทั้งในอนาคตเขาก็จะได้เป็นจักรพรรดิแห่งแผ่นดิน ถ้าเขาอยากได้สิ่งใดเกรงว่าคงไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้กระมัง?

“เข้าใจ? ยามที่องค์รัชทายาททรงตรัสคำนี้ ไม่รู้สึกน่าขันบ้างหรือ? พี่หลินซือนั้นแสนดี แต่นางไม่ได้ชอบพระองค์ เรื่องนี้พระองค์ไม่มีทางปฏิเสธได้ เช่นนั้น เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่มองคนข้างกายดูบ้าง? ไม่ต้องเหนื่อยเพื่อพี่หลินซือมากถึงเพียงนั้น”

ขณะที่ลู่เหยาพูดนั้น น้ำตาเจ้ากรรมก็เอ่อล้นออกมา

นางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดองค์รัชทายาทถึงได้มั่งคงกับพี่หลินซือเพียงนี้ กระทั่งอีกฝ่ายหมั้นหมายไปแล้วเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยวาง

“ข้าไม่เหนื่อย เพื่ออาซือ จะให้ข้าทำสิ่งใดข้าก็เต็มใจทั้งนั้น”

องค์รัชทายาทมองข้ามประโยคก่อนหน้านั้นของลู่เหยาไปโดยสิ้นเชิง สำหรับเขา คนข้างกายต่างไม่น่าเชื่อถือ ในอดีตชาติ เขาและอาซือเกี่ยวข้องกันตลอดชีวิต แต่ตอนนี้ เขาจดจำหลินซือได้เพียงฝ่ายเดียว

“ลู่เหยา ข้าหวังว่าเจ้าจะทำตามใจตัวเอง อย่ายอมให้คนอื่นมามีอิทธิพลกับเจ้า เจ้าเข้าใจความหมายของข้าใช่ไหม?” องค์รัชทายาทก้มหน้ามองลู่เหยา และเอ่ยอย่างจริงจัง

“คนอื่น? องค์รัชทายาทหมายถึงท่านแม่ใช่ไหม?”

“ถูกต้อง แม่ของเจ้าไม่ได้หวังดี ถ้านางยังจมอยู่กับเรื่องนี้ อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่หน้าเจ้าก็แล้วกัน ลู่เหยา เจ้าเป็นคนฉลาดนะ น่าจะรู้ว่าข้าหมายความว่าอย่างไร”

นอกจากหลินซือแล้ว องค์รัชทายาทมักจะเย็นชาไร้ความรู้สึกกับผู้อื่นเสมอ แม้ว่าลู่เหยาในสายตาของเขา จะแตกต่างไปบ้าง แต่ก็เป็นเพียงความต่างที่เล็กน้อยเท่านั้น

“ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่หม่อมฉันไม่เคยพูดว่าร้ายพี่หลินซือ องค์รัชทายาท เหตุใดถึงไม่เชื่อหม่อมฉัน?”

“เพราะเจ้าไม่ใช่อาซือ”

ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเป็นหนทางอีกยาวไกล เช่นนั้นคำพูดขององค์รัชทายาทก็คือฟางเส้นสุดท้าย

ลู่เหยาเข้าใจในทันที องค์รัชทายาทไม่เคยต้องการใครนอกจากพี่หลินซือเพียงผู้เดียว

ในใจขององค์รัชทายาท นอกจาพี่หลินซือแล้ว ทุกคนล้วนไม่เคยแตกต่างกัน

“ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการ ขอตัวกลับวังก่อน”

องค์รัชทายาทออกจากจวนไปโดยไม่หันหลังกลับมามองลู่เหยาอีก

เดิมทีวันนี้เขาอยากมาเยี่ยมเยือนว่าลู่เหยาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ใครจะไปรู้เล่าว่าทันทีที่ก้าวพ้นประตูเข้ามาจะได้ยินในสิ่งที่ตู้เหิงพูด

แม้ว่าลู่เหยาจะไม่ได้พูดสิ่งใด แต่นางก็ไม่เคยโต้แย้ง ซึ่งนี่คือความผิดร้ายแรง

ในใจขององค์รัชทายาท หลินซือคือเส้นตายสุดท้ายของเขา ลู่เหยาตั้งใจแตะต้องเส้นตายนี้ของเขาอย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงไม่มีวันให้อภัย

ในที่สุดความสนิทสนมที่สร้างมันขึ้นมาอย่างยากลำบากของทั้งสองคนก็ได้พังทลายลงเพราะเรื่องนี้

เมื่อเห็นองค์รัชทายาทจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว ลู่เหยาก็ได้แต่หลับตาอย่างจนปัญญา ก่อนหน้านั้นนางคงคิดมากเกินไป และต้องการมากเกินไป นับแต่นี้ต่อไปนางจะไม่ร้องขออะไรอีกแล้ว

“เตรียมรถม้าให้ข้า ข้าจะไปจวนหลิน”

“ขอรับ”

เมื่อคนในจวนได้ยินว่าลู่เหยาจะออกไป ก็รีบเตรียมรถม้าในทันที

ทุกคนต่างรู้ว่าลู่เหยาเก็บตัวอยู่ในจวนนานมากแล้ว แม้ว่าทุกคนจะเกรงกลัวฮูหยิน แต่พวกเขากลับชื่นชอบคุณหนูที่ไม่วางอำนาจผู้นี้เป็นที่สุด

“คุณหนู รถม้าพร้อมแล้วขอรับ”

“อื้อ” ลู่เหยาล้างหน้าบ้วนปากอีกครั้ง จากนั้นก็พาสาวใช้ตรงไปยังจวนหลิน

เมื่อถึงจวนหลิน เนื่องจากไม่ได้ส่งเทียบเชิญมาบอก ดังนั้นจึงทำได้แค่รอให้พ่อบ้านเข้าไปรายงาน ผลลัพธ์กลับคาดไม่ถึงว่าหลินซือจะออกมาต้อนรับนางด้วยตัวเอง สร้างความประหลาดใจให้กับลู่เหยาเป็นอย่างมาก

“น้องลู่เหยา เจ้ามาได้อย่างไร?”

หลินซือกำลังทำว่าวอยู่พอดี ครั้นได้ยินพ่อบ้านบอกว่าลู่เหยามาเยี่ยม ก็รีบวางว่าวในมือ กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมา ซึ่งก็เจอกับลู่เหยาที่ยืนอยู่หน้าประตูจริง ๆ

“ข้ามีคำถามอยากจะมาถามพี่หลินซือเจ้าค่ะ”

“ได้สิ เช่นนั้นน้องหญิงตามข้าเข้ามา”

เรื่องที่คาดไม่ถึงสำหรับลู่เหยาก็คือ หลินซือไม่ได้แสดงท่าทีหมดความอดทนแต่อย่างใด ทั้งยังแสดงความเป็นมิตรด้วยซ้ำ เรื่องนี้ทำให้ลู่เหยารู้สึกผิดในใจ

ก่อนหน้านั้นนางยังพูดว่าร้ายหลินซือต่อหน้าองค์รัชทายาทอยู่เลย แต่พี่หลินซือกลับจริงใจกับนางเช่นนี้

ระหว่างที่เดินตามหลินซือ ลู่เหยาได้มองซ้ายแลขวา ไม่นานก็มาถึงลานบ้านแห่งหนึ่ง

นี่คือลานบ้านที่ลู่เหยาเพิ่งเคยมาครั้งแรก มันต่างจากห้องส่วนตัวของสตรีที่นางคาดคิดไว้ ภายในลานบ้านของหลินซือมีดอกไม้ใบหญ้าสารพัดชนิด และยังมีชิงช้าที่ถูกพันเกลียวด้วยเถาวัลย์ดอกไม้หนึ่งตัว ทันทีที่เห็นก็รู้ทันทีว่านี่คือลานบ้านของคุณหนู

ไม่เหมือนลานบ้านของตัวเอง ภายในมีแค่โต๊ะไม้และเก้าอี้ไม้ ไม่มีของกระจุ๋มกระจิ๋มอะไรไปมากกว่านี้

“พวกเจ้าไปบอกคนในครัวให้ยกขนมเข้ามา น้องลู่เหยาไม่ชอบกินของหวาน อย่าเอาขนมที่หวานเกินไปเข้ามาเด็ดขาด”

“เจ้าค่ะ”

หลังจากลู่เหยาได้เห็นความกระตือรือร้นของหลินซือ ในใจก็ยิ่งหงุดหงิด เหมือนกับว่านางกำลังทำเรื่องที่ผิดมหันต์อย่างไรอย่างนั้น นางตัดสินว่าพี่หลินซือเป็นคนไม่ดีทั้งที่ยังไม่รู้จักนางดี

“น้องลู่เหยา เจ้ามีเรื่องอะไรจะถามข้าหรือ?” หลังจากที่หลินซือสั่งคนรับใช้แล้ว นางก็เข้ามาเห็นลู่เหยาเอาแต่นั่งก้มหน้า ดูเหมือนกำลังหดหู่ใจ

ปกติแล้วนางมักจะชอบยั่วโมโหพี่ใหญ่ ทุกครั้งที่เจอสถานการณ์เช่นนี้ นางมักจะทำตัวเหมือนเด็ดขี้อ้อน แต่ในใจหดหู่ไม่น้อย ดังนั้นสำหรับท่าทางของลู่เหยา นางเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แค่ไม่รู้ว่าใครทำให้ลู่เหยาหดหู่ใจเช่นนี้