บทที่ 651 เหตุการณ์ร้าย

“ถังเป่า” ถังหลี่วางมู่เป่าลงพร้อมกับเข้าไปหาถังเป่า หญิงสาวอุ้มลูกมาพาดที่บ่าของตัวเอง ลูบหลังเด็กน้อยเบาๆหยอกเย้ากับนาง ในไม่ช้าถังเป่าก็พูดออกมาอีกครั้งพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

“แม่”

ตอนที่เว่ยฉิงกลับมาจากกรมอาญา เขาก็ได้ยินเรื่องที่มู่เป่ากับถังเป่าเรียกถังหลี่ว่าแม่ ชายหนุ่มพยายามทำให้เด็กทั้งสองเรียกตัวเองว่าพ่อบ้าง ถังเป่ารีบคลานหนีอย่างรวดเร็วตามด้วยมู่เป่า แต่มู่เป่าถูกเว่ยฉิงฉวยตัวเอาไว้ได้ ถังหลี่มองไปที่ลูกสาวที่วิ่งหนีราวกับกระต่ายตัวน้อยๆ นางจึงเลิกคิดเรื่องที่ว่ามู่เป่าได้ความแข็งแรงทางร่างกายไป

เว่ยฉิงให้ลูกชายนั่งบนเก้าอี้ เขาจิ้มแก้มอวบอ้วนของเด็กชาย

“เรียกพ่อสิ” เขาชี้มาที่ตัวเอง

“ป้อ..”

“พ่อ”

“ป้อออ”

ถังหลี่เฝ้ามองพ่อลูกทั้งสองคน นางเม้มปากหัวเราะจนปวดท้อง มู่เป่าเป็นเด็กที่มีดวงตาเฉียบแหลมมาก เขารู้ว่าพ่อเป็นคนโง่เขลาตั้งแต่ยังอายุน้อยเช่นนี้ เว่ยฉิงสอนมู่เป่าอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเด็กชายก็สามารถเรียกพ่อได้อย่างชัดเจน ทำให้เว่ยฉิงปลื้มใจมากเมื่อได้ยิน เว่ยฉิงหยอกเย้ามู่เป่าจนหัวเราะคิกคัก เขาก็ไปสอนถังเป่าต่อ

ถังเป่าเป็นเด็กที่รับมือได้ยากกว่ามู่เป่า เว่ยฉิงรู้สึกว่าเขาต้องจั๊กจี้ให้นางอารมณ์ดีก่อน นางถึงจะยอมเรียกเขาว่าพ่อ ชายหนุ่มอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนของตัวเองแล้วพูด

“เรียกพ่อซิ”

“พ่อ” นางตะโกนออกมา การเปล่งเสียงของนางชัดเจนอย่างยิ่ง เว่ยฉิงชักมือที่จะเย้าแหย่ลูกสาวกลับมา เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย

“เรียกอีกทีสิ พ่อได้ยินไม่ชัดเลย”

“พ่อ!”

ถังเป่าตะโกนเรียกออกมาอีกสองสามครั้ง เว่ยฉิงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมปล่อยนางไป เด็กหญิงใช้ขาสั้นๆ ของตัวเองรีบกลับไปที่ ‘บัลลังก์’ ของตัวเองแล้วนั่งลงอย่างรวดเร็ว

“เหตุใดถังเป่าถึงฉลาดเช่นนี้นะ” เว่ยฉิงพูดอย่างเสียใจ ถังหลี่หัวเราะ

“นางแค่ไม่อยากให้ท่านจั๊กจี้นาง”

“ยัยหนูคนนี้เรียกพ่อได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน นางเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดีทีเดียว” เว่ยฉิงอดสงสัยไม่ได้

“บางทีคงอยากให้พวกเราประหลาดใจ”

“เจ้าเด็กน้อยคนนี้” เว่ยฉิงพึมพำเบาๆ

เว่ยฉิงมีความสุขมากเขาไม่อาจจะกดมุมปากของตัวเองลงได้ เขาฮัมเพลงเบาๆ หากเว่ยฉิงมีหางคงได้ยกขึ้นชี้ฟ้าแล้ว

…….

วันเวลาแห่งความสงบสุขได้ถูกทำลายลงด้วยข่าวร้ายบางอย่าง

วันนี้ถังหลี่อยู่บ้านกับเด็กๆ สองคน จู่ๆ ซานเป่ารีบวิ่งมาจากข้างนอกอย่างเร็วรี่จนผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าของซานเป่าเต็มไปด้วยความกังวล นางวิ่งเข้ามากอดแขนถังหลี่ไว้

“ท่านแม่ หวังหยูหายไป ข้าควรทำอย่างไรดี ข้าบอกให้เขารอ แต่เมื่อข้ากลับไปเขาก็หายไปแล้ว หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา ข้าจะทำอย่างไรดี” เสียงของซานเป่าดังขึ้นอย่างร้อนรน นางร้อนใจจนพูดไม่ได้ศัพท์

หวังหยูหายไป?

ถังหลี่ขมวดคิ้ว นางจับแขนบุตรสาวอย่างอ่อนโยน ทำให้ซานเป่ารู้สึกผ่อนคลาย

“ซานเป่าใจเย็นๆ พูดช้าๆ”

ความใจเย็นของมารดาทำให้ซานเป่าสงบลง จากนั้นนางจึงค่อยๆ อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด

วันนี้เป็นวันหยุดที่หาได้ยากของซานเป่า นางพาหวังหยูไปที่ตลาด เมื่อทั้งสองไปที่อาคารจื้ออวิ๋น ซานเป่าต้องการเสื้อผ้าสำหรับใส่อยู่บ้าน แต่ชายหญิงมีความแตกต่าง นางจึงให้หวังหยูรอที่ด้านล่าง หลังจากที่ซานเป่าและท่านป้าตันเหนียงเลือกเสื้อผ้า ขนาด และรูปแบบ นางกินขนมที่ตันเหนียงเตรียมไว้ให้เป็นพิเศษ แต่เมื่อลงมาที่ด้านล่างซานเป่าก็พบว่าหวังหยูหายไปแล้ว

ซานเป่ารู้สึกไม่สบายใจ ทุกครั้งที่นางขอให้เขารอ เด็กหนุ่มจะรอนางอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน พอไม่เจอเขา ซานเป่าสังหรณ์ใจว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาแน่นอน คนงานในร้านบอกว่าไม่เห็นหวังหยู ไม่รู้ว่าเขาหายไปตอนไหน ซานเป่าออกไปค้นหารอบๆ ก็ไม่พบใคร เมื่อนางถามคนรอบข้างก็พบว่าหวังหยูถูกคนจับตัวไป คนที่จับตัวเขาแต่งตัวหมือนกับหวังหยู!

นางไม่สามารถได้เบาะแสมากไปกว่านี้เพราะพยานที่เห็นกล่าวว่าเขาแค่ชำเลืองมองเท่านั้น ไม่รู้ว่าหวังหยูถูกพาตัวไปไหนเช่นกัน รวมถึงไม่สามารถบอกได้ด้วยว่าคนพวกนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ยิ่งซานเป่าได้ยินก็ยิ่งกังวล นางจึงรีบกลับมาหามารดา

“คนพวกนั้นเป็นใคร? พวกเขามาจับหวังหยูไปด้วยเหตุใด? จะเกิดอะไรขึ้นกับหวังหยู?”

“ข้าผิดเอง ข้าควรลงไปที่ชั้นล่างให้เร็วกว่านี้ หากข้ารู้ข้าคงไม่อยู่ทานขนมก่อน ถ้าข้าลงมาเร็วกว่านี้ หวังหยูคงไม่โดนจับไป” ซานเป่าเสียใจมากใบหน้าของนางแดงก่ำ ถังหลี่ตบหลังซานเป่าเบาๆนางพูดด้วยน้ำเสียงสงบ

“ไม่ต้องกังวล แม่จะตามหาเขาให้ เราจะต้องเจอหวังหยูแน่นอน เชื่อใจแม่ได้ ตกลงไหม?”

คำพูดของถังหลี่ทำให้ซานเป่ารู้สึกสบายใจมากขึ้น เด็กหญิงพยักหน้ารับ หญิงสาวให้จิตรกรหลายคนวาดภาพเหมือนของหวังหยูและให้บ่าวรับใช้นำภาพนั้นไปใช้ในารค้นหาตัวเขา ถังหลี่ส่งข่าวไปที่ร้านอาหารหนิงเฟิ่งให้ช่วยอีกครั้ง พร้อมกำชับให้พวกเขาใส่ใจงานนี้ให้มาก แล้วรีบรายงานหากมีเบาะแสอะไร

ซานเป่าไม่สามารถทนรออยู่เฉยๆ ได้ นางจึงเดินตามหาไปรอบๆ พร้อมกับรูปหวังหยูในมือ

ในเวลาเดียวกัน

ที่ห้องใต้ดินอันมืดมิด มือและเท้าของคนผู้หนึ่งถูกมัดไว้ ผมของเขายุ่งเหยิงลงมาปรกใบหน้า แส้กระหน่ำฟาดเขาซ้ำๆจนกลิ่นคาวเลือดคลุ้งกระจายไปทั่ว เมื่อศีรษะของเขาสะบัดไปอีกทาง ทำให้เห็นว่าเขาคือหวังหยูที่ซานเป่าและถังหลี่กำลังตามหาอยู่นั่นเอง

คนที่ถือแส้อยู่ผอมมากจนเสื้อผ้าของเขาหลวมโพรกไปหมด เขาเหมือนคนเสียสติ หัวเราะออกมาด้วยเสียงที่น่าขนลุก

เมื่อหันหน้ามาจึงเห็นใบหน้าที่ซูบผอม ดวงตาลึกกลวง เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาคือหลูเสวี่ยน

เขานั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยหอบ

หลังจากที่เขาต้องทนกับพิษงูมานานในที่สุดก็ถูกกำจัดออกจนหมด เด็กหนุ่มสะสมความขุ่นเคืองไว้ในใจมากมาย เขาอยากล้างแค้น มารดาของเขาจึงมอบคนฝีมือดีให้หลูเสวี่ยน ในตอนแรกเด็กหนุ่มจะโจมตีซานเป่า แต่รอบๆ ตัวของนางมีคนมากฝีมือห้อมล้อมอยู่ ทำให้คนของเขาไม่มีโอกาสในการโจมตีนางเลย พวกเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ทาสอู๋ซาน หลังจากที่ถูกจับได้หลูเสวี่ยนก็ระบายความโกรธใส่เขาทันที

“ไอ้ทาสต่ำต้อยอยากจะเป็นสามัญชนหรือ? ฝันไปเถอะ!”

“เจ้าก็แค่หนูในคูน้ำเหม็นๆ ไอ้คนชั้นต่ำ”

“เจ้าคิดว่านังเว่ยหนิงจะมาช่วยเจ้าหรือ? อย่าฝันเลย ในไม่ช้าข้าจะทำให้ชีวิตของนังเด็กคนนั้นตายเสียดีกว่าอยู่”

ยิ่งหลูเสวี่ยนพูดออกมามากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง หวังหยูเงยหน้าขึ้นมอง แส้ในมือของหลูเสวี่ยนทำให้เขาตัวสั่น แต่เมื่อได้ยินคนผู้นี้เริ่มพูดถึงเจ้านายของเขาทำให้หวังหยูโกรธ ความโกรธปะทุขึ้นเรื่อยๆ จนกลบความหวาดกลัวที่มีแต่เดิม

เมื่อหลูเสวี่ยนเห็นแววตาพยศ และอาฆาตของหวังหยู ก็ยิ่งทำให้เขาโกรธ เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนเดินไปข้างหน้าฟาดหวังหยูด้วยแส้อีกหลายครั้ง

“อะไร? ไม่เชื่อข้าหรือ? ไม่ช้าก็เร็วข้าจะเอานางมาเป็นทาส แล้วทรมานนางอย่างสาหัส!”

หวังหยูทนไม่ไหวระเบิดพละกำลังของตัวเองออกมา เขาแบกโครงไม้ที่หนักมากวิ่งเข้าใส่หลูเสวี่ยน แล้วโยนเขาลงไปกองไปกับพื้น