ตอนที่ 1191 ดอกอิงซู่ (3) / ตอนที่ 1192 หลังสงครามผ่านพ้น (1)
ตอนที่ 1191 ดอกอิงซู่ (3)
ไม่มีใครเข้าใจความเศร้าของเจ้าดอกบัวขาวน้อย อิงซู่กลายมาเป็นภูติวิญญาณของจวินอู๋เสียแล้วไม่มีทางกลับไปที่โลกภูติวิญญาณหรอกเว้นแต่จวินอู๋เสียจะตาย…
นั่นคือสิ่งที่เจ้าดอกบัวขาวน้อยไม่กล้าคิด
แม้ว่าจวินอู๋เสียอยากจะระบุความสามารถของอิงซู่ให้ได้ในทันทีที่เป็นไปได้ แต่ตอนที่กลิ่นของดอกอิงซู่กระจายไปทั่วห้องแบบเมื่อครู่ กลิ่นหอมของดอกไม้นี้มีสารที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทคนอยู่ สำหรับนางน่ะไม่เป็นไร แต่จวินชิงกับหลงฉีต้องรับการรักษาเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นกลิ่นของดอกอิงซู่จะสร้างปัญหาให้พวกเขามากแน่ๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย ถ้าพวกเขาเกิดติดอิงซู่ขึ้นมามันก็เป็นปัญหาแล้ว
จวินอู๋เสียสังเกตเห็นแล้วว่ากลิ่นของดอกอิงซู่นั้นรุนแรงกว่าดอกอิงซู่ที่นางเคยเจอที่ชาติก่อน ถ้าบอกว่าดอกอิงซู่ในชาติก่อนของนางต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษก่อนจะนำมาสกัดทำเป็นยาที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทละก็ ภูติดอกอิงซู่ที่อยู่ตรงหน้านางตอนนี้แค่ปล่อยกลิ่นออกมาก็ส่งผลที่เทียบเท่ากับยาที่ถูกสกัดมาอย่างดีพวกนั้นได้แล้ว!
ถ้ากลิ่นดอกอิงซู่ยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างของจวินชิงกับหลงฉีละก็ ก็คิดได้ว่ามันจะมีผลกระทบกับพวกเขาอย่างรุนแรงแน่
“ทุกคนรอที่นี่” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับปรายตามองอิงซู่ แล้วหันไปพูดกับจวินชิงและหลงฉีว่า “ท่านอาเล็กกับหลงฉีมากับข้า”
จวินชิงกับหลงฉียังมึนงงอยู่ ในหัวของพวกเขาว่างเปล่า ไม่ว่าจวินอู๋เสียจะพูดอะไรพวกเขาก็ทำตามหมด
แต่สำหรับเจ้าดอกบัวขาวน้อยนั้น เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียกำลังจะออกไปเขาก็สะอื้นทันทีและอยากตามไปด้วย ถึงตายเขาก็ไม่กล้าอยู่ในห้องเดียวกับดอกอิงซู่นี่หรอก ไม่อย่างนั้นเขาต้องแย่แน่ๆ!
จวินชิงเดินตามจวินอู๋เสียออกจากห้อง พวกเขาเดินไปทางโกดังเก็บสมุนไพรและโอสถวิเศษในลานเรือนของนาง กลิ่นจางๆ ของสมุนไพรทำให้ฤทธิ์ตกค้างของกลิ่นดอกอิงซู่ที่อยู่ในร่างกายของเขาเจือจางลง จวินชิงจึงได้สติกลับมา เขามองไปที่ร่างเล็กๆ ซึ่งเตี้ยกว่าขาของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจและจ้องมองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ละสายตา
เจ้าดอกบัวขาวน้อยก้าวเร็วๆ ตามหลังจวินอู๋เสียด้วยขาเล็กๆ สั้นๆ ของเขาไปตลอดทางด้วยความกลัวว่าจะหลงกับพวกเขา จวินชิงมองดูท่าทางเขินอายของเด็กชายแล้วก็อดคิดแปลกๆ ไม่ได้
ถ้าอู๋เสียมีลูก เด็กคนนั้นจะน่ารักและตามเกาะแจแบบเด็กคนนี้หรือไม่นะ
ทันทีที่ความคิดนั้นผุดขึ้นมา จวินชิงก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จวินอู๋เสียอายุแค่สิบห้าปีเท่านั้น ถึงนางจะใกล้ถึงวัยที่คิดเรื่องแต่งงานได้แล้ว แต่ดูนางสิ นางไม่ได้จะมีครอบครัวเร็วๆ นี้แน่ เรื่องลูกน่ะ…อีกไกลเลย!
หลังจากตามจวินอู๋เสียมาถึงห้องปรุงยา จวินชิงกับหลงฉีก็นั่งลงเฝ้ามองจวินอู๋เสียทำโน่นทำนี่ ขณะที่เจ้าดอกบัวขาวน้อยซึ่งไม่มีอะไรทำก็นั่งกระมิดกระเมี้ยนอยู่มุมหนึ่ง เขาไม่กล้ารบกวนจวินอู๋เสียและกลัวเกินกว่าจะเข้าใกล้จวินชิงกับหลงฉี
“ท่านอ๋องน้อยขอรับ” หลงฉีพูด ดวงตาของเขามองไปที่เด็กน้อย ดูเหมือนเขากำลังคิดบางอย่างอยู่ในใจ
“หือ” จวินชิงถาม
“ท่านได้กลิ่นที่ออกมาจากตัวของเด็กคนนั้นหรือไม่ขอรับ” หลังออกจากห้องแล้ว ตลอดทางที่เดินมาที่นี่หลงฉีได้กลิ่นดอกบัวจากร่างของเจ้าดอกบัวขาวน้อย เขารู้สึกคุ้นๆ กับกลิ่นนั้นและเขาเชื่อว่าจวินชิงก็รู้สึกแบบเดียวกัน
เมื่อหลงฉีจุดประเด็นขึ้น จวินชิงก็เบิกตากว้างทันที
กลิ่นที่ลอยออกมาจากร่างของเจ้าดอกบัวขาวน้อยเป็นกลิ่นเดียวกับเมล็ดบัวที่จวินอู๋เสียให้เขามาในตอนนั้นไม่ใช่หรือ
ตอนนั้นจวินชิงเห็นว่ามันเป็นเพียงเมล็ดบัวธรรมดา แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าคิดง่ายๆ แบบนั้นอีกแล้ว!
……
นายท่าน: เจ้าอยากตายสินะ
ผู้แต่งเป่ย: ท่านอยากทำอะไรที่ ‘(*/∇ *)’ กับอู๋เสียเป็นครั้งแรกหรือไม่เล่า
นายท่าน: …
ผู้แต่งเป่ย: ถ้าอยากก็ช่วยข้าเรื่องโหวตประจำเดือนเสีย! ถอดเสื้อออก! แสดงซิกแพ็ค! ทำให้ทุกคนมาโหวตให้ได้! พอโหวตขึ้นอันดับแล้ว ข้าจะให้ท่านกับอู๋เสียทำ ‘(*/∇ *)’ กัน!
นายท่าน: พอแล้ว! [ทำหน้าหยิ่งเย็นชา แต่ถอดเสื้อออกเงียบๆ]
ตอนที่ 1192 หลังสงครามผ่านพ้น (1)
จวินอู๋เสียเคยเอ่ยถึงภูติวิญญาณประเภทพฤกษากับพวกเขา ทำให้คนทั้งสองพอจะเดาได้คร่าวๆ แต่พวกเขาความรู้สึกไวพอที่จะไม่ถามนางไปมากกว่านี้ ไม่ว่าจวินอู๋เสียจะมีตัวอะไร ตราบใดที่มันไม่ได้ทำร้ายนาง พวกเขาก็ไม่ว่าอะไร
หลังจากจวินอู๋เสียหลอมโอสถเสร็จ นางก็เอาให้คนทั้งสองดื่ม และเมื่อรักษาพยาบาลต่ออีกสักหน่อย ฤทธิ์ตกค้างของดอกอิงซู่ก็หายไปหมด
จวินอู๋เสียไม่ได้รีบออกไป แต่กลับหลอมโอสถวิเศษต่อและเอาโอสถวิเศษทั้งหมดที่นางเก็บไว้ในถุงเอกภพออกมามอบให้จวินชิงเพื่อให้เขานำไปแจกจ่ายให้กับพวกทหารที่บาดเจ็บหนัก
มู่เฉินกับมู่เชียนฟานก็มาพบจวินอู๋เสียด้วย พวกเขาไม่รู้จักตัวจริงของจวินอู๋เสีย แต่พวกเขาคุ้นเคยกับจวินเสียมาก พวกเขาจึงมาพบกับจวินอู๋เสียที่ปลอมตัวอยู่
บุรุษทั้งสองคนรู้สึกตื้นตันใจกับคนของรัฐชีจากสงครามครั้งนี้มาก มู่เฉินถึงกับบอกว่าเขาอยากจะยกเลิกเงื่อนไขในสัญญาที่ทำกับจวินอู๋เสียและอาศัยอยู่ในรัฐชีและในจวนหลินอ๋องต่อไป เหตุการณ์ในวันที่เมืองถูกตีแตกและพวกทหารเสียสละชีวิตของตัวเองนั้น ฝังลึกอยู่ในหัวใจของเขาอย่างไม่อาจลบเลือน คำว่ากองทัพรุ่ยหลินได้ทำให้เขาตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน และเขาเต็มใจจะทุ่มเททั้งชีวิตให้กับกองทัพแบบนี้
กระทั่งมู่เชียนฟานก็เป็นฝ่ายเสนอตัวเข้าร่วมกองทัพรุ่ยหลินเอง เขาไม่อยากอยู่ในฐานะแขกของจวนหลินอ๋อง เขาอยากเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกองทัพรุ่ยหลินและไม่อยากถูกทหารของกองทัพรุ่ยหลินปกป้องอีกต่อไปแล้ว!
คำขอร้องของคนทั้งสองทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกซาบซึ้ง แต่นางไม่ได้ตอบตกลงในทันที แต่บอกให้พวกเขาไปพูดคุยเรื่องนี้กับจวินเสี่ยนแทน
กองทัพรุ่ยหลินสูญเสียทหารไปมากกว่าครึ่ง มันเป็นการเสื่อมถอยที่อยู่ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่จวินอู๋เสียเชื่อว่าจิตวิญญาณของกองทัพรุ่ยหลินจะส่งต่อไปยังผู้คนอีกมากมาย ตราบใดที่คำว่ากองทัพรุ่ยหลินยังไม่ถูกลบหายไปจากโลกใบนี้ มันก็จะไม่มีวันหายไป เจตนารมณ์ของเหล่าทหารที่เสียชีวิตไปจะสืบทอดไปยังผู้คนที่พวกเขาได้ช่วยชีวิตเอาไว้
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย เอาแค่ตอนนี้ที่สงครามเพิ่งสิ้นสุดลงไปและผู้คนยังคงพักฟื้นกันอยู่ ผู้เยาว์มากมายจากที่ต่างๆ ทั่วรัฐชีก็พากันแห่มาที่เมืองหลวงด้วยความปรารถนาเดียวเท่านั้น!
เพื่อจะเข้าเป็นสมาชิกของกองทัพรุ่ยหลิน!
ในสงครามพวกเขาถูกปกป้องโดยกองทัพรุ่ยหลิน ทหารที่ตายในสนามรบได้จุดไฟขึ้นในหัวใจของพวกผู้เยาว์เลือดร้อนทั้งหลาย พวกเขาปรารถนาจะปกป้องรัฐของตัวเองได้เมื่อถึงเวลาเหมือนอย่างที่ผู้มีพระคุณของพวกเขาปกป้องแผ่นดินของพวกเขา!
ผู้เยาว์มากมายพากันหลั่งไหลเข้ามาในเมืองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีใครมีเวลาพาพวกเขาเข้ากองทัพในเวลานี้ ผู้เยาว์พวกนั้นจึงตัดสินใจไปตามเขตต่างๆ เพื่อช่วยสร้างค่ายทหารของกองทัพรุ่ยหลินที่พังพินาศไปเพราะไฟสงครามขึ้นมาใหม่และช่วยกันซ่อมแซมเมืองหลวงที่เสียหายให้กลับสู่สภาพเดิม
รัฐชีจะไม่มีวันล่มสลาย!
จวินอู๋เสียกับมู่เฉินช่วยกันหลอมโอสถเพื่อป้อนให้กับความต้องการโอสถวิเศษหลังสงคราม ทันทีที่ไฟสงครามสงบลง มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดโรคระบาดขึ้น และเพื่อควบคุมสถานการณ์เอาไว้ ทั้งสองคนจึงขังตัวเองอยู่ในห้องปรุงยาและหลอมโอสถวิเศษส่งออกมาเรื่อยๆ เพื่อแจกจ่ายให้กับที่ต่างๆ
ทหารของรัฐเหยียนไม่ได้มีปฏิกิริยามากนักที่ฮ่องเต้ของพวกเขาพักอยู่ในเมืองหลวงเป็นระยะเวลานาน หลังจากได้พบปะพูดคุยกับคนจากเมืองหลวงรัฐชี พวกเขาก็เริ่มชอบรัฐเล็กๆ ที่ไม่ยอมแพ้นี้ ถึงขนาดที่ว่าทหารของรัฐเหยียนหลายคนไปรวมกลุ่มคลุกคลีตีโมงกับทหารของกองทัพรุ่ยหลิน และขอคำแนะนำเรื่องเทคนิคการต่อสู้และการฝึกฝนของกองทัพรุ่ยหลินด้วย
เพราะคำว่าพันธมิตรของจวินอู๋เสียคำเดียว ทำให้ทั้งสองรัฐเกิดความสนิทสนมกัน และเป็นการวางหินก้อนแรกลงบนเส้นทางแห่งโชคชะตาที่จะเกิดเรื่องราววุ่นวายไปทั่วสามโลกเบื้องล่างในอนาคตอันใกล้!