บทที่ 600 องค์รัชทายาท

บทที่ 600 องค์รัชทายาท

“องค์รัชทายาท พระองค์กำลังคิดสิ่งใดเพคะ?”

ลู่เหยายืนอยู่หน้าประตูตำหนักขององค์รัชทายาท มององค์รัชทายาทที่กำลังเหม่อลอย ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใด

“ไม่มีอะไร เจ้ามาได้อย่างไร?”

องค์รัชทายาทมองลู่เหยาด้วยความฉงนสงสัย

คราที่แล้ว หลังจากกลับมาถึงวังเขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่าวาจาของตนนั้นรุนแรงเกินไป ถึงอย่างไรลู่เหยาก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่องค์รัชทายาทไม่เคยเสียใจเลยแม้แต่น้อย บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องให้ความหวังกับผู้อื่นมากเกินไป

“หม่อมฉันมาเยี่ยมฝ่าบาท พี่หลินซือไปแล้ว หม่อมฉันคิดว่าองค์รัชทายาทคงจะเบื่อหน่ายอยู่แต่ในวัง”

ลู่เหยารู้ว่าในใจขององค์รัชทายาทมีเพียงหลินซือ แต่ไม่เป็นไร นางรับความจริงเรื่องนี้ได้ ขอแค่ได้อยู่เคียงข้างองค์รัชทายาท นางก็สบายใจมากแล้ว

“องค์รัชทายาท เหตุใดพระองค์ถึงยังประทับอยู่ที่นี่ กระหม่อมจำได้ว่าวันนี้พระองค์ต้องไปเรียนขี่ม้าไม่ใช่หรือ?”

น้ำเสียงของเซี่ยเชียนดังขึ้นข้างกาย ทำให้องค์รัชทายาทต้องหันขวับกลับไปอย่างอดไม่ได้

“ท่านอาจารย์” ครั้นเห็นเซี่ยเชียน องค์รัชทายาทจึงทำการถวายความเคารพ

“องค์รัชทายาทมีเรื่องไม่สบายใจใช่หรือไม่?”

เซี่ยเชียนเป็นผู้เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง เหตุใดจะไม่รู้ว่าองค์รัชทายาททรงคิดสิ่งใด แต่ของบางอย่างเขาต้องทำเป็นไม่เห็น ช่างโชคร้ายยิ่งนัก

“ท่านอาจารย์ วันนี้ร่างกายของข้าไม่พร้อม ไม่รู้ว่าจะลาเรียนกับท่านอาจารย์ได้หรือไม่?”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ช่างเถอะ ข้าจะบอกกับอาจารย์ฝึกขี่ม้าให้ว่าพระวรกายขององค์รัชทายาทไม่พร้อม ต้องตามหมอหลวง”

“ขอบคุณท่านอาจารย์เซี่ยมาก ข้าเข้าใจแล้ว”

ครั้นเห็นเซี่ยเชียนจากไป องค์รัชทายาทจึงได้ทอดถอนใจ

“พระวรกายขององค์รัชทายาทไม่พร้อมหรือเพคะ?”

“นิดหน่อย แต่ไม่ใช่ปัญหา”

“เช่นนั้นหม่อมฉันจะไปตามหมอมาให้องค์รัชทายาทนะเพคะ” กล่าวจบลู่เหยาเตรียมจะวิ่งอออกไป

องค์รัชทายาทพูดไปเรื่อย ใครจะไปรู้เล่าว่าลู่เหยาจะคิดเป็นจริงจึงรีบคว้ามือของลู่เหยาอย่างรวดเร็วไม่ให้นางไป

ครั้นลู่เหยาถูกองค์รัชทายาทคว้ามือไว้ สมองของนางว่างเปล่า นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าการถูกคนที่ตัวเองชื่นชอบแตะเนื้อต้องตัวจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นถึงเพียงนี้? นางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเต้นระส่ำจนแทบจะทะลุออกมาแล้ว

“ไม่ต้อง”

“เพคะ” เวลานี้ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะทรงตรัสสิ่งใด ลู่เหยาก็คล้อยตามทั้งนั้น

“ลู่เหยา ข้าอยากให้เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไรหรือเพคะ?”

“ข้าอยากไปหาอาซือ”

ครั้นได้ยินคำพูดขององค์รัชทายาท ลู่เหยากลับไม่นึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรภาพที่องค์รัชทายาททรงชื่นชอบพี่หลินซือก็อยู่ในสายตาของลู่เหยาตลอด

“องค์รัชทายาทต้องการให้หม่อมฉันช่วยอย่างไรเพคะ?”

ดูเหมือนจะชินกับความดื้อรั้นขององค์รัชทายาทที่มีต่อหลินซือไปแล้ว วิธีเดียวที่ลู่เหยาคิดได้ก็คือพยายามช่วยเหลือองค์รัชทายาทอย่างสุดความสามารถ

ในเมื่อนางทำให้องค์รัชทายาททรงเบิกบานใจไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องมีใครสักคนที่สามารถทำให้องค์รัชทายาททรงเบิกบานใจได้

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดตัวเองถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ อาจจะเพราะลู่เหยารู้ดี ในตอนที่นางรู้ใจตัวเอง นางก็ได้เปลี่ยนตัวเองไปแล้ว คำว่ารักเพียงคำเดียว มันได้ทำร้ายนางถึงกระดูกดำเลยทีเดียว

“ข้าอยากให้เจ้าไปถามให้ข้าหน่อยว่าอาซือจะกลับมาเมื่อไร”

“เพคะ”

“เจ้าไม่ถามหรือว่าเพราะเหตุใด?”

“ขอแค่องค์รัชทายาทรงสั่งการ ข้าก็จะช่วยเหลือองค์รัชทายาทเต็มที่เพคะ”

ลู่เหยาส่งยิ้มหวานให้แก่องค์รัชทายาท

“เจ้าช่างดียิ่งนัก” อาจเพราะไม่ค่อยเห็นลู่เหยาในมุมรู้ความเช่นนี้ ในใจขององค์รัชทายาทจึงเกิดความประทับใจแรกต่อลู่เหยาไม่น้อย

แม้ผู้เป็นมารดาของนางจะไร้เหตุผล แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ลู่เหยาจะตัดสินใจได้ เขาไม่ควรเอาความโกรธมาพาลใส่ลู่เหยา

“องค์รัชทายาท เหตุใดพระองค์ถึงชอบพี่หลินซือถึงเพียงนี้เพคะ?”

ลู่เหยามีแต่คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวใจมาตลอด ก่อนหน้านั้นก็ใช่ว่าจะไม่เคยถาม แต่สุดท้ายก็ถูกตัดบทที่เหนือความคาดหมายของนางเสมอ

บัดนี้โอกาสมาถึงแล้ว นางอยากถามคำถามนี้ให้ชัดเจน นับว่าเป็นคำอธิบายให้แก่ตัวเอง

“ไม่รู้สิ แค่เห็นนางข้าก็เบิกบานใจแล้ว”

ในตอนที่เอ่ยถึงหลินซือ องค์รัชทายาทได้ดูอบอุ่นขึ้นราวกับไม่ใช่คนคนเดียวกับที่ลู่เหยาเจอก็มิปาน

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง” แม้ว่าจะไม่เคยได้คำตอบที่ตัวเองต้องการ แต่ลู่เหยาก็พึงพอใจอย่างมาก

ถ้าจากนิสัยใจคอขององค์รัชทายาทแล้วคงไม่มีทางตอบคำถามที่น่าเบื่อเช่นนี้ของนางแน่นอน ตอนนี้คงจะอารมณ์ดี ดังนั้นจึงได้อดทนตอบคำถามเหล่านี้ของนาง

“ลู่เหยา ช่วงนี้แม่ของเจ้าดีกับเจ้าบ้างหรือไม่?”

“ท่านแม่ดีกับข้ามาตลอด แต่ค่อนข้างเข้มงวดเท่านั้น”

ใต้หล้าแห่งนี้พ่อแม่ไม่ได้ถูกเสมอไป ในใจของลู่เหยา แม้ว่าตู้เหิงจะเข้มงวดกับนาง แต่เพื่อให้นางได้ดี ดังนั้นจึงทำให้ตู้เหิงต้องยอมนาง นางเองก็ไม่เคยโทษกล่าวแม่ของตัวเองแต่อย่างใด

ครั้นนึกถึงเรื่องนี้ ลู่เหยาจึงได้ประหลาดใจเหมือนกับว่าช่วงนี้ความเคร่งครัดของนางลดน้อยลงอย่างมาก

อีกทั้งระหว่างลู่เหยา ก็มักมีบรรยากาศที่ค่อนข้างประหลาดปรากฏขึ้นเสมอ ทุกครั้งที่กินข้าว ลู่เหยาก็มักจะรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง

แต่ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างท่านแม่และท่านปู่จะไม่ได้แตกต่างไปจากแต่ก่อน ลู่เหยาจึงรู้สึกว่านางคิดมากไป

“หวังว่าจะเป็นเช่นนี้ ดูแลแม่เจ้าให้ดี อย่าให้นางทำเรื่องนอกกรอบอีก”

นี่คือคำเตือนที่องค์รัชทายาทต้องการบอกลู่เหยา

“เพคะ”

ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดองค์รัชทายาทถึงได้มีอคติต่อมารดาของตนถึงเพียงนี้ แต่ครั้นได้ยิน ลู่เหยากลับไม่ใช่คนที่โต้ตอบผู้อื่นมาแต่ไหนแต่ไร แค่มององค์รัชทายาท แล้วตอบรับเพียงสั้น ๆ

องค์รัชทายาทพึ่งพอใจกับการเชื่อฟังของลู่เหยามาก กระทั่งองค์รัชทายาทครุ่นคิดอย่างต่อเนื่อง ถ้าอาซือเชื่อฟังได้เหมือนกับลู่เหยาบ้างก็คงจะดี…

………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ตั้งแต่หมั้นกันแล้วก็หวานหยดงุ้งงิ้งโลกนี้มีแค่เราสองเชียวนะอาเถิงอาซือ

ถ้าอยากได้สตรีที่เชื่อฟังก็ต้องมองลู่เหยาแล้วแหละองค์รัชทายาท อาซือไม่มีทางเชื่อฟังใครง่าย ๆ หรอก

ไหหม่า(海馬)