ตอนที่ 608 ที่ว่าการอำเภอขึ้นตรงกับนายอำเภอ ส่วนนายอำเภอขึ้นตรงกับภรรยา

เฉาอันหรานจับมือหลินเว่ยเว่ยเดินเข้ามา นางพูดกับบิดาพร้อมรอยยิ้ม “ท่านพ่อ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเว่ยเว่ย ! ต่อไปนางคือพี่สาวแท้ ๆ ของข้า ! ธุระของพี่สาวแท้ ๆ ก็คือธุระของบ้านเรา เรื่องม้าศึกนั้นท่านหาวิธีเอาก็แล้วกันเจ้าค่ะ ! ”

แม่ทัพเฉาขมวดคิ้วพลางมองบุตรสาว “เรื่องพี่น้องร่วมสาบานนั้น องค์หญิงเว่ยเว่ยเห็นด้วยหรือยัง ? เจ้าคิดเองเออเองให้น้อยหน่อยได้หรือไม่ ? ”

“องค์หญิงเว่ยเว่ย ? จริงสิ เว่ยเว่ยเป็นองค์หญิง ! องค์หญิงเป็นสตรีคนแรกที่เอาชนะหม่อมฉันได้ ! หม่อมฉันอยากเป็นพี่น้องกับพระองค์ตั้งแต่แรกพบ พวกเรามาเป็นพี่น้องกันได้หรือไม่ ? เฉาอันหรานอยากจุดธูปและกรีดเลือดสาบานเป็นพี่น้องกับหลินเว่ยเว่ย”

หลินเว่ยเว่ย “…” จุดธูปก็ได้อยู่หรอก แต่กรีดเลือดนี้ช่างมันเถิด !

“เรียกองค์หญิงอะไรกัน เรียกพี่สาว ! ” แม้ว่าอีกฝ่ายจะอายุมากกว่าตนหลายเดือน แต่เมื่อเทียบตนเองที่อายุยี่สิบกว่าปีในชาติก่อนกับเด็กมัธยมปลายอายุ 16 ปีคนนี้แล้ว นางอายุมากกว่า ดังนั้นคำเรียก ‘พี่’ จึงไม่มีสิ่งใดน่าตะขิดตะขวงใจ…หืม ? เหมือนนางจะอายุมากกว่าสามีด้วยสิ นี่ถือว่านางเคี้ยวหญ้าอ่อนได้หรือเปล่า ?

ตอนเจียงโม่หานสั่งให้โรงตีเหล็กของตัวอำเภอ บริเวณรอบอำเภอหรือแม้แต่ทั้งเมืองหนิงโจวทำคันไถล้อคู่อีก 40 คัน เฉาอันหรานก็พาม้าศึกกว่า 80 ตัวมาช่วย !

เมื่อมีสัตว์ช่วยทุ่นแรงและคันไถแล้ว การเปิดรับสมัครงานใหม่ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะหมู่บ้านคนบาปอยู่ใกล้ จึงแย่งตำแหน่งคนงานชั่วคราวไปทีเดียว 30 ตำแหน่ง หนึ่งในนั้นยังมีคนจากหมู่บ้านตะวันตกอีก 2 คนด้วย

หวงต้าจวงชี้อู๋หยงห่าวด้วยดวงตาเบิกกว้าง “เจ้า…เหตุใดเจ้าจึงผ่านเข้ามาได้ ? คงไม่ได้ปกปิดชาติกำเนิดตัวเองหรอกกระมัง ? ”

อู๋หยงห่าวถลึงตาใส่เขาแล้วตะโกนออกไปว่า “ปัญญาอ่อน ! ” ท่านภรรยานายอำเภอพูดแล้วว่าคนเราเลือกชาติกำเนิดไม่ได้ แต่เลือกเส้นทางที่ตัวเองจะเดินได้ แม้เขามีรูปร่างสูงใหญ่ แต่ไม่เคยทำร้ายหรือรังแกคนอื่น…แล้วเหตุใดเขาจะมาทำงานไม่ได้ ?

สัตว์ทุ่นแรง 100 ตัวและคันไถ 50 คันลงสู่พื้นดินบุกเบิก พวกมันทำงานได้อย่างแข็งแรงดุดัน ดินที่พลิกขึ้นมากลบขี้เถ้าจากหญ้า ถือเป็นสารอาหารอย่างหนึ่งสำหรับดินที่แห้งแล้ง

“ว้าว ! พี่เว่ยเว่ย ที่ดินกว้างขนาดนี้ ท่านเป็นคนถางเองทั้งหมดเลยหรือ ? แต่จะปลูกอะไรไม่ได้ ต้องรอให้ถึงฤดูใบไม้ผลิก่อนหรือ ? แผ้วถางที่ดินตอนนี้จะไม่เร็วเกินไปหน่อยกระมัง ? ” เฉาอันหรานเห็นหลินเว่ยเว่ยลงแรงไถที่ดินด้วยตัวเอง จึงเข้ามาช่วยคุมม้าเทียมคันไถ

พอม้าทั้งสองตัวลากคันไถจนครบพื้นที่แล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ให้รางวัลพวกมันเป็นหญ้าสดหนึ่งกำมือ หลังจากตบท้องพวกมันแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องรอถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าหรอก ปีนี้ยังปลูกข้าวโพดได้อีกหนึ่งรอบ ! ”

อาหารสามมื้อของวัวและม้าพวกนี้คือถั่วและหญ้าที่มาจากห้วงมิติน้ำพุวิญญาณ แถมในระหว่างนั้นยังได้ดื่มน้ำจากห้วงมิติด้วย กอปรกับคันไถล้อคู่แล้ววัว ( ม้า ) สองตัวสามารถไถที่ดินได้ถึง 5 หมู่ต่อวัน ! พื้นที่รกร้างหนึ่งพันหมู่จึงใช้เวลาไถพรวนดินไม่ถึง 4 วันด้วยซ้ำ

ชาวบ้านที่มาดูก็ตกตะลึง เพราะต้องทราบก่อนว่าในสถานการณ์ปกติแล้วอย่างมากสุดวัวหนึ่งตัวก็พรวนดินได้แค่ 1 หมู่กว่า ๆ เท่านั้น คันไถใหม่นี้เพิ่มความเร็วในการทำการเกษตรได้ถึงหลายเท่าตัว ! ทว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีเงินซื้อวัวสักตัว ได้แต่พึ่งแรงของตัวเอง แม้จะอยากใช้คันไถแบบใหม่ก็ไม่มีปัญญาอยู่ดี !

คันไถล้อคู่ไม่เพียงทำงานได้ดี แต่ยังไถได้ลึกด้วย โดยเฉพาะที่ดินดำ 20 กว่าหมู่ที่หลินเว่ยเว่ยเป็นคนไถ มันลึกกว่าที่อื่น…ดินดำพวกนี้หลินเว่ยเว่ยคิดจะพรวนดินให้ลึกเข้าไป แล้วเอาไว้ปลูกข้าวสาลีฤดูหนาว ในที่สุดข้าวสาลีที่ให้ผลผลิตไม่เลวของห้วงมิติน้ำพุวิญญาณก็มีที่ให้ทดลองแล้ว

พื้นที่ดินทราย 900 กว่าหมู่ที่เหลือจะเอามาใช้ปลูกข้าวโพด หลินเว่ยเว่ยยังจ้างคนเพิ่มอีก 200 คน เพียงสองวันก็จัดการเรื่องการรับสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกที่ภรรยานายอำเภอรับสมัครคนงานถางที่ดิน ผู้คนยังกังวลอยู่ว่านางจะหาข้ออ้างต่าง ๆ นานามากดค่าแรงหรือค้างค่าแรง แต่ช่วงเวลาสองสามวันแรกที่พวกคนงานถางที่ดินเริ่มทำงาน มีการจ่ายค่าแรงเป็นรายวัน นอกจากนี้ถ้าทำงานดีก็ยังได้รางวัลเป็นอาหารด้วย ต้องทราบก่อนว่าในอำเภอหนิงซี อาหารมีค่ายิ่งกว่าเหรียญทองแดง !

ภรรยานายอำเภอจ่ายค่าแรงดี อาหารมื้อหนึ่งที่มีให้ก็ปริมาณเพียงพอ ในอำเภอหนิงซีนางกลายเป็นตัวแทนของความซื่อสัตย์และมีเมตตา เมื่อเทียบกับนายอำเภอที่มี ‘หน้าตาสะดุดตา’ ท่านนั้นแล้ว นางยังดูมีความหวังในสายตาราษฎรมากกว่าอีก ! ขอแค่นางลงประกาศรับสมัครงาน พวกชาวบ้านก็จะรีบเข้าไปรายงานชื่อตัวเองจนไม่มีสภาพที่หาคนมาสมัครไม่ได้ให้เห็นเลย

หลังจากเมล็ดข้าวโพดเพิ่งหว่านเสร็จไม่นาน อำเภอหนิงซีที่ไม่มีฝนตกมาเกือบเดือนก็มีฝนตกลงมาในคืนนั้นทันที อย่ามองว่าเป็นแค่หยาดฝนเล็กน้อย แต่มันตกทั้งวันทั้งคืนติดกันถึง 3 วัน ทำให้พื้นที่เพิ่งเพาะปลูกเปียกชุ่มไปหมด ชาวบ้านต่างพากันพูดว่าภรรยานายอำเภอมีจิตใจดีจนทำให้สวรรค์รับรู้…คนดีสวรรค์ย่อมคุ้มครอง !

ผ่านไปไม่นาน ที่ว่าการอำเภอยังติดประกาศว่า ‘เกณฑ์แรงงานซ่อมแซมคลอง ! อย่างน้อยทุกครัวเรือนต้องส่งแรงงานผู้ใหญ่มาหนึ่งคน ซ่อมแซมคลองในอำเภอหนิงซี มีอาหารให้วันละสองมื้อ’

ข้างป้ายประกาศมีพวกชาวบ้านอำเภอหนิงซีกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ “ว่าอย่างไรนะ ? มีอาหารให้วันละสองมื้อ ? จริงหรือเท็จ ? เมื่อก่อนก็พูดแบบนี้ แต่พอไปทำงานแล้ว มื้อหนึ่งก็ให้เรากินแค่หมั่นโถวกับผักต้มนิดเดียวเท่านั้น ไม่พอให้ขัดฟันด้วยซ้ำ กินไม่อิ่มก็ไม่มีแรงทำงาน ยังถูกทางการเอาแส้เฆี่ยนอีก…”

“ถ้าเป็นเหมือนที่ภรรยานายอำเภอรับสมัครคนงาน มื้อหนึ่งได้กินหมั่นโถวจากแป้งข้าวโพดลูกใหญ่สองลูก อย่าว่าแต่ไปคนเดียวเลย พวกข้าจะไปช่วยซ่อมแซมกันทั้งบ้าน ! ”

“บ้าไปแล้วหรือ ! งานทางการจะเป็นเหมือนงานแผ้วถางของภรรยานายอำเภอได้อย่างไร ? ทางการจะมีอาหารมากมายขนาดนั้นเชียว ? อีกอย่างภรรยานายอำเภอจิตใจดี นางยังต้มน้ำถั่วเขียวให้พวกคนงานด้วย ได้ยินมาว่ายังเป็นน้ำต้มถั่วเขียวแบบใส่น้ำแข็งด้วย…”

“ไม่ใช่แค่เรื่องเล่า แต่ใส่น้ำแข็งลงไปด้วยจริง ๆ ได้ดื่มในวันที่อากาศร้อนจัด วิเศษไปเลย…ไม่อยากจะพูด ! ตอนถางที่และเผาหญ้า ข้าก็ไปด้วย…ท่านภรรยานายอำเภอเป็นเหมือนพระโพธิสัตว์เดินดิน ! ”

ในเวลานี้ หลินเว่ยเว่ยขี่ม้าผ่านมาที่ป้ายประกาศ มีชาวบ้านใจกล้าคนหนึ่งถามว่า “ท่านฝูเหรินนายอำเภอ ทางการจะเลี้ยงอาหารสองมื้อตอนซ่อมคลองจริงหรือขอรับ ? ”

“นี่เจ้าไม่ได้จงใจอยากให้ท่านฝูเหรินนายอำเภอลำบากใจหรือ ? นางไม่ได้ดูแลที่ว่าการอำเภอสักหน่อย ! ”

“ที่ว่าการอำเภอ นางไม่ได้ดูแล แต่นางดูแลนายอำเภอ ! ” มีชาวบ้านปากไวคนหนึ่งสร้างเสียงหัวเราะขึ้นในฝูงชน

หลินเว่ยเว่ยดึงสายบังเหียนพลางมองชาวบ้านเบื้องล่างด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเฉาอันหรานก็พูดกับหลินเว่ยเว่ยด้วยสีหน้าเยือกเย็น “พี่เว่ยเว่ย ท่านอย่าไปสนใจพวกเขา แค่ชาวบ้านนิสัยไม่ดีกลุ่มเดียวเท่านั้น ! ”

หลินเว่ยเว่ยโบกมือให้นางแล้วพูดกับพวกชาวบ้านว่า “ในเมื่อให้พวกเจ้าทำงานแล้ว ไฉนเลยจะไม่ดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร ? วางใจเถิด ถ้าทางการไม่เลี้ยง ภรรยานายอำเภออย่างข้าจะเลี้ยงเอง อย่างไรก็ต้องทำให้คนที่มาร่วมกันซ่อมแซมคลองได้กินจนอิ่ม ! ท่านนายอำเภอยังบอกว่าหลังจากรอให้คลองซ่อมเสร็จแล้ว รายชื่อคนที่ช่วยกันซ่อมคลองก็จะถูกสลักบนแผ่นจารึกผู้สร้าง ให้ชื่อของพวกเจ้าอยู่คู่กับคลองสายนี้ตลอดไป ! ”

หลังพูดเรื่องพวกนี้จบแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ควบม้าออกไป แต่นางไม่รู้ว่าคำพูดของตนได้สร้างระลอกคลื่นอะไรขึ้น…ชาวบ้านที่มาร่วมกันซ่อมแซมคลอง ไม่เพียงมีอาหารกิน แต่ชื่อยังถูกสลักบนแผ่นจารึก สืบทอดกันไปจากรุ่นสู่รุ่น สำหรับพวกชาวบ้านแล้วนี่ถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ !

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาพูดเรื่องพวกนี้ ชาวบ้านในอำเภอหนิงซีก็คงไม่เชื่อ แต่พอออกมาจากปากภรรยานายอำเภอแล้ว ความน่าเชื่อถือของนางมีผลต่อหัวใจพวกชาวบ้าน มันได้ผลยิ่งกว่าป้ายประกาศของทางการสิบแผ่นเรียงติดกันเสียอีก !