บทที่ 634 วันจับจ่ายสิ้นปีมาถึง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ตอนนี้ทุกอย่างทุกเรื่องราวได้ข้อสรุป คนที่เกี่ยวข้องกับถังเฉิงเสี้ยงนับไม่ถ้วนถูกจับกุม ขังคุก เนรเทศและต้องโทษประหารทั้งหมดตัดสินตามความร้ายแรงของเรื่องราว

เรื่องทูตแต่ละประเทศถูกสังหาร นับว่าเป็นการประกาศการไขคดีอย่างสมบูรณ์

แต่ว่า ก่อนหน้าที่ยังไม่ผ่านพ้นวันจับจ่ายสิ้นปี ฮ่องเต้องค์ใหม่เย่หลีเฉินตัดสินใจ ไม่เปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณชนชั่วคราว ต้องเกี่ยวข้องกับประเทศใหญ่อีกหนึ่งประเทศเป็นแน่ ทั้งยังเป็นประเทศที่กองกำลังทหารแข็งแกร่งประเทศหนึ่ง ประเทศก่วงส้าเองต้องเตรียมตัวรับมือต่อสิ่งที่เลวร้ายที่สุด อย่างน้อยต้องการฉลองปีใหม่โดยสงบสุขสบายใจอย่างแท้จริง

บนท้องถนน เด็กผู้ชายอายุห้าหกขวบผู้หนึ่ง ถือถังหูลู่ไม้สีแดงๆ กัดลงไปหนึ่งคำเปรี๊ยวๆหวานๆ นางกลับดีใจตะโกนลั่นไปทางคนข้างๆ

“ปีใหม่แล้ว ปีใหม่แล้ว ท่านแม่ซื้อถังหูลู่ที่ข้าโปรดปรานที่สุดให้” (ถังหูลู่ เป็นของว่างโบราณ ที่ทำจากผลซานจาเคลือบน้ำตาล รสชาติเปรี้ยวอมหวาน)

สำหรับเด็กน้อยแล้ว ฉลองปีให้ก็คือวันที่มีความสุขที่สุดวันหนึ่ง เพราะวันนี้ไม่ได้มีแค่ของกินดีๆของเล่นสนุกๆ ยังมีเสื้อผ้าใหม่รองเท้าใหม่ กระทั่งสามารถไปเที่ยวเล่นบนท้องถนนกับพ่อแม่ได้

บนท้องถนนเป็นความครึกครื้นปีติยินดีโดยธรรมชาติ

จวนอ๋องเย่ยิ่งคึกคัก

วันนี้จวนอ๋องเย่ปลดความหม่นหมองเสื่อมโทรมตลอดทั้งปีทิ้งไปแล้ว ต้อนรับบรรยากาศความสุขสันต์

ฐานะที่ไม่ว่าโกรธหรือดีใจก็ไม่แสดงออก อ๋องเย่ที่ใบหน้าเย็นชาดั่งเทพเซียนทำให้ผู้คนทั้งเคารพทั้งกลัว หยิบโคมไฟสีแดงอันใหญ่ขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เหาะขึ้นไปบนชายคาและแขวนไว้ ทำให้เหล่าองครักษ์ลับตกตะลึง

แต่ว่า!

เห็นซ่างกวนหนานซู่ยืนอยู่ข้างๆ มองดูเจ้านายตัวเองด้วยรอยยิ้มจางๆ และเจ้านายของตัวเองก็มองกลับไปในพริบตา ขณะที่เผยรอยยิ้มที่อบอุ่นเอ็นดูออกมา พวกเขาปิดหน้าในทันที

เพื่อเลี่ยงความระแวง ไม่กล้ามองฉากที่หวานจนเลี่ยน อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เพื่อนร่วมงานข้างกาย ทั้งสองล้วนถอยไปไกลมากๆในพริบตา

สายตาหนึ่งยิงไป: อย่าใช้สายตาประเภทนี้มองข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะคิดว่าเจ้ามีความคิดต่อข้า

อีกสายตาหนึ่งโจมตีกลับมา: เหอะ เจ้าคิดว่าเจ้ามีเสน่ห์แบบคุณชายซ่างกวน?

ความหมายก็คือ

ซ่างกวนหนานซู่มีเสน่ห์เช่นนั้น คู่ควรกับเจ้านายที่องอาจห้าวหาญจะยอมเบี่ยงเบนทางเพศเอง แต่เขาไม่มี ดังนั้นไม่ต้องคิดปัญหาว่าจะมีความคิดหรือไม่มี

ทั้งสองคนล้วนโล่งใจในขณะเดียวกัน

แต่เมื่อเคลื่อนสายตา ทั้งสองก็เห็นจื่อซีที่วิชาการรักษาล้ำเลิศ นอนบนกิ่งไม้ที่เขียวชอุ่มของต้นไม้เก่าแก่ หยิบกระดาษจดหมายฉบับหนึ่งมาดูเงียบๆ มุมปากยกเป็นรอยยิ้ม ใบหน้าอ่อนโยน

“พระราชธิดาจาวหยางส่งจดหมายมาอีกแล้วสินะ?”

“ไม่ใช่ได้ไงล่ะ! เมื่อลืมตาก็ดูจนถึงตอนนี้ จื่อซีดูจดหมายซ้ำไปมา ไม่ยอมวางมือ หรือว่ายังจะสามารถดูจนเป็นดอกไม้ออกมาได้?”

“เจ้าไม่เข้าใจน่ะสิ? เช่นนี้เรียกว่ามองสิ่งของแล้วคิดถึงคน”

“อ๋อ เช่นนั้นจื่อเฟิงล่ะ?”

ทั้งสองมองไปทางจื่อเฟิงที่ยืนอยู่บนชายคาสูงพร้อมกันอีก เขาสวมชุดทะมัดทะแมงทั้งตัว ยืนเอามือไขว้หลัง เหมือนกับต้อนรับการมาของผู้บุกรุก ความจริงแววตากำลังมองไปทางสถานที่หนึ่งตลอด สถานที่นั้นมีลูกพี่สามท่านหนึ่งที่เก่งกาจอยู่เชียว

“แน่นอนว่าเป็นเฝ้ามองด้วยความปรารถนา!”

ในคำพูดของทั้งสองมักจะแฝงไปด้วยความใฝ่ฝันและความอิจฉาเล็กน้อย เมื่อไหร่พวกเขาจะสามารถพบกับคนผู้นั้นที่ชะตาลิขิตได้?

แต่เห็นคุณชายเหลียงเฉินมาอย่างรีบร้อน เมื่อมาก็เกาะติดซ่างกวนหนานซู่ ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ ท่าทางประจบประแจงนั่น แทบอยากจะเอาความซื่อสัตย์จริงใจมอบให้ เพียงเพื่อมั่นใจว่าคนผู้นั้นปลอดภัยไร้กังวลใช่หรือไม่

องครักษ์ลับสองคนรีบส่ายหน้าอีกทันที

ไม่ต้องพบผู้หญิงที่ชะตาลิขิตไว้ยังดีซะกว่า หากว่าพัฒนาเป็นเหมือนคุณชายเหลียงเฉินเช่นนี้ ในใจกลั้นความกลัดกลุ้มไม่ได้ยังจะเป็นทุกข์อีกมาก เช่นนั้นจิตใจจะว้าวุ่นขนาดไหนนะ!

ด้วยเหตุนี้!

หลังจากความโหยหาและความใฝ่ฝันในชั่วพริบตาแล้ว ในใจที่สั่นไหวเล็กน้อยของทั้งสองคนก็กลับคืนเป็นสงบเงียบอีก

ยังไงก็ประพฤติตัวดีๆ รักษาจิตใจของตัวเองให้สงบเถอะ!

แต่ทว่า!

การมาของคนผู้หนึ่ง ทำลายบรรยากาศความเป็นมงคลสงบสุขและความปีติยินดี

คนที่มาสวมชุดสีม่วง ชั่วร้ายสง่างาม ฝีก้าวมั่นคง แต่รัศมีมากเป็นที่สุด เพิ่งจะเหยียบเข้าประตูใหญ่จวนอ๋องเย่ก้าวหนึ่ง องครักษ์ลับในที่ลับแฉลบตัวออกมาในพริบตา ล้อมรอบเขาไว้

“เช่นนี้ก็คือวิธีการรับแขกของจวนอ๋องเย่หรือ?” ชายชุดม่วงยกมุมปาก รอยยิ้มที่ชั่วร้ายเผยออกมาบนใบหน้า

ตั้งแต่การมาถึงของโม่เหลียงเฉิน เริ่มการติดพันหลานเยาเยา เย่แจ๋หยิ่งก็หน้าหงอยแล้ว โชคดีรู้ว่าคนในใจของโม่เหลียงเฉินคือฮัวหยู่อัน ไม่เช่นนั้นเขาก็อาจจะหึงมากๆ

ตอนนี้คนที่มาคือหานแสพอดี

คนผู้นี้มีจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์ต่อหลานเยาเยา วันนี้ปีใหม่ มาที่นี่อย่างกะทันหัน เกรงว่าไม่เพียงเพราะเพิ่มความรำคาญใจให้เขา จุดประสงค์อยู่ที่หลานเยาเยา

เย่แจ๋หยิ่งเปล่งเสียงไม่พอใจในใจทีหนึ่ง!

โบกมือ บรรดาองครักษ์ลับถอยไป ซ่อนเข้าไปในที่ลับ “ผู้ที่มาเป็นแขก งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม ทำตัวตามสบายไปชั่วคราวก่อน”

“เห็นด้วย!”

ยังไงซะหานแสก็ไม่ได้มาครั้งแรก เขาชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงามในจวนอย่างชำนาญทางโดยธรรมชาติ แน่นอนยิ่งชื่นชมยิ่งเข้าใกล้หลานเยาเยาทางนั้น

ขณะที่กำลังต้องการจะเปิดปากพูดกับหลานเยาเยาพอดี

ฉับพลันนั้นมือใหญ่เรียวยาวข้างหนึ่งโอบช่วงเอวของหลานเยาเยา พามาอยู่ในอ้อมอก หลานเยาเยาก็พิงที่หน้าอกของเย่แจ๋หยิ่งตามทิศทาง สองคนสบตากันยิ้ม ในตามีเพียงกันและกัน

หานแสต้องกลืนคำพูดที่จะชวนคุยกลับไป ในใจเกิดความกลัดกลุ้มใจเล็กน้อยทันที

เขามาที่นี่ทำอะไร?

หาความไม่สบายใจหรือ?

ยังดี ความไม่สบายใจของเขาก็ไม่ได้ต่อเนื่องกันนานเท่าไหร่ มีคนมาอีกคนหนึ่งแล้ว คนผู้นั้นทั้งตัวใส่ชุดลำลองของฮ่องเต้ ยังคงเป็นมีเหลืองสว่าง แต่กลับเรียบง่ายกว่าชุดเครื่องแบบมาตรฐานของฮ่องเต้มาก

เย่หลีเฉินมาแล้ว

นำของกำนัลมาเต็มไปหมด ผ้าไหมแพรต่วน นาดีเครื่องหยก หยกสวยงามละลานตา ทำให้คนเห็นของสวยงามแล้วสบายใจ

สำหรับสิ่งนี้!

แววตาของหลานเยาเยาเปล่งแสงแล้ว ขึ้นไปต้องรับราวกับเป็นนายผู้หญิงจริงๆของจวนอ๋องเย่ คำพูดไพเราะยิ่งใหญ่ พูดเป็นกอง พูดจนเย่หลีเฉินอดหัวเราะเบาๆไม่ได้

นี่ทำให้หานแสยิ่งกลุ้มใจ

ทำไมการปฏิบัติต่อกันแตกต่างเช่นนี้?

ด้วยเหตุนี้ เขาหาโอกาสถามหลานเยาเยา “ทำไมเจ้ามีไมตรีต่อเขาเช่นนี้ แต่กับข้ากลับไม่ถามไม่ไถ่?”

หลังจากฟังเขาพูดจบ

หลานเยาเยาเลิกคิ้ว สังเกตเขาอย่างละเอียด ถอนหายใจแล้วกล่าว: “ดูท่า หานแสไม่เคยมาเยี่ยมเยียนในวันฉลองปีใหม่ ไม่เคยไปบ้านญาติพี่น้อง!”

ก็ถูก

ตั้งแต่เล็กเขาเติบโตในเรือ พ่อแม่เป็นใครก็ไม่รู้ ยิ่งไม่มีญาติพี่น้องเพื่อนสนิท จะเข้าใจการมอบของขวัญอย่างบริสุทธิ์ใจได้อย่างไรล่ะ!

หานแสส่ายศีรษะ “แน่นอนว่าไม่มี”

“ปีใหม่เป็นวันสำคัญที่สุดของประเทศก่วงส้า โดยปกติล้วนต้องไปมาหาสู่มีของขวัญให้กัน เหมือนเจ้าเช่นนี้จุดประสงค์ไม่บริสุทธิ์ ยังเข้ามาโดยไม่มองใครในสายตา แม้แต่ของขวัญเล็กน้อยก็ไม่มีมามอบให้ บวกกับเจ้าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งกับเย่แจ๋หยิ่ง เจ้าว่า ในจวนนอกจากข้า ยังมีใครมีท่าทางที่ดีต่อเจ้า?”

หานแสเข้าใจแล้ว

พูดพันหมื่นเหตุผล

ที่แท้คือไม่ได้ให้ของขวัญ จึงโดนปฏิบัติอย่างเย็นชา

แต่เมื่อคิดในชั่วพริบตา แม้ว่าเขาจะเอาเรือแห่งความสิ้นหวังที่สร้างเสร็จใหม่มอบให้เป็นของขวัญ อ๋องเย่ก็ไม่แน่ว่าไม่มีท่าทีที่ดีต่อเขา สำคัญคือด้านหน้าท่านนี้ แม้ว่าลักษณะท่าทางจะเปลี่ยน แต่นิสัยเดิมไม่เปลี่ยน

การกินอาหาร เงินทรัพย์สินและวิชาการรักษาสามอย่างนี้ เป็นของหลอกล่อที่ถึงแก่ชีวิตของนาง

“ที่แท้คุณชายซ่างกวนกำลังเตือนข้าว่าควรมอบของขวัญ”

“แฮ่มแฮ่มแฮ่ม เช่นนั้นเช่นนั้น”

หลานเยาเยาไม่ถ่อมตัวแม้แต่น้อย แต่แม้นางจะโปรดปรานทรัพย์สิน แต่ก็โปรดปรานอย่างมีหลักการมาก คนอื่นมอบหรือไม่มอบของขวัญ นางไม่สนใจ แต่หานแสก็คือไม่ได้

ใครใช้ให้หานแสเป็นทั้งคนดีคนชั่ว อารมณ์ดีร้ายไม่แน่นอน ยังมักจะข่มขู่นางบ่อยๆอีกล่ะ?

วันนี้มาถึงที่ ไม่กดขี่เขาดีๆสักรอบ จะคู่ควรกับที่เขาเปลี่ยนไปทำการแลกเปลี่ยนช่วยถังเฉิงเสี้ยงทำเรื่องเลวๆได้อย่างไรล่ะ?

ในแต่ละประเทศยิงจวนหยั่งรากลึก สถานการณ์กองกำลังวุ่นวายซับซ้อน แต่เจ้าสำนักยิงจวนหานแสไม่ได้เป็นของประเทศไหน นอกจากว่าจะสามารถจัดการทั้งยิงจวนได้ทีเดียวในพริบตา ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางลงโทษเขาได้

เรื่องทูตแต่ละประเทศถูกสังหารครั้งนี้ ยิงจวนมีความผิด แต่หานแสมีคุณงามความดี เป็นเขาเอาหลักฐานความผิดที่ถังเฉิงเสี้ยงจ้างฆาตกรสังหารทูต และยิงจวนก็เป็นของหานแสอีก คุณงามความดีเกินหักล้างกันแทบจะพอดี และก็ยอมให้เขาดิ้นรน

อย่างไรเสีย!

แนวโน้มปีหน้าไม่ค่อยดี

ประเทศก่วงส้าไม่สามารถที่จะเพื่อต่อกรกับยิงจวนของหานแส และทำให้ประชาชนตกอยู่ในหายนะ

หลานเยาเยาพูดตรงไปตรงมาเปิดเผยเพียงนี้แล้ว

หานแสทำได้เพียงเอาเงินและทรัพย์สินที่พกติดตัวทั้งหมดออกมา วางไว้ในมือหลานเยาเยา

เพียงแค่ตั๋วเงินก็มีเพียงไม่กี่ใบ เงินในถุงเงิน เดิมทีนางก็ไม่อยากมอง แต่ไม่เอาก็ไม่เอาโดยเปล่าประโยชน์นี่!