บทที่ 606 สร้างเทพมารฟ้าบุพกาล

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 606 สร้างเทพมารฟ้าบุพกาล

หากว่ากันอย่างไม่มีอคติแล้ว วาจานี้ของจอมอริยะเสวียนตูนั้นนับว่าสมเหตุสมผล

น่าเสียดาย หานเจวี๋ยแข็งแกร่งเท่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการแล้ว!

อย่างไรก็ตามเขาไม่อยากถูกตัวตนที่อยู่เบื้องหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการหมายหัว จำเป็นต้องลากกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ มาร่วมภารกิจด้วย ลดความมีตัวตนของเขาในศึกครั้งนี้ลงได้จะดีที่สุด

“หากเจ้าใคร่ครวญได้แล้ว ติดต่อมาหาข้าได้ทุกเมื่อ ต้องกำจัดจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการให้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราเหล่าอริยะจะมุ่งหน้าไปที่แดนต้องห้ามอันธการด้วยกัน”

จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยเสียงขรึม

หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ จากนั้นก็สลายแดนความฝัน

เขาลืมตาขึ้น ถามในใจว่า ‘เมื่อครู่จอมอริยะเสวียนตูโป้ปดข้าหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ไม่]

สีหน้าหานเจวี๋ยผ่อนคลายลง

ฉิวซีไหลและเทพสูงสุดอู๋ฝ่าต่างถูกคุกสวรรค์อนธการสยบทาสแล้ว หากเหล่าอริยะวางแผนเล่นงานเขา ทั้งสองย่อมต้องมาแจ้งเขาแน่

ทว่าหานเจวี๋ยยังคงไม่วางใจ

เขาพลันเกิดความคิดอาจหาญอย่างหนึ่งขึ้น

สยบอริยะทั้งหมดให้เป็นทาสโดยเว้นไว้แค่จอมอริยะเสวียนตูดีหรือไม่นะ

ไม่ได้

เสี่ยงเกินไป

ก่อนหน้านี้ที่สยบทาสฉิวซีไหลก็ล่วงเกินโพธิสัตว์จุนทีไปแล้ว หากล่วงเกินผู้อาวุโสทั้งหมดในแดนเทพหวนปัจฉิมเข้า วิธีนี้ไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน

หานเจวี๋ยปรับสภาพอารมณ์ เริ่มยกระดับพลังของตน

ร่างจำลองเสรีสุญญตาจำเป็นต้องฝึกฝนอยู่แล้ว ร่างจำลองเทพมารทุกตนที่ฝึกฝนออกมาล้วนสามารถเพิ่มพลังให้เขาได้

ผ่านไปหนึ่งร้อยปี

ตบะและพลังของหานเจวี๋ยยกระดับถึงขีดสูงสุดในปัจจุบันแล้ว ทว่าเรียนรู้ร่างจำลองเทพมารจากจากร่างจำลองเสรีสุญญตาได้แค่ยี่สิบห้าตนเท่านั้น

เมื่อเทียบกับตอนฝ่าทะลวงระดับขั้นเล็กๆ ก่อนหน้านี้แล้ว ถือว่าด้อยลงมาก

หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าในความมืดมิดมีพลังอำนาจอย่างหนึ่งคอยยับยั้งการฝึกฝนร่างจำลองเสรีสุญญตาของเขาอยู่

ร่างจำลองเทพมารใหม่ๆ ที่เขาเรียนรู้เพิ่มมานั้นแบ่งออกเป็นเทพมารอันตราย เทพมารวางวาย เทพมารระเบียบ เทพมารตระหนักรู้ เทพมารเปลือยบาท เทพมารเชี่ยวกราก เทพมารธรรมนูญ เทพมารดั่งฝัน เทพมารมหาการุณย์ เทพมารพิสุทธิ์ เทพมารละบาป เทพมารเที่ยงธรรม เทพมารยอดวิญญาณ เทพมารศีลธรรม เทพมารตรีเอกภาพ เทพมารทลายฟ้า เทพมารไร้คู่ เทพมารจุดอ่อน เทพมารแปรผัน เทพมารราตรีภพ เทพมารหลุมดำ เทพมารพังทลาย เทพมารหกกรรณ เทพมารมหาวิเศษ เทพมารเจ็ดแสง

หานเจวี๋ยเปิดใช้แบบจำลองการทดสอบ ท้าสู้กับลี่จื้อไจ้ก่อน

เมื่อสำแดงร่างจำลองเทพมารทั้งสองร้อยสี่สิบเก้าตนออกมา สามารถปลิดชีพลี่จื้อไจ้ได้ในสามลมหายใจ

หานเจวี๋ยใช้แบบจำลองการทดสอบต่อไป

เมื่อผ่านไปหลายร้อยครั้ง เขาพบว่าตนไม่สามารถสังหารลี่จื้อไจ้ได้

พลังแห่งอริยะเสรีแข็งแกร่งเหลือเกิน สามารถปกป้องวิญญาณของลี่จื้อไจ้ไว้ได้

มหามรรคของลี่จื้อไจ้ อนิจจังเลื่อนลอย แข็งแกร่งอย่างยิ่งทว่าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของร่างจำลองเทพมารเลย

หานเจวี๋ยเริ่มทดลองต่อสู้โดยไม่ใช้ร่างจำลองเสรีสุญญตาดู อาศัยสมบัติวิเศษของตนในการต่อสู้ มือขวาถือกระบี่พิพากษาอนธการ มือซ้ายถือป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคา เปิดใช้งานยอดสมบัติป้องกันทั้งหมดบนร่าง พึ่งพาพลังวิเศษในการต่อสู้

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เขาก็ปลิดชีพลี่จื้อไจ้ได้

ยังไม่พอ!

สู้ต่อ!

หลายปีผ่านไป

ประสบการณ์ในการต่อสู้ของหานเจวี๋ยก้าวหน้าขึ้นมหาศาล ถ้าไม่พึ่งพาร่างจำลองเสรีสุญญตา อย่างเร็วสุดเขาต้องใช้เวลาถึงสามสิบลมหายใจถึงจะปลิดชีพลี่จื้อไจ้ได้

จำเป็นต้องกล่าวเลยว่า ในแง่ของการสำแดงพลัง ร่างจำลองเสรีสุญญตายังคงเลิศล้ำที่สุด

หานเจวี๋ยเรียกจดหมายออกมาตรวจดู

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านได้รับการเทศนาธรรมจากผู้ทรงพลังลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[สือตู๋เต้าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ] x12009328

[หานทั่วบุตรชายท่านหนีรอดจากคุกนรกอันธการ]

[หลิวเป้ยสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[สือตู๋เต้าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน]

[เจียงตู๋กูสหายของท่านปลดปล่อยไท่กู่หยวนเฟิ่งสหายของท่าน]

[หานทั่วบุตรชายของท่านเข้าสู่แดนเทพหวนปัจฉิม]

….

หานเจวี๋ยตะลึงงัน

หานทั่วเด็กคนนี้หนีออกไปได้อย่างไร

เขากำลังเตรียมเสี่ยงภัยไปช่วยอยู่เลย

เขานับนิ้วทำนายดู หลังออกจากคุกนรกอันธการเขาก็สามารถจับพิกัดของหานทั่วได้ ทำนายบ่วงกรรมของเขาได้ แต่เรื่องคุกนรกอันธการ เขายังคงทำนายไม่ได้อยู่ดีว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น

‘หานทั่วถูกจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการจับตามองหรือไม่’ หานเจวี๋ยถามในใจ

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

แค่หมื่นล้านปีเท่านั้น นับเป็นอะไรได้!

[ขณะนี้ไม่ปรากฏ]

หานเจวี๋ยมองเห็นไม่กี่คำนี้ อดไม่ได้ที่จะโล่งใจ

พอคิดดูให้ดีแล้วก็ถือว่าปกติ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการไม่รู้จักกับหานเจวี๋ย บุตรชายหานเจวี๋ยย่อมไม่อยู่ในสายตาเขา

ที่จับตัวหานทั่วไป น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ

ในเมื่อหานทั่วไม่เป็นไร เช่นนั้นหานเจวี๋ยก็ไม่ไปเสี่ยงภัยแล้ว

สำหรับเรื่องของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ ผลักไปไว้ข้างหลังก่อน

ก่อนหน้านี้เขาเคยทำนายแล้ว อีกหลายพันปีให้หลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการถึงจะบุกโจมตีมรรคาสวรรค์ ยังมีเวลาอีกนาน

อีกหลายพันปีให้หลัง หานเจวี๋ยมั่นใจว่าต้องก้าวข้ามมหามรรคได้แน่!

หากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการเหนือกว่าปรมาจารย์ลัญจกรสรวงได้ ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงไหนเลยจะปล่อยให้เขาได้สมใจ

สรุปคือ ถึงแม้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่อยู่ในสายตาของนักพรตเต๋าผู้หลุดพ้นหรือดวงจิตมหามรรค ยังคงเป็นแค่ตัวหมากเท่านั้น

หานเจวี๋ยผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์ ในที่สุดเขาก็ไปทำอย่างอื่นได้แล้ว

สองหมื่นปีต่อมา มู่หรงฉี่เกิดความเปลี่ยนแปลงแล้ว

หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายไปที่อาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง ปลดปล่อยมู่หรงฉี่ออกมา

เมื่อมู่หรงฉี่ลืมตาขึ้น เขาพบว่าตนมิได้อยู่ในเขตเซียนร้อยคีรี ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ทันใดนั้น อารมณ์ของเขาแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมา

เขาสัมผัสได้ว่าพละกำลังของสังขารตนพัฒนาขึ้นจากแต่ก่อนมากนัก!

คุณสมบัติที่เด่นชัดจนแยกแยะได้ด้วยตาเปล่าเช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดผู้ทรงพลังถึงให้ความสำคัญกับคุณสมบัติของผู้สืบทอดยิ่งนัก

คุณสมบัติสำคัญมากจริงๆ!

มู่หรงฉี่คุกเข่าลงเบื้องหน้าหานเจวี๋ย โขกศีรษะให้ซ้ำๆ

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “นับจากวันนี้ เจ้าก็อยู่ที่นี่เถอะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสังขารของเจ้าคืออะไร”

มู่หรงฉี่เงยหน้าขึ้นพลางถาม “อะไรหรือขอรับ”

“เทพมารฟ้าบุพกาล”

มู่หรงฉี่เบิกตากว้าง เขาเคยได้ยินตำนานเทพมารฟ้าบุพกาลมาก่อน

พลังลึกลับที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างเขาคือพลังแห่งมหามรรคที่ร่ำลือกันหรือ

หานเจวี๋ยเอ่ยต่อว่า “วันหน้าข้าจะสร้างเทพมารฟ้าบุพกาลเพิ่ม ทั้งหมดจะฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นี่ หลังจากบรรลุถึงระดับเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้าแล้วถึงจะออกไปได้ ข้าต้องการให้เจ้าเป็นแกนนำของเทพมารฟ้าบุพกาล เจ้าเต็มใจหรือไม่”

จะมีอีกหรือ?

มู่หรงฉี่ตื่นตะลึง ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้

“ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอนขอรับ!”

“อืม ข้าได้กีดกันเจ้าออกจากหมื่นโลกาฉายชัดแล้ว ต่อไปก็อยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถอะ”

“รับบัญชา!”

มู่หรงฉี่มิใช่คนโง่ หานเจวี๋ยคิดจะชุบเลี้ยงกองกำลังขึ้นโดยไม่ให้สำนักซ่อนเร้นรู้

ในใจเขาเต็มไปด้วยความศรัทธาชื่นชม สมกับเป็นอาจารย์ปู่ ยังคงสร้างไพ่ลับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากสำนักซ่อนเร้นใหญ่โตขึ้น ย่อมมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนปรากฏขึ้นจริงๆ ปีนั้นสำนักเต๋าคิดใช้มือเดียวปิดฟ้า แต่ก็ยังคงล่มสลายใต้เปลือกตาของบรรพชนเต๋าอยู่ดี

อีกเรื่องหนึ่ง เทพมารฟ้าบุพกาลไม่ถือว่าเป็นคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล ดังนั้นจึงไม่อาจเข้าสู่อาณาเขตฟ้าบุพกาลได้

สิ่งที่เรียกว่าอาณาเขตฟ้าบุพกาลเป็นอาณาเขตที่มรรคาสวรรค์สร้างขึ้น

หานเจวี๋ยโบกมือ สร้างอารามเต๋าขึ้นหลังหนึ่ง จากนั้นก็เข้าไปในอาราม

มู่หรงฉี่ไม่ได้รบกวน แต่ไปเดินดูรอบๆ แทน ออกจากเกาะสำนักซ่อนเร้นไปนับแสนปี หลังจากถอดร่างเปลี่ยนกระดูกได้กลับสู่บ้านเก่าอีกครั้ง ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ

หานเจวี๋ยที่อยู่ในอารามนำศิลาก่อวิญญาณออกมา

ศิลาก่อวิญญาณมีขนาดเท่ากับตัวคน แผ่แสงรุ้งพรายเจ็ดสีออกมา ทำให้ตาพร่าอย่างยิ่ง

เขาเริ่มใช้ความคิดว่าจะสร้างเทพมารฟ้าบุพกาลตนไหนดี

ตอนแรกเขาเลือกเทพมารฤทธา แต่เทพมารฤทธาในตำนานคือผานกู่ เขาเกรงว่ารูปลักษณ์ของผานกู่จะดึงดูดให้เกิดปัญหาวุ่นวายตามมา

มิสู้เลือกสร้างเทพมารที่จะไม่ส่งผลกระทบมากนักมาสักตนก่อนดีกว่า

ถึงอย่างไรวันหน้าก็ยังจะได้รับศิลาก่อวิญญาณอีกมาก

………………………………………………………………