ตอนที่ 655 การสรรหาปรมาจารย์สองคน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่​ 655 การ​สรรหา​ปรมาจารย์​สอง​คน​

วันนี้​เป็น​วันอาทิตย์​ ท้องฟ้า​สว่าง​สดใส​และ​เมฆเบาบาง​ เหมาะ​แก่​การ​นอน​พักผ่อน​เป็น​อย่างยิ่ง​

หลิน​ม่าย​ตื่นขึ้น​ตอน​หก​โมงเช้า

เธอ​ตอบรับ​ที่จะ​เข้าเรียน​ใน​มหาวิทยาลัย​ชิงหวา​แล้ว​ ดังนั้น​จึงไม่จำเป็นต้อง​ไป​ยัง​มหาวิทยาลัย​ปักกิ่ง​เพื่อ​รายงานตัว​เข้าเรียน​ ไม่ต้อง​พูดถึง​การ​ไป​ที่​สถานีโทรทัศน์​เพื่อ​เปิดโปง​ว่าน​ฮุ่ย​ การกระทำ​เช่นนั้น​ช่วย​ลด​ปัญหา​ไป​ได้​มาก​

แต่​ตอนนี้​เธอ​ทำ​การเช่า​ร้าน​แล้ว​ หาก​ไม่เปิด​ทำ​กิจการ​ก็​จะเสียเงิน​เปล่า​จริง​ไหม​?

แถมเธอ​ยัง​ได้​ทำการ​ติด​ประกาศรับ​สมัครงาน​แล้วด้วย​ ดังนั้น​เธอ​จึงต้อง​เดินทาง​ไป​คัดเลือก​ด้วยตัวเอง​

เธอ​เพิ่ง​ซักผ้า​เสร็จ​ และ​กำลังจะ​ออก​ไป​เมื่อ​พ่อ​ไป๋​เรียก​

ให้​เธอ​สวม​สร้อยทอง​เส้น​นั้น​เข้าร่วม​งานเลี้ยง​ใน​วันนี้​

ตราบใดที่​หลิน​ม่าย​นึกถึง​สร้อยคอ​ทองคำ​เส้น​นั้น​ที่​หลิน​เพ่​ย​เคย​สวมใส่​มาก่อน​ เธอ​ก็​จะรู้สึก​คลื่นไส้​และ​ไม่สบายใจ​

แต่​พ่อ​ไป๋​กลับ​บอก​ให้​เธอ​สวม​สร้อยคอ​ทองคำ​เส้น​นั้น​ ซึ่งมัน​น่าอาย​เหลือหลาย​

หลิน​ม่าย​คิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​และ​ตัดสินใจ​ได้​

เธอ​ต้อง​ซื้อ​สร้อยคอ​ทองคำ​ที่​เหมือน​หรือ​ใกล้เคียง​กัน​เพื่อ​สับเปลี่ยน​

จากนั้น​เธอ​จะนำ​สร้อยคอ​ทองคำ​ที่​พ่อ​ไป๋​มอบให้​แก่​ช่างทำการ​เปลี่ยน​รูปพรรณ​และ​มอบให้​กับ​เสี่ยว​เถียนเถียน​ เพื่อ​จะได้​ไม่เป็นที่​จับตามอง​ของ​ใคร​

เธอ​สวม​สร้อยคอ​ทองคำ​แล้ว​ออก​ไป​

ร้าน​ที่​หลิน​ม่าย​เช่าอยู่​เป็น​บ้าน​ติด​ถนน​กว้าง​กว่า​สิบ​ตารางเมตร​ เจ้าของบ้าน​ใช้เป็น​ห้อง​รับประทาน​อาหาร​ใน​สมัยก่อน​

หลิน​ม่าย​เช่าบ้าน​หลัง​นั้น​เมื่อวาน​นี้​ และ​ให้เงิน​แก่​เจ้าของบ้าน​เพื่อ​ขอให้​เขา​ช่วย​ซื้อ​เตา​ขนาดใหญ่​ที่​ทำ​จาก​ถังน้ำมัน​ หม้อ​นึ่ง​ โต๊ะ​ เก้าอี้​ และ​สิ่งอื่น​ ๆ ที่​จำเป็น​ใน​การ​เปิดร้าน​เปา​ห่า​วชือ​

เจ้าของร้าน​บอก​เธอ​ว่า​หาก​เงิน​เกิน​จำนวน​เขา​จะไม่คืนให้​ แต่​หาก​ไม่เพียงพอ​ เรา​จะขอให้​เธอ​จ่าย​เงิน​เพิ่ม​

หลิน​ม่าย​รู้​ว่า​เธอ​จะสามารถ​ทำ​เงินได้​จาก​ที่นี่​มากขึ้น​

เมื่อ​ร้อง​ขอให้​ใคร​ช่วย​เป็นธุระ​ให้​ก็​จำเป็นต้อง​จ่าย​ค่า​เสียเวลา​ให้​ จะปล่อย​ให้​พวกเขา​ช่วยเหลือ​โดย​เปล่าประโยชน์​ไม่ได้​

ไม่ใช่เพียง​หลิน​ม่าย​ที่​คิด​อย่างนั้น​ แต่​คนใต้​ส่วนใหญ่​ก็​คิด​เช่นกัน​

ชาว​ใต้​มีความ​คมชัด​และ​เฉียบแหลม​กว่า​ชาวเหนือ​ในแง่​ของ​ความ​ซับซ้อน​

พวกเขา​จะไม่ยอม​เป็นหนี้บุญคุณ​ใคร​โดย​เด็ดขาด​

หาก​อีก​ฝ่าย​มอบ​แอปเปิ้ล​ให้​หนึ่ง​ลูก​ พวกเขา​ก็​จะมอบ​ลูก​ท้อ​สอง​ลูก​เป็น​การตอบแทน​

แต่​ชาวเหนือ​มักจะ​ตอบแทน​น้ำใจ​ด้วย​ความภักดี​ หาก​ได้รับ​แตง​มาสามลูก​ จะให้​ตอบแทน​ด้วย​พุทรา​สอง​ลูก​ก็​คง​ไม่ใช่

เมื่อ​มีเจ้าของบ้าน​ที่​ช่วย​ซื้อ​ของ​ที่​จำเป็น​สำหรับ​การ​เปิดร้าน​ซาลาเปา​ หลิน​ม่าย​จึงเดินทาง​ไป​ซื้อ​แป้ง​ เนื้อสัตว์​ และ​เครื่องปรุงรส​อื่น​ ๆ ที่​จำเป็น​สำหรับ​การ​ทำ​ซาลาเปา​

หลัง​ซื้อ​วัตถุดิบ​และ​เครื่องปรุง​จน​ครบ​ เธอ​ก็​ว่าจ้าง​รถสามล้อ​ไป​ส่งที่​ร้าน​ราว​เจ็ด​โมงเช้า

เธอ​ใช้น้ำอุ่น​ ผง​ยีสต์​ และ​น้ำตาล​เล็กน้อย​เพื่อ​ทำให้​แป้ง​ขึ้น​ฟู และ​แป้ง​ก็​ขึ้น​ฟูเต็มที่​ใน​เวลา​สิบ​นาที​

ต้อง​นวด​นาน​กว่า​สิบ​นาที​ แล้ว​พัก​แป้ง​อีก​สิบ​นาที​ ด้วย​เวลา​ตาม​นี้​จะทำให้​แป้ง​ซาลาเปา​อร่อย​ที่สุด​

เมื่อ​ถึงเวลา​ของ​อาหารเช้า​ หลิน​ม่าย​ก็​ไม่รีรอ​ที่จะ​คว้า​โอกาส​ใน​การ​ขาย​ซาลาเปา​เอาไว้​

เวลา​แปด​โมง ซาลาเปา​ชุด​แรก​ถูก​นำ​ออกมา​

โชคดี​ที่​วันนี้​เป็น​วันอาทิตย์​ ผู้คน​มากมาย​จึงตื่น​สาย​และ​มักจะ​ออกมา​เดินตลาด​ใน​เวลา​แปด​โมง

และ​ช่วงเวลา​ที่​ขายดี​ที่สุด​ก็​คือ​เวลา​แปด​โมงเช้า

เมื่อ​เห็น​ร้าน​ซาลาเปา​เปิด​ใหม่​ ผู้คน​มากมาย​ที่​เดิน​ออกมา​ซื้อ​อาหาร​ก็​ต่าง​เข้ามา​ดู​

พวกเขา​ล้วน​เห็น​ว่า​ผู้​ที่​ทำ​ซาลาเปา​ขาย​เป็น​เพียง​เด็กสาว​อายุ​ไม่ถึงยี่สิบ​ปี​

ผู้หญิง​คน​นั้น​สวย​มาก​ ผิวบาง​และ​ขาวผ่อง​ ดูเหมือน​จะไม่สามารถ​ใช้แรงงาน​ได้​ แต่กลับ​กำลัง​นึ่ง​ซาลาเปา​เพื่อ​ขาย​ให้​กับ​ผู้คน​

ทุกคน​ต่าง​สงสัย​ว่า​ซาลาเปา​ที่​เด็กสาว​ผู้​นี้​ทำ​จะอร่อย​หรือไม่​?

ชายหนุ่ม​คน​หนึ่ง​ถามราคา​ซาลาเปา​ “สาวน้อย​ ซาลาเปา​พวก​นี้​ขาย​ยังไง​จ๊ะ?”

วันนี้​เป็น​เพียง​การทดลอง​ หลิน​ม่าย​จึงทำ​เพียง​ซาลาเปา​ไส้หมู​และ​ต้น​หอม​ ดังนั้น​เธอ​จึงตอบ​ “อัน​ละ​สามเหมา​ค่ะ​”

ซาลาเปา​ใน​ปักกิ่ง​ราคา​เพียง​ลูก​ละ​สอง​เหมา​ครึ่ง​ แต่​ซวา​ลา​เปา​ของ​หลิน​ม่าย​กลับ​มีราคา​มาก​ถึงสามเหมา​ ซึ่งแพง​กว่า​ที่อื่น​ห้า​เฟิน​

เงิน​ห้า​เฟิน​สามารถ​นำ​ไป​ซื้อ​ตั๋ว​เข้า​สวนสนุก​รวมถึง​ขนม​ได้​มากมาย​

ลูกค้า​หลาย​คน​ที่​ต้องการ​ซื้อ​ซาลาเปา​ต่าง​ตะโกน​ “สาวน้อย​ ซาลาเปา​นึ่ง​ของ​เธอ​แพง​เกินไป​แล้ว​ ปกติ​แล้ว​คน​ที่นี่​เค้า​ขาย​กัน​เพียง​สอง​เหมา​ครึ่ง​เท่านั้น​”

หลิน​ม่าย​สงบ​พร้อม​เผย​รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ “ซาลาเปา​ของ​ฉัน​อร่อย​กว่า​ ก็​ต้อง​ขาย​แพง​กว่า​สิคะ​”

เธอ​จงใจขาย​ซาลาเปา​ใน​ราคา​ที่สูง​กว่า​ราคาตลาด​เพื่อ​ดู​ว่า​จะมีกี่​คน​ที่จะ​กิน​ซาลาเปา​ลูก​เล็ก​และ​ราคาแพง​เช่นนี้​

หาก​มีคน​กิน​เยอะ​ เธอ​จะเปิดร้าน​สาขา​ของ​เปา​ห่า​วชือ​ใน​เมืองหลวง​ และ​แน่นอน​ว่า​ธุร​กิจจะ​ไม่ล้มเหลว​อย่าง​ง่ายดาย​

ลูกค้า​เย้ยหยัน​ “ใคร​จะรู้​ว่า​ซาลาเปา​นึ่ง​ของ​เธอ​อร่อย​จริง​หรือไม่​ เธอ​อาจจะ​แค่​คุยโว​ก็ได้​”

หลิน​ม่าย​ชำเลือง​มอง​ลูกค้า​ขณะ​กำลัง​ยุ่ง​อยู่​กับ​การปั้น​ซาลาเปา​ “หาก​อยากรู้​ก็​ลอง​ซื้อ​ไป​ชิมดู​สิคะ​ หาก​ไม่อร่อย​ ครั้งหน้า​ฉัน​ยินดี​คืนเงิน​ให้​สามเหมา​”

ลูกค้า​คน​นั้น​คุณ​คิด​และ​รู้สึก​ว่า​สิ่งที่​เธอ​พูด​นั้น​น่าสนใจ​

ดังนั้น​จึงซื้อ​มาหนึ่ง​ชิ้น​ ก่อน​จะอ้า​ปาก​กัด​เนื้อ​ซาลาเปา​อัน​หอม​หวาน​

ซาลาเปา​ไส้หมู​นี้​อร่อย​มาก​ ลูกค้า​เผย​สีหน้า​ตกตะลึง​ในทันที​

หลาย​คน​รอบกาย​เขา​ต่าง​พยายาม​สอบถาม​ว่า​ ซาลาเปา​นี้​อร่อย​จริง​หรือไม่​ เขา​พยักหน้า​พลาง​กล่าว​ “อร่อย​”

ทุกคน​ต่าง​ก็​สงสัย​และ​ซื้อ​ซาลาเปา​คนละ​ลูก​มาเพื่อ​ลิ้มลอง​

เมื่อ​ได้​ลิ้มลอง​แล้ว​ ลูกค้า​เหล่านั้น​ก็​ต่าง​ซื้อ​ซาลาเปา​เพิ่ม​เพื่อ​นำ​กลับบ้าน​

ธุรกิจ​ซาลาเปา​ของ​หลิน​ม่าย​เติบโต​อย่าง​รวดเร็ว​ แม้เธอ​จะทำงาน​ได้​อย่าง​รวดเร็ว​แต่​ก็​ยัง​รู้สึก​ยุ่งยาก​อยู่​เล็กน้อย​

ในเวลานี้​ มือ​ที่​หยาบกร้าน​แต่​สะอาด​คู่​หนึ่ง​ยื่น​ออกมา​ หยิบ​วัตถุดิบ​ที่​หลิน​ม่าย​วาง​ไว้​บน​โต๊ะ​แล้ว​เริ่ม​นวดแป้ง​

หลิน​ม่าย​ชำเลือง​มอง​ไป​ยัง​เจ้าของ​มือ​นั้น​ เขา​เป็น​ชาย​กลาง​คนใน​วัย​สี่สิบ​เศษ

ชาย​คน​นั้น​สวม​ผ้ากันเปื้อน​ที่​สะอาด​และ​ยิ้ม​ให้​หลิน​ม่าย​อย่าง​เขินอาย​

หลิน​ม่าย​ถามด้วย​รอยยิ้ม​ “มาสมัครงาน​ที่นี่​เหรอ​คะ​?”

ชาย​คน​นั้น​พยักหน้า​ “ใช่ครับ​”

ต่าง​คน​ต่าง​ยุ่ง​กับ​งาน​

ไม่นาน​ก็​มีหญิง​สูงวัย​ผู้​หนึ่ง​เดิน​มายัง​ร้าน​และ​ตะโกน​ถาม “เจ้าของร้าน​อยู่​ไหม​คะ​?”

เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​นั้น​ ทั้งสอง​ก็​จ้องมอง​ไป​ยัง​หญิง​สูงวัย​ หลิน​ม่าย​ตอบกลับ​ด้วย​รอยยิ้ม​ “อยู่​ค่ะ​”

หญิง​สูงวัย​จ้องมอง​เธอ​ตั้งแต่​หัว​จรด​เท้า​และ​ถามด้วย​ความประหลาดใจ​ “เธอ​เป็น​เจ้าของร้าน​นี้​เหรอ​?”

หลิน​ม่าย​พยักหน้า​ “ใช่ค่ะ​ คุณ​มาสมัครงาน​?”

“อือ​” หญิง​สูงวัย​ถามต่อ​ “ยัง​ต้องการ​รับสมัคร​แม่ครัว​ใหญ่​อยู่​ไหม​?”

ประกาศ​การ​รับสมัคร​ของ​หลิน​ม่าย​ระบุ​ว่า​มีพ่อครัว​หรือ​แม่ครัว​หลัก​เพียง​คนเดียว​ที่​ทำ​และ​พนักงานเสิร์ฟ​หนึ่ง​คน​

เนื่องจาก​หญิง​สูงวัย​เห็น​ว่า​มีคน​ทำ​ซาลาเปา​อยู่​ใน​ร้าน​สอง​คน​แล้ว​ นาง​จึงไม่แน่ใจ​ว่า​หลิน​ม่าย​ยัง​ต้องการ​ว่าจ้าง​แม่ครัว​ใหญ่​อยู่​หรือไม่​

หลิน​ม่าย​ไม่ได้​คาดหวัง​ว่า​ธุรกิจ​ของ​เธอ​จะดำเนิน​ไป​ได้​ด้วยดี​และ​เติบโต​อย่าง​รวดเร็ว​เช่นนี้​ แน่นอน​ว่า​พ่อครัว​หลัก​คนเดียว​ก็​คง​ไม่พอ​ และ​เธอ​ไม่ได้​วางแผน​จะทำ​ซาลาเปา​ด้วยตัวเอง​ทุกวัน​

เธอ​มีหน้าที่​เพียง​ปรุง​ไส้ซาลาเปา​และ​ส่งมอบให้​กับ​พนักงาน​ต่อไป​

เธอ​พยักหน้า​ “ยัง​รับสมัคร​อยู่​ค่ะ​”

ดวงตา​ของ​หญิง​สูงวัย​เปล่งประกาย​ทันที​ “ฉัน​มาที่นี่​เพื่อ​สมัคร​ตำแหน่ง​แม่ครัว​ อยาก​ชมฝีมือ​ฉัน​หน่อย​ไหม​?”

หลิน​ม่าย​รู้สึก​ได้​ว่า​ทักษะ​ใน​การ​พูดคุย​และ​นำเสนอ​ของ​หญิง​สูงวัย​ผู้​นี้​ด้อย​กว่า​ชาย​วัยกลางคน​ก่อนหน้า​

ชาย​วัยกลางคน​เฉลียวฉลาด​มาก​ เขา​เดิน​เข้ามา​และ​ช่วย​เธอ​ทำ​แป้ง​ซาลาเปา​ทันที​เพื่อ​แสดง​ทักษะ​ให้​เห็น​

แต่​หญิง​สูงวัย​ผู้​นี้​ดู​สับสน​เล็กน้อย​ และ​ไม่รู้​ว่า​จะแสดง​ให้​เธอ​เห็น​อย่างไร​

หลิน​ม่าย​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “หาก​คุณป้า​ไม่ลอง​แสดง​ฝีมือ​ใน​การ​ทำ​แป้ง​ซาลาเปา​ให้​ฉัน​ดู​ ฉัน​จะรู้​ได้​ยังไง​ล่ะ​คะ​ว่า​คุณป้า​ทำได้​?”

“งั้น​ฉัน​จะล้างมือ​ก่อน​ การ​ขาย​อาหาร​ต้อง​ทำให้​ถูกสุขลักษณะ​”

หลัง​ล้างมือ​จน​เสร็จสรรพ​ หญิง​สูงวัย​ก็​เริ่ม​ทำการ​นวดแป้ง​ซาลาเปา​ ฝีมือ​ของ​นาง​ยอดเยี่ยม​ไม่แพ้​ชาย​วัยกลางคน​ก่อนหน้านี้​เลย​

หลิน​ม่าย​กล่าว​ “ฉัน​ตกลง​รับ​คุณ​ทั้งสอง​เข้าทำงาน​ค่ะ​ นอกจาก​เงินเดือน​พื้นฐาน​แล้ว​ทุกคน​จะได้รับ​ส่วนแบ่ง​จาก​ยอดขาย​ใน​ทุก​สิ้นเดือน​”

เธอ​ตั้งใจ​ให้​พวกเขา​ดำเนินการ​ขาย​ด้วยตัวเอง​ เพื่อ​ป้องกัน​ไม่ให้​ใคร​จับ​ปลา​ใน​น้ำ​ขุ่น​(1)

และ​ด้วย​วิธี​นี้​ เธอ​จึงไม่จำเป็นต้อง​จ้างพนักงานขาย​เพิ่ม​

หลิน​ม่าย​ล้างมือ​และ​กำลังจะ​จากไป​ เธอ​หันหลัง​กลับมา​พลาง​กล่าว​ “เงินเดือน​และ​ส่วนแบ่ง​จาก​ยอดขาย​จะเริ่ม​คำนวณ​ตั้งแต่​วันนี้​เป็นต้นไป​นะคะ​”

หญิง​สูงวัย​ดู​มีชีวิตชีวา​และ​กระฉับกระเฉง​ขึ้น​มาทันที​

หลิน​ม่าย​ไม่ได้​สนใจ​ปฏิกิริยา​ของ​หญิง​สูงวัย​เมื่อ​ได้ยิน​ถึงเรื่อง​เงิน​ เพราะ​การ​ใส่ใจเรื่อง​เล็กน้อย​เช่นนั้น​เป็น​สิ่งไร้ประโยชน์​

หลังจาก​ออกจาก​ร้าน​ หลิน​ม่าย​ก็​เดินทาง​ไป​ยัง​ห้างสรรพสินค้า​เพื่อ​ซื้อ​สร้อยคอ​ทองคำ​

เธอ​ขอให้​ช่างทอง​ช่วย​ดัดแปลง​ทองคำรูปพรรณ​จาก​สร้อยคอ​ที่​พ่อ​ไป๋​ซื้อ​ให้​ให้​กลายเป็น​จี้ทองคำ​ซึ่งพัน​ด้วย​เชือก​สีแดง​

จากนั้น​เธอ​ก็​เดินทาง​ไป​ยัง​ร้าน​ขาย​จักรยาน​

แน่นอน​ว่าการ​เดินทาง​โดย​ไร้​จักรยาน​นั้น​ไม่สะดวก​อย่างยิ่ง​

หลิน​ม่าย​ปั่น​จักรยาน​กลับ​ไป​ที่​บ้าน​เพื่อ​เปลี่ยน​เสื้อผ้า​เป็น​ชุด​และ​รองเท้า​ที่​เธอ​เดินทาง​ไป​ซื้อ​พร้อมกับ​ไป๋​ลู่​เมื่อวาน​นี้​

หลังจาก​แต่งตัว​เรียบร้อย​ เธอ​ก็​ปั่น​จักรยาน​ที่​เพิ่ง​ซื้อ​มาใหม่​ไป​ยัง​โรงแรม​ที่​พ่อ​ไป๋​ใช้จัด​งานเลี้ยง​

………………………………………………………………………………………………………………………….

(1)สำนวน​ หมายถึง​ ฉวยโอกาส​ใน​ช่วง​ชุลมุน​

สาร​จาก​ผู้แปล​

คน​มัน​มือขึ้น​อะนะ​ โอกาส​ทุกอย่าง​ถึงพร้อม​ใน​คราว​เดียว​ เปิดร้าน​ราบรื่น​ไม่มีปัญหา​เลย​

ไหหม่า​(海馬)