ตอนที่ 473 รวบรวมเรื่องเผ่ามังกรและการค้

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

เกิดข้อผิดพลาด
ตอนที่ 473 รวบรวมเรื่องเผ่ามังกรและการค้นหาจิตมาร (2)

“ลุกขึ้นเถิด” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “ข้าจะบอกแผนสำหรับงานเลี้ยงผลท้อเซียนให้เจ้าฟังอย่างละเอียด อ๋าวอี่ เจ้าต้องจำไว้ จุดประสงค์ที่พวกเราทำทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้ราชามังกรทั้งสี่คาบสมุทรเริ่มจะขอคำสั่งและภักดีต่อศาลสวรรค์ก่อนที่องค์เง็กเซียนจะออกพระบัญชาในระหว่างงานเลี้ยงผลท้อเซียน ด้วยวิธีนี้ เผ่ามังกรก็ย่อมจะมีโชคมากขึ้น!”

อ๋าวอี่กระโดดขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ได้เริ่มอธิบายขั้นตอนต่อไปของปฏิบัติการ…

“มีเวลาเพียงสิบสองปีเท่านั้น สิ่งที่เราทำได้มีไม่มากนัก ดังนั้นเราจึงไม่อาจเสียเวลาไปแม้แต่วันเดียว”

ในครั้งนี้ การสื่อสารทางวิญญาณใช้เวลานานกว่าสามสิบชั่วยาม ทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกปวดศีรษะ

เขาได้ทำงานหนักทั้งหมดเท่าที่จะทำได้แล้ว และถือว่า เขาได้ทำมากพอที่จะสมควรได้รับสมบัติของเผ่ามังกรซึ่งเขาจะไม่ต้องเสียเปล่า

มันย่อมมีผลกระทบแน่นอน ทว่าในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่อาจควบคุมสิ่งที่เขาทำได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นทางเลือกของราชามังกรเอง

องค์เง็กเซียนได้กล่าวว่า เขาได้เลือกกองทัพเรือของศาลสวรรค์แล้ว

ยามนี้ เขาเพียงแค่ต้องรอให้กองทหารเรือกลุ่มนี้มาถึงและเริ่มแผนการใหญ่เพื่อล่ามังกรอย่างเป็นทางการ

ในห้องลับใต้ดิน ขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วได้เก็บเม็ดโอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนสองเม็ดที่เขาเพิ่งได้รับมา

เม็ดหนึ่งจะเก็บเอาไว้ให้หลิงเอ๋อร์

จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กวาดสัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจสอบกระท่อมมุงจากของหลิงเอ๋อร์ที่ริมทะเลสาบ เขาสัมผัสได้ถึงอักขระเต๋าที่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ทิ้งไว้เบื้องหลัง และรู้ว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้ให้ผลประโยชน์แก่หลิงเอ๋อร์…

สตรีผู้นี้จะปีนขึ้นไปสูงกว่านี้ได้หรือไม่?

ใช่แล้ว ข้าจะให้รางวัลนางด้วยการให้นางคัดลอกพระสูตรเพิ่มเติมอีกในภายหลังเพื่อป้องกันไม่ให้ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันจนทำให้หัวใจเต๋าของนางไม่เสถียร ในเมื่อนางได้เข้าสู่เต๋าด้วยพระสูตรมั่นคง จึงย่อมไม่ผิดที่จะให้เขียนเพิ่มเติม…

“ข้าจะไปหาต้นไม้วิญญาณ” หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเองก่อนจะหลับตาและตั้งสมาธิ จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานหุ่นจำลองกระดาษนอกประตูสำนัก ซึ่งกำลังรอคำสั่ง และเริ่ม “การฟื้นคืนความเขียวขจีแห่งยอดเขาหยกน้อย ”

โลกบรรพกาลนั้น อุดมไปด้วยพลังวิญญาณ ดินแดนเทวะบูรพากว้างใหญ่และมีประชากรเบาบาง จึงย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาต้นไม้วิญญาณอายุมากที่ยังไม่กลายเป็นวิญญาณ

ส่วนที่ยากคือ เยื่อไม้วิญญาณที่จำเป็นในการขึ้นรูปตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ซึ่งจะต้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดอื่นๆ…

หลี่ฉางโซ่วค้นหาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นเวลากว่าครึ่งวัน แต่เขาพบต้นไม้เก่าแก่มากกว่าสิบต้นเท่านั้น เขาได้ย้ายพวกมันออกจากถิ่นที่อยู่เดิมอย่างระมัดระวัง และลอบส่งพวกมันกลับไปที่ ยอดเขาหยกน้อยอย่างลับๆ

เพื่อให้พวกมันรูสึกสบายมากขึ้น ร่างหลักของหลี่ฉางโซ่วจึงปรากฏตัวขึ้นและทำพิธีเปิดงานต้อนรับให้ต้นไม้เก่าแก่เหล่านั้น เป็นเพียงว่าไม่มีผู้ชม และดูว่างเปล่าไปไม่มากก็น้อย

ทันทีที่เขาจัดวางต้นไม้วิญญาณเก่าแก่เหล่านั้น สัมผัสเซียนรับรู้ของหลี่ฉางโซ่วก็ตรวจจับความผิดปกติในห้องเดินหมากเล่นไพ่ได้ สงหลิงลี่ เจียงหลินเอ๋อร์และจิ่วจิ่วตื่นขึ้นมาพร้อมๆ กัน พวกนางทั้งสามต่างมองหน้ากันและกันอย่างสับสน

หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เจียงหลินเอ๋อร์และจิ่วจิ่ว ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน และทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็พุ่งความสนใจไปที่อาจารย์อาจิ่วจิ่วทันที… ใช่แล้ว นี่คือพลังที่จะดึงดูดทุกๆ คน ข้าไม่ได้ตั้งใจทำนะ

ในขณะนั้น เจียงหลินเอ๋อร์รีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ดูแลอวี่ซือด้วย ข้าจะกลับไปเข้าปิดด่านก่อน!”

“เกิดอันใดขึ้น? จู่ๆ ท่านก็ได้รับการรู้แจ้งขึ้นมากะทันหันในขณะที่เล่นไพ่กันได้อย่างไร!?”

จิ่วจิ่วร้องตะโกนอย่างกระวนกระวายและรีบขึ้นไปที่ชั้นสอง ด้วยจิตใต้สำนึก นางไม่คิดที่จะกลับไปฝึกบำเพ็ญที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์

“หลิงลี่ บอกอวี่ซือด้วยว่า ข้าจะเข้าปิดด่านราวสามถึงห้าเดือน! ปล่อยให้นางฝึกบำเพ็ญอย่างสงบสุข อย่าบังคับให้นางทะลวงด่าน รอให้ข้าออกจากความสันโดษและตรวจสอบผลการฝึกบำเพ็ญของนางก่อน!”

“อื้มอื้ม!” สงหลิงลี่พยักหน้ารับครั้งแล้วด้วยท่าทางมึนงง หลี่ฉางโซ่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนั้น จากนั้น เขาก็จัดให้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ข้ามไปดู

เขาจงใจทำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้กลายเป็นร่างหญิงชราและส่งข้อความเสียงไปยังสงหลิงลี่เพื่อขอให้นางปลีกตัวออกไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วให้หญิงชรามีหน้าที่ดูแลจิ๋วอวี่ซือ…

ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ให้ผลประโยชน์ในสวนหลังบ้านของเขาหรือไม่? เหตุใดท่านอาจารย์ของข้ายังคงเหมือนเดิม? เหตุใดเขาถึงนั่งสมาธิอยู่ในกระท่อมมุงจาก และไม่มีทีท่าว่าจะทะลวงด่านได้เลย? หรือว่า ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เข้าใจผิดและปฏิบัติต่อสตรีบนภูเขาเหมือนกับเขา…

ช่างมันเถิด

หลี่ฉางโซ่วกำลังจะถอนสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาที่กำลังตรวจสอบฉีหยวนอยู่เมื่อเขารู้สึกถึงสิ่งแปลกประหลาดบางอย่าง

มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับท่านอาจารย์ของเขา

หลี่ฉางโซ่วตื่นตัวขึ้นมาทันที แล้วแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาเข้าไปห่อหุ้มร่างของท่านอาจารย์ของเขาเอาไว้ในขณะที่เขาทำการตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็เผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมา แล้วรีบมุ่งไปที่กระท่อมมุงจากริมทะเลสาบ

ท่านอาจารย์ของเขาต้องถูกครอบงำ เป็นไปได้มากว่า ท่านอาจารย์ของเขาได้พัฒนาอุปสรรคมารเนื่องจากเรื่องของจิ๋วอวี่ซือ แล้วกระตุ้นจิตมาร[1]ของเขา!

เซียนจั๋วมีแนวโน้มที่จะทำเช่นนี้ หลี่ฉางโซ่วจึงเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาได้อ่านตำราโบราณหลายเล่มและพบวิธีมากมายที่จะช่วยให้ผู้คนขจัดจิตมารของพวกเขาออกไปได้

หลี่ฉางโซ่วมาถึงหน้ากระท่อมมุงจาก เขาไม่ได้รบกวนอาจารย์ของเขา แต่ไปผสานรวมเข้ากับปราการค่ายกลเวท และไปปรากฏตัวเงียบๆ ที่ด้านหลังอาจารย์ของเขา จากนั้นก็ยกมือขึ้นและชี้ไปที่ลำคอของฉีหยวน

“ท่านอาจารย์ ศิษย์จะช่วยท่านเองขอรับ”

หลี่ฉางโซ่วชูนิ้วกระบี่ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วก้าวไปข้างหน้า นิ้วของเขาชี้ไปรอบๆ ฉีหยวนอย่างรวดเร็วและฉีดแสงเซียนเข้าไปในร่างของฉีหยวน

หลังจากนั้นไม่นาน ฉีหยวนก็ไอและพ่นไอสีดำออกมาเต็มปาก หลี่ฉางโซ่วโบกแขนเสื้อของเขา แล้วใช้พลังเข้าไปห่อหุ้มไอสีดำนั้น มันก่อตัวขึ้นเป็นลูกทรงกลมและกำลังจะชำระล้างมันให้บริสุทธิ์ ทว่าเขาได้ร้องอุทานออกมาเบาๆ

ท่านอาจารย์…ไม่มีจิตมารหรือ?

ไอสีดำนั้น ก่อตัวขึ้นเป็นเงาดำและคำรามอย่างไร้เสียงออกมา ราวกับว่ามันกำลังยั่วยุหลี่ฉางโซ่ว

มารสวรรค์ต้านเต๋าหรือ?

สิ่งที่เรียกว่า มารสวรรค์ต้านเต๋านั้น ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นผู้ดำรงอยู่ที่ติดอยู่กับต้าเต๋า มันคล้ายกับความขุ่นเคือง ความลุ่มหลง และกรรมร้าย

ไม่มีผู้ใดอธิบายที่มาของมันได้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่า มันเกี่ยวข้องกับจิตมารในใจของผู้ฝึกบำเพ็ญ

หากหัวใจเต๋าของผู้ฝึกบำเพ็ญมีอุปสรรคมารเกิดขึ้นและไม่ได้ถูกกำจัดออกไปให้ทันเวลา มันก็จะเติบโตขึ้นเป็นจิตมารในใจได้อย่างง่ายดาย และจิตมารก็จะดึงดูดมารสวรรค์ต้านเต๋าได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้ฝึกบำเพ็ญก็ต้องถูกกักติดอยู่ทั้งภายในและภายนอก

เซียนบางคนจะตายหากพวกเขาปิดตาลง กว่าครึ่งหนึ่งเป็นเพราะปัญหายากลำบากนั้น

ความจริงแล้ว การฝึกบำเพ็ญนั้นเป็นอันตราย

เหตุผลที่ท่านอาจารย์ตกลงไป บางที อาจเป็นเพราะเขาไม่มีรากฐานที่ดีในเต๋าเซียนจั๋ว และหัวใจเต๋าของเขาก็ง่ายต่อการถูกทะลุทะลวง

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาดึงดูด… มารสวรรค์ต้านเต๋าจากผู้อื่น… ข้าควรรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าสำนักหรือไม่?

เพื่อค้นหาว่า เป็นผู้ใดกันที่ดึงดูดมารสวรรค์ต้านเต๋า?

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และรู้สึกว่า หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป มันจะเป็นการตบหน้า[2]ท่านอาจารย์ของเขาอย่างยิ่ง

ท่านอาจารย์รักใบหน้ามาก[3]…

“ช่างมันเถิด ข้าจะใช้ความพยายามบางอย่าง” หลี่ฉางโซ่วเดินไปข้างหน้าก่อนและกระซิบกับท่านอาจารย์ของเขาซึ่งยังอยู่ในสภาวะเข้าฌาน “ท่านอาจารย์โปรดบำเพ็ญเพียรอย่างสงบเถิด ทุกอย่างปกติดีขอรับ”

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ออกจากกระท่อมมุงจากไปพร้อมกับไอสีดำนั้นและทำมุทราหยั่งรู้ ย่อมไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลี่ฉางโซ่วที่จะหยั่งรู้ในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

ในไม่ช้า เขาก็พบเส้นทางที่มารสวรรค์ต้านเต๋าถูกนำมาสู่ยอดเขาหยกน้อย สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาได้ไล่ไปตามเส้นทางนั้น และในที่สุด ก็เพ่งพุ่งไปที่ไหล่เขาของยอดเขาพิชิตสวรรค์

“เป็นที่นั้นหรือ…”

หลี่ฉางโซ่วไม่รอช้า ทันใดนั้นเขาก็หายตัวไปจากยอดเขาหยกน้อยอย่างรวดเร็ว

บัดนี้ ร่างหลักของเขาสามารถใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายเพื่อทะลวงผ่านข่ายอาคมที่ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับเซียนเทียนสร้างขึ้นไปได้อย่างเงียบๆ และเขายังไม่ต้องใส่ใจ มองข้ามค่ายกลเวททั้งขนาดกลางและขนาดเล็กส่วนใหญ่ไปได้อีกด้วย

ในขณะที่เดินผ่านภูเขาบนพื้นดิน หลี่ฉางโซ่วก็พบแหล่งที่มาของมารสวรรค์ต้านเต๋า

มันเป็นถ้ำที่หลี่ฉางโซ่วไม่เคยไปมาก่อน มีเตียง ตู้เสื้อผ้าสองสามตู้ และผนังหินเรียบๆ มีภาพวาดบางส่วนของหลี่ฉางโซ่ว…

บนเบาะนั่งสมาธิกลางถ้ำ เซียนสตรีผู้สวมชุดฝึก นั่งหลับตาแน่น ร่างเพรียวของนางสั่นสะท้านเป็นระยะๆ

เส้นผมยาวของนางถูกปล่อยสยายลงมา ใบหน้างดงามของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ นางกัดริมฝีปากเบาๆ ราวกับว่า นางกำลังทนต่อความเจ็บปวดบางอย่าง

นางคือ โหย่วฉินเสวียนหย่า

หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะเบาๆ แล้วตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สามตัวก็บินออกมาจากแขนเสื้อของเขา แต่ละตัวถือ… ปลาไม้ ลูกตุ้ม และระฆังสะกดวิญญาณ…

………………………………………………………………..

[1] เรียกได้ว่าเป็นจิตมารเข้าแทรกคือ หลงติดหล่มในบางสิ่ง (หรือตั้งใจทำอะไร อย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป) ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการฝึกฝนหรือการฝึกบำเพ็ญที่เกิดขึ้นในใจ เปรียบได้กับการเกิดธาตุไฟเข้าแทรก

[2] ทำลายความภาคภูมิใจ ทำลายเกียรติยศ ศักดิ์ศรี

[3] มีความภาคภูมิใจ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี