ตอนที่ 620 พลังอวตารดอกบัวหกกลีบ

My Disciples Are All Villains

เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งคําพูด พลังที่แม้แต่กระทั่งความเป็นจริงก็ยังไม่สามารถจับต้องได้พลังที่จะทําให้เข้าใจทุกสรรพสิ่ง

เสียงฟ้าร้องได้ดังขึ้นก่อนที่พลังแห่งคําพูดจะถูกปลดปล่อยออกมา พลังที่ถูกปลดปล่อยแข็งแกร่งและทรงพลัง

พลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ได้เข้าโจมตีซู่เทียนหยวนและซ่ฮ่องกง ทั้งคู่ที่ถูกพลังสีฟ้าโจมตีกระเด็นไปบนอากาศก่อนที่จะตกลงสู่พื้น

“โอ๊ย!” บาดแผลที่ได้รับก่อนหน้านี้ของซ่ฮ่องกงยังไม่หายดี ตัวเขาก็ได้รับบาดแผลเพิ่มเติมขึ้นมาอีก ซ่ฮ่องกงร้องคร่ําครวญออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ใบหน้าของเขาอาบไปด้วยเหงื่อ

แม้จะตกใจแต่ซู่เทียนหยวนก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรที่น่าสมเพชเหมือนกับผู้เป็นลูก เขารีบช่วยพยุงให้ซูฮ่องกงลุกขึ้นมาก่อนที่จะเดินไปจังตําหนักจึงเหอ

เมื่อทั้งคู่มาถึงตําหนักจึงเหอ ทั้งคู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ข้าขอร้องล่ะ อย่าได้ลากข้าไปยุ่งวุ่นวายเลย…ถ้าหากข้าไม่อยู่ที่นั่น ข้าก็คงไม่ต้องบาดเจ็บแบบนี้” ซ่ฮ่องกงพูดขอร้องอ้อนวอน

ซู่เทียนหยวนปาดเหงื่อบนใบหน้า ท้ายที่สุดเขาก็สงบสติอารมณ์ได้ “มันก็แค่อุบัติเหตุ เท่านั้น…ข้าไม่คิดเลยว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าจะโหดร้ายเช่นนี้ ผู้คนสมัยนี้ตกต่ํา ลูกข้าเหตุใดเจ้าถึงไม่คิดจะกลับมายังลัทธินักบุญโบราณกับข้าและรับตําแหน่งปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ไปล่ะ? ถ้าหากเจ้าไม่ต้องการจะเป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็แค่ให้หลานที่น่ารักกับข้า ยังไงซะมันต้องดีกว่าการที่อยู่ที่นี่เพื่อถูกทุบตีทุกวันแน่!”

“อย่าได้หลอกข้าเลย แม้เป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีทางที่ข้าจะได้เจอกับเรื่องดีๆ หรอก” ซ่ฮ่องกงไม่เชื่อซู่เทียนหยวน ตัวเขายังจําได้ดีในตอนที่ถูกลักพาตัวรู้สึกเช่นไร พยายามจะหลอกข้าสินะ? ฝันไปซะเถอะ

“ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่…ข้าเป็นพ่อเจ้าจะมีประโยชน์อะไรกันที่ข้าจะต้องหลอกเจ้า”

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

ซ่เทียนหยวนสีหน้าเคร่งเครียดก่อนที่จะเปิดประตู เมื่อประตูถูกเปิดตัวเขาได้พบกับเด็กผู้หญิงสองคนที่เดินเข้ามาด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นใครกัน?”

“ศิษย์พี่แปด!” หยวนเอ๋อและหอยสังข์ทักทายซ่ฮ่องกงอย่างพร้อมเพรียงกัน

ซ่ฮ่องกงตอบกลับไป “ว่าไงศิษย์น้อง”

ซู่เทียนหยวนที่ได้ฟังแบบนั้นก็เข้าใจสถานการณ์ “โอ้ พวกเจ้าเป็นศิษย์น้องของลูกชายข้าสินะ…”

“พวกเรามาที่นี่เพื่อพบศิษย์พี่แปด…ถ้าหากท่านต้องการอะไรก็บอกพวกเราได้เลย” หยวนเอ่อพูด

“ถ้าหากเป็นแบบนั้นก็ช่วยเอาน้ํามาล้างเท้าซ่ฮ่องกงที” ขู่เทียนหยวนพูด ตัวเขารู้ดีว่าไม่อาจสั่งการกับศิษย์พี่ของซูฮ่องกงได้ แต่ถ้าหากเป็นศิษย์น้องจะต้องสั่งการได้แน่ ยังไงซะผู้เป็นศิษย์พี่ก็ควรได้รับความเคารพ มันไม่ใช่เรื่องผิดเลยที่ผู้เป็นศิษย์น้องจะยอมตักน้ํามาล้างเท้าให้กับลูกชายของเขา การตักน้ําล้างเท้าเป็นวิธีการแสดงความเคารพอย่างหนึ่งในลัทธินักบุญโบราณเป็นธรรมดาที่สมาชิกผู้อาวุโสจะถูกสมาชิกรุ่นหลังดูแล

ซ่ฮ่องกงพูดไม่ออก “…”

หยวนเอ่อขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะชี้ตัวเอง “ข้าน่ะเหรอ?”

“ใช่…ไปซะสิ” ขู่เทียนหยวนโบกแขนสังการ “แล้วอย่าลืมเอาขนมมาให้ข้าด้วยล่ะ ข้าไม่เคยชิมขนมในพระราชวังมาก่อน”

“ไม่ ไม่ ไม่…อย่าไปฟังเขาเลยศิษย์น้อง…”

พรึบ!

ซูฮ่องกงรีบลุกจากเตียงก่อนที่จะคลานไปที่หน้าประตู “ศิษย์น้อง ข้าไม่ได้ต้องการอะไรทั้ง นั้น!”

ซู่เทียนหยวนสงสัย “???”

“ลูกข้า…เจ้ากาลังทําอะไรอยู่กัน? เจ้าเป็นศิษย์พี่ กลับไปพักผ่อนซะเถอะ”

ซ่ฮ่องกงที่ฟังแบบนั้นอยากจะร้องไห้ “ข้าขอร้องล่ะ ไปซะเถอะ…อย่าทําให้ข้าต้องแย่ไปกว่านี้เลย!

หยวนเอ่อถามกลับ “ศิษย์พี่ ท่านแน่ใจแล้วเหรอว่าไม่ต้องการน่ะ?”

“ใช่!” ซูฮ่องกงตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล

“อืม ถ้างั้นพักผ่อนให้สบายเถอะ ถ้าหากท่านต้องการอะไรก็บอกข้ามา ข้าจะให้ศิษย์พี่สามช่วยท่านเอง”

จากนั้นหยวนเอ๋อก็พาหอยสังข์ออกมาก่อนจะจากตําหนักจึงเหอไป

ซู่เทียนหยวนสับสนเล็กน้อย ทําไมล่าดับชั้นของศาลาปีศาจลอยฟ้าถึงได้น่าสับสนเช่นนี้?” ตัวเขาหันไปมองซ่ฮ่องกงราวกับว่าเขาเป็นศัตรู

ภายในตําหนักต้าเฉิง

ลู่โจวได้วัดพลังลมปราณที่มี นับตั้งแต่ที่สูญเสียพลังวรยุทธใหม่ๆ อายุขัยรวมไปถึงความสามารถในการฝึกฝนของเขาต่างก็ถูกจํากัดเอาไว้ ก่อนหน้านี้ลู่โจวไม่สามารถฝึกฝนตัวเองเพื่อเพิ่มพลังได้เลย สิ่งที่ตัวเขาทําได้มีเพียงซื้อพลังอวตารจากระบบ

หลังจากที่ได้รับอายุขัยคืนมากว่าร้อยปี ลู่โจวก็มีเรี่ยวแรงเพิ่มมากขึ้น ลู่โจวตัดสินใจที่จะกลับคืนสู่ยุคทองให้ได้เร็วที่สุด

ตัวเขารู้ดีว่าอะไรหลายๆ อย่างในยุคแห่งการตัดดอกบัวทองคํากําลังจะเปลี่ยนไป ลู่โจวมีแต่จะต้องกลายเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก่ากลีบให้เร็วที่สุดเท่านั้น

ลู่โจวยกฝ่ามือขึ้นก่อนที่จะเรียกร่างจําลองของพลังอวตารขึ้นมา

พลังอวตารที่มีดอกบัวห้ากลีบปรากฏขึ้น หลังจากนั้นไม่นานดอกบัวทองคําก็เริ่มส่องแสง พลังที่โคจรรอบพลังอวตารเพิ่มสูงขึ้น
พรึบ!

ไม่ช้ากลีบดอกบัวกลีบใหม่ก็ผลิกลีบออกมา นี่หมายความว่าลู่โจวกลายเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบไปแล้วนั่นเอง

ลู่โจวพยักหน้าอย่างพอใจ ตัวเขากํามือก่อนที่ร่างจําลองพลังอวตารจะหายไป

พลังแสงสีทองที่เคยส่องไปทั่วตําหนักก็หายไปเช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ

ลู่โจวยืนขึ้นก่อนที่จะตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จากสัญชาตญาณที่มี จู่โจวรู้สึกว่ามันต้องดีแน่ถ้าหากเขาพยายามจับฉลากนําโชค

“จับฉลากนําโชค!”

“ตั้ง! ใช้แต้มบุญ 50 แต้ม ได้รับค่าความโชคดี +1”

“ฉันจะไม่โกรธ แค่นี้น่ะทําอะไรฉันไม่ได้หรอก!”

“จับฉลากนําโชค!”

“ติ้ง! ใช้แต้มบุญ 50 แต้ม ได้รับค่าความโชคดี +1”

ลู่โจวหยุดอยู่แค่นั้น ตัวเขาไม่ได้รู้สึกโกรธเลยจริงๆ …

โกรธคือโง่โมโหคือบ้า ลู่โจวที่โกรธไปก็ไม่ได้อะไรพยายามสงบสติอารมณ์

“ช่างเถอะ!”

ตัวเขาตัดสินใจออกไปเดินเล่นด้านนอกก่อนที่จะเสี่ยงโชคอีกครั้งแทน

ในเวลาเดียวกัน

ห่างออกไปจากทางตอนเหนือของคูสวรรค์กว่าหมื่นไมล์

ยู่ฉางตงได้วางยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มเอาไว้บนพื้น แม้ว่าพลังวรยุทธของเขาจะสูงส่งแค่ไหน แต่การเดินทางตลอดทั้งวันก็ยังทําให้ตัวเขารู้สึกเหนื่อยล้าได้ ไม่เพียงแต่จะต้องรักษาความเร็วในระหว่างบินเท่านั้น ยู่ฉางตงยังจะต้องปกป้องยู่เฉิงไห่ด้วยพลังตัวเองอีกด้วย

หลังจากที่ลงสู่พื้นยู่ฉางตงก็เริ่มนั่งทําสมาธิ ตัวเขากําลังปรับการหายใจเพื่อพักผ่อน

ยู่เฉิงไห้ในวัยหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง “พวกเราอยู่ที่ไหนกัน?”

“หบเขาทางตะวันออกของรัวหลี” ฉางตงตอบพร้อมกับลืมตา

“อีกนานไหมที่พวกเราจะถึงดินแดนหยาน?”

“ครึ่งเดือน”

“นานขนาดนั้นเชียว?”

ยู่ฉางตงยิ้มจางๆ ก่อนจะตอบกลับ “ถ้าหากเจ้ามีพลังวรยุทธ พวกเราก็คงจะใช้เวลาแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น แต่น่าเสียดาย…”

ยู่เฉิงไห้ในวัยหนุ่มมองไปที่ฝ่ามือ “พลังวรยุทธ…”

ยู่ฉางตงยิ้มอย่างรู้ทัน จากนั้นตัวเขาก็หลับตาลงเพื่อฟื้นฟูพลังลมปราณต่อไป

ยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มพูดอีกครั้ง “ศิษย์พี่?”

“ว่ามา” ตาของยู่ฉางตงยังคงปิดอยู่

“ทําไมท่านไม่กลับไปก่อนล่ะ?” แม้ว่ายู่เฉิงไห่จะสูญเสียพลังวรยุทธไป แต่นิสัยที่ไม่เกรงกลัวอะไรของเขาก็ยังคงอยู่

“ถ้าหากข้าไป เจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่” ยู่ฉางตงตอบกลับ

“ไม่ ข้าจะไม่ตาย”

“อย่าทําเป็นเข้มแข็งหน่อยเลย ที่นี่ไม่ใช่ดินแดนที่จะมีผู้คนอาศัย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะแสดงพลังได้หรอกนะ ดูรอบตัวซะสิ…”

ที่ด้านบนยอดไม่มีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งยืนอยู่ มันเป็นสัตว์ร้ายที่มีหางเรียวยาว จะงอยปากแหลมคม ดวงตาเป็นประกาย สัตว์ร้ายตัวนี้ดูคล้ายกับนกฮูกกลายพันธุ์ขนาดยักษ์

เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้นยู่เฉิงไห้ก็ขมวดคิ้ว ที่ฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ แม้จะมีท่าทีของความกังวลอยู่มากแต่ตัวเขาก็ยังสงบเมื่อเทียบกับคนธรรมดาทั่วไป

เมื่อสัตว์ร้ายตัวนั้นบินเข้ามาใกล้ มันดูลังเลก่อนที่จะหนีหายไป

ยู่ฉางตงยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “ไปกันต่อเถอะ”

ยู่เฉิงไห้ในวัยหนุ่มลุกขึ้น เป็นเพราะพลังของยู่ฉางตงทั้งสองคนจึงลอยขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะบินจากไป

สามวันผ่านพ้นไป ในที่สุดปลายหุบเขาก็อยู่ตรงหน้าของพวกเขา

ยู่เฉิงไห้ในวัยหนุ่มมองไปที่ป่าก่อนที่จะถามออกมา “จะต้องใช้เวลาแค่ไหนถึงข้าจะมีพลังเทียบเท่ากับท่านได้?”

“นานแสนนาน” ยู่ฉางตงตอบ มันเป็นคําตอบที่ดูคลุมเครือ

ไม่ทันที่ยู่เฉิงไห่จะได้ถามอะไรต่อ ยู่ฉางตงก็พูดต่อ “เจ้าทําได้แน่”

ยฉางตงไม่สามารถตําหนิอะไรยู่เฉิงไห่ได้ ยู่เฉิงไห่ที่เพิ่งจะฟื้นคืนชีพคงจะเป็นสับสนและไม่รู้เรื่องอะไร

“ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” ยู่เฉิงไห่กล่าวอย่างมั่นใจ

ยฉางตงมองไปที่ทางด้านหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ข้างหน้าห้าไมล์มีเหวลึกอยู่ จับให้แน่นซะล่ะ”

“อ็ม” ยู่เฉิงไห่รู้สึกประหม่านิดหน่อย

ระยะทางห้าไมล์สําหรับผู้ฝึกยุทธมันไม่ได้ไกลแต่อย่างใด

ในระหว่างที่ทั้งคู่กําลังจะออกจากเขตหุบเขา ท้องฟ้าก็มืดลง ในตอนนั้นเองวงแหวนสีม่วงก็เริ่มเปล่งประกายขึ้น!