War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1956
ตอนที่ 1,956 : ร้องเรียน!

แม้จะเป็นถึงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ หากแต่หลี่อันก็ไม่กล้าเสี่ยงกับโทษสถานหนักนี้ของหอคุมกฏ!

ดังนั้นแล้ววันนั้นมันถึงเลือกที่จะออกจากหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และตั้งใจว่าจะค้นหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าที่แท้พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นเพียง ‘รากวิญญาณสีเหลือง’ ให้ได้เสียก่อน!

และในขั้นตอนการสืบค้นหลักฐานที่ว่า หลี่อันยังพยายามมุ่งเน้นไปยังความสัมพันธ์ระหว่างกัวฉงกับต้วนหลิงเทียนด้วย ว่าที่แท้ทั้งคู่เกี่ยวข้องกันอย่างไรแน่!

กัวฉงในฐานะอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬ ปกติแล้วมีความยุติธรรมทั้งเด็ดขาดนัก หาไม่แล้วคงไม่มีทางได้รับการแต่งตั้งจากหอคุมกฏให้มาเป็นผู้บังคับใช้กฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬเช่นนี้

และถ้าไม่ใช่เพราะหลี่อันได้เห็นต้วนหลิงเทียนทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณมากับตา มันคงไม่คิดคลางแคลงสงสัยคำตัดสินของกัวฉงแน่!

แต่เป็นเพราะหลี่อันเห็นผลการทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนอยู่โทนโท่ว่าเป็น รากวิญญาณสีเหลือง! เช่นนั้นมันจึงตระหนักได้ทันทีว่าสำนวนพิจารณาคดีที่กัวฉงเขียนรายงานส่งไปให้หอคุมกฏสมควรมีปัญหา!

ในความคิดของมันต้วนหลิงเทียนที่มันไม่ถูกชะตาผู้นี้ จะอย่างไรก็แค่ศิษย์ดาษๆที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น!

เช่นนั้นมีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้คนอย่างกัวฉงถึงกับช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนออกหน้าออกตาเช่นนี้…

ความสัมพันธ์ระหว่างกัวฉงกับต้วนหลิงเทียน สมควรไม่ธรรมดา!

ดังนั้นตลอดเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา มันจึงใช้เส้นสายทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่การสืบค้นความสัมพันธ์ระหว่างกัวฉงและต้วนหลิงเทียนในทุกด้าน อนิจจาท้ายสุดแล้วกลับได้แต่คว้าน้ำเหลว…ไม่พบอะไรเลย!

“หรือมันจักมีทักษะลับปกปิดพรสวรรค์รากวิญญาณอยู่กัน? หากแต่นี่นับว่าเหลวไหลอยู่บ้าง…ถ้าจะมีก็ต้องเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ขึ้นไปเท่านั้น ถึงจักมีอำนาจกระทำได้!”

“เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องการสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณก็เป็นอะไรที่มีแต่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์เท่านั้นที่กระทำได้ ในเมื่อมันยังมิอาจสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเองได้ด้วยซ้ำ เช่นนั้นจะใช้ทักษะปิดซ่อนพรสวรรค์รากวิญญาณได้อย่างไร…”

หลี่อันยิ่งคิดก็ยิ่งยืนยันความคิดเดิม ว่าทั้งหมดสมควรเป็นเพราะกัวฉงส่งรายเท็จเพื่อช่วยให้ต้วนหลิงเทียนรอดพ้นความตาย!

ถึงแม้มันจะยังไม่ทราบว่าที่แท้เป็นเพราะสาเหตุใดกัวฉงถึงต้องส่งรายงานเท็จเพื่อต้วนหลิงเทียนก็ตาม!

“ท่านอาจารย์”

ทันใดนั้นพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก ปลุกสติหลี่อันให้ฟื้นตื่นจากภวังค์คิดทันที

“เข้ามาเถอะ”

หลี่อันกล่าวไม่ทันขาดคำ ก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาในที่พักของมัน ร่างนี้เลือนรางปานภูติผีก็ไม่ปาน พริบตาก็บรรลุถึงสนามหญ้าหน้าเรือนใหญ่ที่หลี่อันพักอยู่แล้ว

มันเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำคนหนึ่ง ผมหยิกยาวปล่อยสยายปรกบ่า แววตากระพริบวูบวาบด้วยประกายรุนแรงน่ากลัว

เพียงมันยืนอยู่เฉยๆ กลับให้สภาวะราวหมาป่าอหังการแสนดุร้ายตัวหนึ่ง ยากที่ใครจะหาญกล้าสบตาด้วย!

ชุดสวมใส่ของชายวัยกลางคนผู้นี้ก็เป็นชุดคลุมชนิดเดียวกับอาวุโสเพลิงทองแดง! หากแต่ชุดคลุมที่ว่ากลับไร้ลายปักอื่นใดนอกจากเปลวเพลิง!

สิ่งนี้บ่งบอกฐานะของมันให้รู้ชัด…มันคืออาวุโสเพลิงทองแดงจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์

นั่นเพราะชุดคลุมของอาวุโสในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จะมีเพียงลายปักเปลวเพลิงเท่านั้น!

มีเพียงอาวุโสของแท่นบูชาจตุรลักษณ์เท่านั้น ที่ลวดลายเปลวเพลิงตามตัว จะเป็นลวดลายรูปสัตว์ประจำแท่นบูชา

“ท่านอาจารย์ ศิษย์อกตัญญูมิมารับใช้ท่านเสียนาน ท่านเป็นเช่นไรบ้างขอรับ…”

ชายวัยกลางคนพอมาถึงก็ประสานมือคารวะกล่าวทักทายหลี่อันด้วยความสุภาพแฝงเคารพถึงขีดสุด

“เฮ่อ…”

มองร่างชายวัยกลางคนที่แสดงความเคารพมันจากใจ หลี่อันก็ได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน “เว่ยเหอ ข้าอาจารย์ต้องขออภัยที่ทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว…มิเพียงแต่ศิษย์ของเจ้าคนหนึ่งต้องมาตกตายเพราะข้าเป็นเหตุอย่างสูญเปล่า ข้าอาจารย์ยังไร้สามารถจัดการเอาผิดฆาตกรผู้นั้น!”

ฟังวาจาประโยคนี้ของหลี่อันแล้ว ก็สามารถบอกได้ทันทีว่าเว่ยเหอคนนี้ที่แท้ก็คืออาจารย์ของหยวนหงศิษย์แท่นบูชานกไฟที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าไปนั่นเอง!

“ท่านอาจารย์ หยวนหงตกตายเพื่อท่าน…เช่นนั้นการตายของมันหาได้สูญเปล่าอันใด นี่ยังนับเป็นเกียรติอันใหญ่หลวงของมันแล้ว”

เว่ยเหอส่ายหัวไปมา

ก่อนที่วาจาสืบต่อจะดังขึ้น น้ำเสียงยังเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น แววตาดุร้ายราวหมาป่าเผยจิตอำมหิตออกชัด “มันก็แค่…ข้ามิคาดคิดจริงๆว่าฆาตกรฆ่าหยวนหงกลับมีวิธีเอาตัวรอดเช่นนี้! มันเป็นเพียงผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองจริงๆหรือท่านอาจารย์?”

วาจาท้ายประโยคของเว่ยเหอ แฝงเร้นไว้ด้วยความสงสัยเต็มใจ บ่งบอกให้ชัดว่ามันเองก็ไม่พอใจมากมายเพียงใดที่ศิษย์ของตัวต้องตายอย่างไร้ความเป็นธรรมเช่นนี้

ภายใต้อาณัติของมัน ก็พึ่งมีหยวนหงเป็นศิษย์เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

ถึงแม้ว่าหยวนหงจะไม่ได้มีพรสวรรค์โดดเด่นอะไรมากมาย แต่อีกฝ่ายกลับมากไหวพริบ สามารถเข้าใจอะไรได้ง่ายดายทั้งยังเชื่อฟังและเคารพมันถึงที่สุดจึงเป็นที่ถูกใจของมันนัก

เมื่อวานหลังพึ่งออกจากการปิดด่านฝึกตนมา มันก็คิดไปหาศิษย์คนนี้ที่แท่นบูชานกไฟเพื่อชี้แนะวรยุทธ์และมอบทรัพยากรบ่มเพาะให้อีกฝ่ายไว้ใช้ฝึกปรือ

แต่ผู้ใดจะไปรู้ ว่าทันทีที่มันไปถึงแท่นบูชานกไฟ มันกลับได้รับทราบข่าวสะท้านใจแทน…หยวนหง ศิษย์คนเดียวของมันถูกผู้คนฆ่าตายเสียแล้ว…

และฆาตกรที่สังหารหยวนหงกลับเล็ดรอดโทษประหารไปท่ามกลางความเหลือเชื่อของผู้คน! หลังจากสืบหาความอยู่พักหนึ่ง เว่ยเหอ ก็ได้รับทราบว่าฆาตกรฆ่าศิษย์ของมันคนนี้เรียกว่าต้วนหลิงเทียน!

และต้วนหลิงเทียนคนนี้ก็เป็นคนของแท่นบูชาเต่าทมิฬ มันจึงรีบสืบค้นเรื่องราวให้รู้คร่าวๆ ก่อนจะรีบมาหาอาจารย์ของมันที่อยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬแห่งนี้ทันที

และจากที่มันสืบทราบมา พบว่าเมื่อ 2 เดือนที่แล้วตอนที่อาวุโสคุมกฏกัวฉงตัดสินคดีและประกาศโทษของต้วนหลิงเทียน…อาจารย์ของมันก็อยู่ด้วยเช่นกัน! ไม่เพียงเท่านั้นอาจารย์ของมันยังประกาศว่าจะไปยื่นอุทธรณ์ที่หอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อคัดค้านคำตัดสินของกัวฉง!!

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนอาจารย์ของมันจะไปหอคุมกฏมาแล้ว ทว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นอย่างที่ใจคาด…

“ท่านอาจารย์…ข้าได้ยินมาว่าท่านไปยังหอคุมกฏมาแล้วหรือ?”

เว่ยเหอมองถามหลี่อัน

“อืม”

หลี่อันพยักหน้ารับ เว่ยเหอไม่พูดถึงเรื่องหอคุมกฏก็แล้วไป แต่พอพูดถึงขึ้นมาสีหน้าของหลี่อันก็อัปลักษณ์ปั้นยากทันที

“ท่านอาจารย์ ท่านยื่นเรื่องคัดค้านคำตัดสินของกัวฉงไม่สำเร็จหรือ?”

เว่ยเหอกล่าวถามออกมาอีกครั้ง

“ไม่ ข้ามิอาจ”

หลี่อันส่ายหัว

“เพราะอันใด?”

เว่ยเหอเผยความไม่ยินยอมออกมา “เท่าที่ข้ารู้ไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นจะฆ่าศิษย์ของข้า มันยังฆ่าน้องชายของศิษย์ข้าอีกด้วย เรื่องฆ่าหยวนหงจริงอยู่ที่มันสามารถกล่าวอ้างได้ว่าป้องกันตัวเพราะศิษย์ข้าเป็นฝ่ายลงมือลอบทำร้ายมันก่อน…”

“แต่ที่มันลงมือฆ่าหยวนค่วงน้องชายศิษย์ข้าทั้งๆที่หยวนค่วงก็มิมีอันใดจะสู้กับมัน เช่นนั้นเห็นชัดว่ามันเป็นฆาตกรฆ่าผู้บริสุทธิ์! นอกจากนั้นเรื่องนี้ก็มีศิษย์แท่นบูชานกไฟที่เป็นพยานรู้เห็นจำนวนมาก…”

“อย่าได้บอกข้าว่าหอคุมกฏที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กลับเห็นชอบกับคำตัดสินคดีนี้ของกัวฉงจริงๆ?”

วาจาท้ายประโยคยามกล่าว น้ำเสียงของเว่ยเหอเผยความไม่พอใจออกมาถึงที่สุด

“กัวฉงมันเขียนสำนวนพิจารณาคดีส่งหอคุมกฏ โดยลงบันทึกเอาไว้ว่า…ต้วนหลิงเทียนคนนั้นที่แท้เป็นผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน! เป็นเพราะเรื่องนี้ทางหอคุมกฏจึงมิคิดจะสนใจขุดคุ้ยรายละเอียดอะไร เลือกมองผ่านเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเจตนาฆ่าศิษย์ทั่วไปคนหนึ่ง…”

หลี่อันกล่าวตอบเสียงเข้ม

พอกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมาหลี่อันก็รู้สึกหงุดหงิดหัวเสียไม่น้อยเช่นกัน

“พรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน?”

เว่ยเหอชะงักไปครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวสืบต่อออกมาว่า “ท่านอาจารย์เท่าที่ข้าสืบรู้มา ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมิใช่มีพรสวรรค์รากวิญญาณเพียงรากวิญญาณสีเหลืองหรอกหรือ ท่านอาจารย์เองก็มิใช่ว่าอยู่ด้วยในวันทดสอบพรสวรรค์เหล่าศิษย์ที่แท่นบูชาเต่าทมิฬหรือไร?”

“มิผิด!”

หลี่อันพยักหน้ารับ “ในยามนั้นพวกเราถึงกับใช้ลูกแก้ววิญญาณสองลูกเพื่อตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของมัน และผลกลับออกมาเป็นรากวิญญาณสีเหลืองทั้งสองลูก…เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง เป็นข้ามั่นใจเต็มสิบส่วนจากการทดสอบครั้งนั้น!”

“เช่นนั้นบันทึกสำนวนพิจารณาคดีที่กัวฉงส่งไปสมควรมีปัญหาหรือไม่…มันกล้าส่งรายงานเท็จเรื่องต้วนหลิงเทียนมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน?”

เว่ยเหอกล่าวออก สองตายังกลายเป็นดุร้ายมากขึ้น

“ในตอนแรกข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า จึงคิดฟ้องร้องกัวฉงต่อหอคุมกฏ ทว่าอาวุโสคุมกฏที่นั่นกลับบอกข้าว่า หากข้ายังยืนกรานจะฟ้องร้องเรื่องความยุติธรรมของกัวฉงข้าก็สามารถกระทำได้…”

“แต่ทว่าหากผลการพิสูจน์ออกมาแล้วว่าเรื่องที่ข้ากล่าวเป็นความเท็จ ซึ่งนั่นจักหมายความว่าการกระทำของข้าไม่ต่างใดจากการดูหมิ่นอาวุโสคุมกฏ..ข้าจะถูกหอคุมกฏลงโทษทางวินัยอย่างรุนแรง!””

หลี่อันกล่าวถึงจุดนี้ในแววตาของมันก็ฉายความหวาดกลัวออกชัด “เพราะสุดท้ายแล้วกัวฉงนั่นจักอย่างไรมันก็เป็นถึงอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬ มันถือว่าเป็นคนของหอคุมกฏคนหนึ่ง…มิใช่อาชญากรรมเพียงเล็กน้อยเลยหากข้าใส่ร้ายอาวุโสคุมกฏ…”

“เพราะเหตุนี้…ท่านอาจารย์จึงมิแน่ใจว่าที่แท้พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนนั่นจักใช่รากวิญญาณสีน้ำเงินจริงหรือไม่?”

เว่ยเหอขมวดคิ้ว ค่อยกล่าวสืบต่อว่า “แต่ยามนั้นก็มิใช่ท่านอาจารย์เห็นกับตาหรือ ว่าผลการทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนผู้นั้นเป็นรากวิญญาณสีเหลืองแน่?”

“นั่นเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนผู้นี้คล้ายจะมีทักษะลับบางอย่างที่สามารถปกปิดอายุและพลังฝึกปรือได้ เช่นนั้นข้าจึงไม่มั่นใจว่าที่แท้มันจะมีทักษะปิดซ่อนพรสวรรค์รากวิญญาณอันใดหรือไม่…อย่างไรก็ตามข้อสันนิษฐานนี้ของข้ากล่าวไปคงเป็นจริงได้ยากนัก”

หลี่อันพูดต่อ “เพราะโดยปกติทั่วไปแล้ว สมควรมีเพียงตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์เท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเอง ทว่าต้วนหลิงเทียนที่พลังฝึกปรือยังอยู่ในด่านพลังเซียนปฐพี ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะมีปัญญาสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเอง…หากกระทั่งพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเองยังมิอาจสัมผัสถึง แล้วมันจักใช้ทักษะปิดซ่อนพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเองได้อย่างไร?”

“ถูกแล้ว! เป็นอย่างที่ท่านอาจารย์กล่าว!!”

พอได้ยินข้อสันนิษฐานของหลี่อัน สองตาเว่ยเหอพลันสว่างวาบขึ้นมาทันที “เช่นนั้น…ท่านอาจารย์ใช่หมายความว่า ที่แท้อาวุโสกัวฉงลอบปกปิดความผิดของต้วนหลิงเทียน และส่งรายงานพิจารณาคดีเท็จไปใช่หรือไม่!”

“มิผิด เรื่องนี้ข้าก็คิดว่าสมควรเป็นเช่นนั้น ทว่าตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาข้าส่งคนไปสืบเรื่องราวมากมาย แต่ก็มิพบเลยว่ากัวฉงกับต้วนหลิงเทียนที่แท้มีความสัมพันธ์อันใดกันแน่ ทั้งหมดว่างเปล่า…เสมือนคนสองคนนี้มิเคยรู้จักกันมาก่อน! เช่นนั้นข้าจึงมิอาจเข้าใจได้จริงๆ ว่าไฉนคนที่ยึดถือความเที่ยงธรรมและกระทำหน้าที่ตัดสินอย่างเด็ดขาดมาตลอดอย่างกัวฉง ถึงช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนนั่นได้?”

หลี่อันกล่าวจบก็ส่ายหัวไปมา เรื่องนี้เป็นอะไรที่มันมืด 8 ด้านจริงๆ

และเพราะเหตุผลนี้มันจึงไม่กล้ายื่นเรื่องฟ้องร้องกัวฉง…!

“ท่านอาจารย์ กัวฉงนั่นที่แท้ต้องมีสัมพันธ์กับต้วนหลิงเทียนอย่างที่อาจารย์คิดจริงๆ เพียงแต่พวกมันซุกซ่อนเรื่องนี้เอาไว้อย่างมิดชิด! จึงเป็นสาเหตุที่ท่านมิอาจขุดคุ้ยความสัมพันธ์ของพวกมันออกมาได้! ต้วนหลิงเทียนนั่นมันมิมีปัญญาปกปิดพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเองได้แน่!”

ต่างจากหลี่อันที่ลังเล เว่ยเหอ กลับมั่นใจถึงที่สุด “มิเพียงเท่านั้น ท่านเองยังเห็นกับตาว่าพรการทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นสีเหลือง กระทั่งยังทดสอบด้วยลูกแก้ววิญญาณถึงสองลูก!”

“เช่นนั้นพวกเราสามารถสรุปได้แน่ชัดแล้วว่า ต้วนหลิงเทียนมันมีพรสวรรค์รากวิญญาณแค่รากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น! ทั้งหมดเป็นกัวฉงส่งรานงานเท็จแน่นอน!”

หลังจากมั่นใจในเรื่องราวแล้ว เว่ยเหอ พลันกล่าวกับหลี่อันต่อว่า “ท่านอาจารย์ข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าจะไปฟ้องร้องกัวฉงที่หอคุมกฏ และทำการยื่นอุทธรณ์ให้ทำการสืบค้นความจริงเรื่องนี้อีกครั้งด้วยเหตุผลที่ว่า…กัวฉงทำการเล่นพรรคเล่นพวกลอบช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน กล้าการกล่าวรายงานเท็จว่ามันมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน!!”

“คราวนี้ต้วนหลิงเทียนนั่นจักสูญเสียคุณสมบัติคุ้มครองจากกฏที่ไม่ได้พูดไว้ของลัทธิบูชาไฟเรา ทีนี้ไหนเลยมันยังจะรอดตัวได้อีก มันต้องถูกประหารชีวิตแน่!”

“นอกจากนั้นครั้งนี้กัวฉงนั่นก็มิอาจหลีกหนีคราวเคราะห์ไปได้! มันสมควรถูกลงโทษทางวินัยสถานหนัก กระทั่งตำแหน่งอาวุโสคุมกฏของมันก็คงยากรักษาเอาไว้ได้!”

เว่ยเหอกล่าวออกรวดเดียวจบ วาจายังชัดถ้อยชัดคำนัก

และเมื่อมันกล่าวจบ มันก็เหินร่างจากไปทันที โดยไม่ทันรอให้หลี่อันตอบสนองอันใด

“นี่ตัวข้าชราลงจนบังเกิดจิตขลาดเขลาขนาดนี้เชียวหรือ…ความกล้าหาญของข้าน้อยกว่าศิษย์ตั้งแต่เมื่อใดกัน…”

หลังรู้สึกตัว หลี่อันได้แต่หัวเราะเยาะตัวเอง…