บทที่ 485 ปู่หลานพบพาน

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 485 ปู่หลานพบพาน

กู้เฉิงเฟิงได้แต่สงสัยว่าพวกทหารแคว้นเฉินกับทหารราชวงศ์ก่อนคงตากฝนเยอะเกินจนน้ำเข้าสมอง ถึงได้จับท่านปู่ของเขามาขังไว้ในที่แบบนี้!

มาไม้ไหนเนี่ย!

กู้เจียวอยากเข้าไปข้างใน

แต่ถูกกู้เฉิงเฟิงห้ามไว้ “ช้าก่อน ข้าขอเข้าไปก่อน”

หลังจากที่กู้เฉิงเฟิงเคยเกือบโดนหลอก ก็เลยระวังตัวมากขึ้น เขาให้นางอยู่ข้างนอกก่อน ส่วนเขาเข้าไปในห้องเก็บสุราเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีกับดักหรืออันตรายใดๆ ซ่อนอยู่ ก่อนที่เขาจะบอกนาง “เข้ามา”

กู้เจียวเดินเข้าไปข้างใน แล้วปิดประตู

ด้วยความห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง พอปิดประตูทั้งห้องเลยมืดมากจนมองไม่เห็นนิ้วของตัวเอง

กู้เฉิงเฟิงหยิบตะบันไฟขึ้นมาเป่าและยื่นไปทางท่านเหล่าโหว จากนั้นเขาคุกเข่าบนพื้นเย็นและยื่นมือออกไปเพื่อพยายามจะช่วยพยุงร่างของท่านเหล่าโหว

“ช้าก่อน”

คราวนี้เป็นกู้เจียวที่ยื่นมือห้ามแทน

ลมหายใจของผู้เหล่าโหวเย่อ่อนแรงนัก และดูผิดปกติ

ในฐานะหมอ กู้เจียวมีสัญชาตญาณในสถานการณ์นี้อยู่แล้ว กู้เจียววางทวนที่สะพายไว้ที่หลังลง จากนั้นเข้าไปใกล้ๆ จุดที่กู้เฉิงเฟิงนั่งอยู่แล้วย่อเข่าข้างหนึ่งลง ทำให้นางได้เห็นรูปลักษณ์ของท่านเหล่าโหวได้อย่างชัดเจนขึ้น

ร่างของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เห็นได้ชัดว่าเขาถูกทรมานอย่างหนักและไม่มีที่ใดบนร่างกายของเขาที่ไม่เปื้อนเลือด

“ส่องไฟใกล้ๆ ที” กู้เจียวเอ่ย

กู้เฉิงเฟิงขยับตะบันไฟเข้าไปใกล้ร่างของท่านเหล่าโหวให้มากขึ้น

ว่ากันว่าแสงของไฟสามารถซ่อนสีผิวบนใบหน้าของผู้คนได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจซ่อนความซีดเซียวบนใบหน้าของท่านเหล่าโหวได้

ความรู้สึกบีบแน่นหัวใจเข้าโจมตีกู้เฉิงเฟิง เขากลืนน้ำลายคงคอหนึ่งที แล้วค่อยๆ ขานเรียกคนตรงหน้าด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ท่านปู่ ท่านปู่”

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ

นั่นยิ่งทำให้หัวใจของกู้เฉิงเฟิงรู้สึกบีบแน่นกว่าเดิม

ท่าทีของกู้เจียวยังคงนิ่งดังเดิม นางค่อยๆ แก้เสื้อผ้าของท่านเหล่าโหวอย่างใจเย็น และเริ่มลงมือตรวจร่างกาย

กู้เฉิงเฟิงที่ฝึกร่างกายมานานจนมีวันนี้ได้ ต้องผ่านทั้งความเจ็บของตัวเองและของผู้อื่น แต่พอมาเห็นสภาพคนในครอบครัวบาดเจ็บก็ยังตั้งรับไม่ไหว

ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ไปกินอะไรมาถึงได้เย็นชาขนาดนี้

แต่ก็นะ เพราะนางไม่ใช่กู้เจียวเหนียงตัวจริง ท่านปู่ก็แค่คนไข้คนหนึ่งสำหรับนาง

แสงจากตะบันไฟไม่เพียงพอที่จะใช้ส่องร่างกายของท่านเหล่าโหว กู้เจียวจึงเปิดกล่องยาออกแล้วหยิบไฟฉายขึ้นมา จากนั้นยื่นให้กู้เฉิงเฟิง “ถือไว้นะ”

กู้เฉิงเฟิงเห็นของแปลกๆ จากนางจนชินแล้ว พลางนึก เจ้าสิ่งนี้มันก็คล้ายกันกับไข่มุกราตรีนี่นา เพียงแต่เจ้านี่สว่างกว่าและยาวกว่าก็เท่านั้น

“ท่านปู่อาการหนักไหม” กู้เฉิงเฟิงดับตะบันไฟลงแล้วคว้าไฟฉายขึ้นมา พลางเอ่ยถาม

“หนัก” กู้เจียวเอ่ย การเคลื่อนไหวของมือกู้เจียวเบามาก กระนั้นก็ไม่พลาดแม้แต่กระดูกชิ้นเดียว “มีอาการบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอก อีกทั้งมีกระดูกแหลกหลายส่วน”

กู้เฉิงพอได้ยินก็ตกใจ “แหลก เลยรึ”

กู้เจียวถอนหายใจ “หากกระดูกถูกหักมากกว่าสามชิ้นก็เรียกว่ากระดูกแหลก”

ไม่ได้หมายถึงแหลกจนเป็นผงแบบนั้นเสียหน่อย

คนนะ ไม่ใช่เครื่องบดกระดูก

นอกจากกระดูกที่หักแล้ว ยังมีบาดแผลถูกแส้อีกหลายแห่งทั่วร่างกาย และรอยเลือดตามร่างกายก็มาจากแผลจากแส้เหล่านี้

แม้รอยแผลจะน่ากลัว แต่ก็ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ท่านเหล่าโหวหมดสติ

กู้เจียวหยิบเครื่องวัดความดันโลหิตออกมาอีกครั้ง

“แปลกนัก ทำไมความดันเลือดต่ำแบบนี้ล่ะ”

สาเหตุที่ท่านเหล่าโหวหมดสติเป็นเพราะอาการช็อกจากเลือดออก

อย่างไรก็ตาม แผลที่อยู่ตามตัวเป็นเพียงบาดแผลที่ผิวหนัง มีรอยเลือดกระดำกระด่าง อีกทั้งปริมาณเลือดออกก็ไม่มาก

“หรือว่าจะช้ำใน” กู้เจียวเอ่ย

กู้เฉิงเฟิงไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูดแม้แต่คำเดียว และแม้ว่าเขาจะเข้าใจ เขาก็รู้สึกว่านั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่เขาเข้าใจ

กู้เจียวหยิบถุงมือคู่หนึ่งจากกล่องยาขนาดเล็ก สวมมันแล้วหยิบเข็มยาวออกมา

กู้เฉิงเฟิงเลิกคิ้ว พลางนึก เด็กคนนี้คิดจะทำอะไรน่ะ!

ครั้งล่าสุดที่เขาได้ดูกู้เจียวทำการผ่าตัดเย็บแผลให้กู้เฉิงหลินส่งผลให้เขางดเนื้อสัตว์เป็นเวลาครึ่งปี สภาพจิตใจของเขาเพิ่งฟื้นขึ้นได้ไม่นานเองนะ เขาไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้ว!

กู้เฉิงเฟิงเบือนหน้าหนีทันที!

“นี่” กู้เจียวเรียกเขา

“ข้าไม่กลัวหรอก!” เขาพยายามทำเสียงเคร่งขรึม!

“ไฟเอียงแล้ว” กู้เจียวเอ่ยเตือน

“เอียง ไปทางไหน” กู้เฉิงเฟิงถามขณะที่ยังหันหัวออก

“อย่าขยับนะ” กู้เจียวจับมือของเขาและเลื่อนไฟฉายไปข้างหน้า

กู้เฉิงเฟิง “อ้อ”

กู้เจียวเริ่มการเจาะระบายน้ำในช่องท้องของท่านเหล่าโหว ของที่ถูกดูดออกมากลับเป็นโลหิตที่ไม่แข็งตัว ซึ่งบ่งชี้ว่ามีน้ำในช่องท้องเป็นเลือด เมื่อดูภาพรวมจากอาการบาดเจ็บของเขา เป็นไปได้ที่จะมีการแตกของอวัยวะที่สำคัญด้านใน

กู้เจียวถอดเข็มเจาะออก สังเกตที่ท้องของเขาอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เริ่มสัมผัสเบาๆ และกดลงไปตามทิศทางของซี่โครงของเขา

พอกู้เจียวกดลงไปที่ช่องท้องด้านซ้ายบน ร่างกายของเขาก็เกิดกระตุกเล็กน้อย

ยังไม่หมดสติหรอกรึ ยังรู้สึกตัวอยู่สินะ

ดูเหมือนจะมาจากตรงนี้นะ

แววตาของกู้เจียวพลันนิ่งลง

ตรงนี้คือม้าม

“นี่เจ้าตรวจเสร็จแล้วหรือยัง ตรวจเสร็จก็รีบพาท่านปู่ของข้าออกไปได้แล้ว ข้าเริ่มจะรู้สึกว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นอาจกลับมาได้ทุกเมื่อ!”

“ไปไม่ได้” กู้เจียวเอ่ย “ปู่ของเจ้าบาดเจ็บ”

“กลับไปทำที่โรงเตี๊ยมไม่ได้หรือ ข้ารู้ว่าคนเจ็บเคลื่อนไหวไม่สะดวก เดี๋ยวข้าจะไปหาเปลมาหาม! ข้ารับรองว่าจะไม่ทำให้อาการบาดเจ็บแย่ลง!”

กู้เจียวมองดูความดันโลหิตที่ยังคงลดลง ส่ายหัวก่อนจะเอ่ย “ไม่ได้การแล้ว”

“ไม่ได้การแล้วหมายถึงอะไร” กู้เฉิงเฟิงหันกลับมาถามด้วยสายตากังวล

“เขาต้องรับการผ่าตัดตอนนี้” กู้เจียวเอ่ย

“ที่ ที่นี่หรือ”

กู้เจียวพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ที่นี่” เมื่อเห็นว่ากู้เฉิงเฟิงมีท่าทีลังเลจึงเอ่ยเสริม “ถ้าไม่ทำทันที เขาจะตายได้นะ”

ด้วยความที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมานาน เขาย่อมเข้าใจว่าเด็กคนนี้ไม่เคยพูดเกินจริง ยกเว้นตอนที่ชอบพูดเสียงดังเวลาเก็บค่ารักษาพยาบาล

กู้เฉิงเฟิงมองลึกเข้าไปในดวงตากู้เจียว “แน่ใจหรือว่าต้องทำสิ่งนี้”

เขาไม่จำเป็นต้องย้ำเตือนว่าการผ่าตัดในดินแดนของศัตรูนั้นเสี่ยงเพียงใด นางกำลังจะช่วยท่านปู่ของเขา และหากพวกเขาออกไปจากตรงนี้ นางเองก็ต้องเสี่ยงเช่นกัน

เขาเอ่ยต่อ “หากพวกเราถูกเจอตัว เราสามคนอาจไม่สามารถไปจากที่นี่ได้”

กู้เจียวหยิบมีดผ่าตัดออกมาอย่างไม่ลังเล “ข้าจะพยายาม”

“เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้ เจ้ารับเขาเป็นปู่ของเจ้าแล้วรึ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น” กู้เจียวแกะซองที่ห่อมีดผ่าตัดออก “เขาไม่ใช่ท่านปู่ของข้า แต่ข้าทำเพื่อพี่น้องของข้า”

กู้เจียวเป็นคนจริงจังกับการสาบานพี่น้อง!

กู้เฉิงเฟิงผู้ซึ่งเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิงพอได้ฟังก็พลันรู้สึกเจ็บปวดและสะเทือนใจ ที่แท้ นางมองเขาเป็นพี่ชายมาโดยตลอดสินะ!

กู้เจียว ‘เจ้าคิดเยอะเกินไปแล้ว’

พี่น้องที่ข้าหมายถึงคือคนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นนั่นต่างหาก

“ให้ข้าช่วยอะไรไหม” กู้เฉิงเฟิงเอ่ยถามอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน!

กู้เจียวตัดสินใจที่จะไม่โต้เถียงกับเขาเกี่ยวกับความอาวุโสของตัวเองในขณะนี้ พลางหยิบมีดผ่าตัดและยาชาออกมา “เจ้าไปหาอะไรอุดที่ประตูเพื่อไม่ให้แสงลอดเข้ามา”

ไม่มีเศษผ้าหรืออะไรอยู่ในห้องเก็บสุรา กู้เฉิงเฟิงจึงฉีกเสื้อของตัวเองออกแล้วใช้กริชตัดเป็นแถบๆ และปิดรอยร้าวที่ประตู

สภาพอากาศที่ชายแดนเย็นจนพื้นดินอยู่ในสภาพเยือกแข็ง ในห้องเก็บสุราแห่งนี้จึงไม่มีเตาผิง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายลดต่ำระหว่างการผ่าตัด กู้เจียวเลยขอให้กู้เฉิงเฟิงช่วยทุบโต๊ะ ราดเหล้าและจุดไฟ

เมล็ดหิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ประทุบนชายคาและพื้นดิน ซึ่งช่วยบดบังสุ้มเสียงฟืนที่กำลังไหม้อยู่พอดี

กู้เจียวค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าและเบามือ พร้อมกับท่าทีอันสุดจะสงบเย็น

กู้เจียวต่อสายน้ำเกลือให้ท่านเหล่าโหวและขอให้กู้เฉิงเฟิงช่วยหาที่แขวนถุงน้ำเกลือให้

ท่านเหล่าโหวมีเลือดออกภายในอย่างรุนแรง ไม่เหมาะที่จะให้ดมยาสลบจึงเลือกใช้ยาชาแทน

สติสัมปชัญญะเส้นสุดท้ายของท่านเหล่าโหวพลันเลือนหาย จากนั้นค่อยๆ หลับไป

ด้วยความสถานที่ไม่เอื้ออำนวยกับการใช้ผ้าคลุมผ่าตัด กู้เจียวทำได้แค่ทายาฆ่าเชื้อให้กว้างมากที่สุด จากนั้นก็เริ่มใช้มีดผ่าตัดกรีดลงไปบริเวณท้องซ้ายบน

เกิดเป็นน้ำโลหิตไหลซึมออกมา

กู้เฉิงเฟิงได้แต่กลั้นหายใจ!

จากนั้นกู้เจียวเริ่มขยับม้ามออกและยกขึ้นพ้นจากบริเวณที่ผ่าตัด กู้เฉิงเฟิงที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแทบจะเป็นลม!

กู้เจียวยังคงจดจ่อกับการผ่าตัด แล้วก็เจอกับรอยแผลที่ม้ามจากนั้นทำการเย็บแผล หากหลังจากนี้ยังมีอาการเลือดตกใน อาจต้องทำการผ่าตัดม้ามส่วนที่มีแผลออกหรือไม่ก็ต้องเอาม้ามทั้งหมดออก

ม้ามไม่เหมือนกับไส้ติ่ง เอาออกแล้วคือเอาออกเลย

ผลที่ตามมาของการผ่าตัดตัดม้ามนั้นจะคงอยู่ตลอดชีวิต เมื่อทำการผ่าตัดนี้แล้ว ท่านเหล่าโหวจะไม่สามารถเข้าสู่สนามรบได้อีก

เวลาผ่านไปทีละเล็กทีละน้อย หิมะเริ่มหยุดตกแล้ว และทั้งจวนเต็มไปด้วยความเงียบสนิท

ทุกครั้งที่มีเสียงปะทุที่ดังขึ้นจากกองไฟก็ยิ่งกวนใจกู้เฉิงเฟิง

กู้เจียวลงแรงกับการผ่าตัดจนมือของนางเต็มไปด้วยรอยเลือด

ดูเหมือนผลของการเย็บจะได้ผล ไม่จำเป็นต้องเอาม้ามออก ใช้เพียงการเย็บแผลปิดช่องว่างทั้งหมด

หลังจากเย็บม้ามเสร็จ การผ่าตัดได้มาถึงขั้นตอนสุดท้าย คือการเย็บปิดแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง

กู้เฉิงเฟิงกำหมัดแน่น ได้แต่ท่องในใจว่า อย่าให้ใครเข้ามา อย่าให้ใครเข้ามา…