ตอนที่ 597 ตระกูลจง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 597 ตระกูลจง

“เจ้าค่ะ!” อิ๋นซวงพยักหน้าอย่างมีความสุข

ชุ่ยปี้ยืนเล่ารายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงวังหลวงให้ไป๋ชิงเหยียนฟังอยู่ด้านข้าง

วันนั้นตอนที่ไป๋จิ่นซิ่วได้รับการช่วยเหลือและใกล้คลอด ฉินหล่างสั่งให้คนไปรับตัวหมอหงมา เมื่อหมอหงมาถึง ฉินหล่างกระชากแขนหมอหงเข้าไปหา กล่าวว่าหากช่วยเหลือได้เพียงคนเดียว เขาขอร้องให้หมอหงเลือกช่วยชีวิตไป๋จิ่นซิ่วก่อน

ไป๋ชิงเหยียนได้ฟังแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ฉินหล่างให้ความสำคัญกับไป๋จิ่นซิ่วมากถึงขนาดนี้ถือเป็นเรื่องดี ไม่เสียแรงที่ตระกูลไป๋ช่วยปูทางให้ฉินหล่างในตอนนั้น

ไม่นาน เจี่ยงหมัวมัวมาเชิญไป๋ชิงเหยียนไปรับประทานอาหารที่เรือนฉางโซ่ว กล่าวว่าวั่งเกอตื่นนอนแล้ว บัดนี้เรือนฉางโซ่วกำลังครึกครื้น

ตั้งแต่กลับมาไป๋ชิงเหยียนยังไม่ได้เห็นหน้าหลานชายคนแรกของตัวเองเลย หญิงสาวสั่งให้ชุนเถาไปหยิบป้ายหยกซึ่งท่านปู่มอบเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบสิบปีของนางจากคลังสมบัติที่ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้นำกลับไปที่ซั่วหยางมา จากนั้นหากล่องกำมะหยี่สวยๆ ใส่ป้ายหยกลงไป เมื่อเสร็จเรียบร้อยไป๋ชิงเหยียนจึงไปยังเรือนฉางโซ่ว

เมื่อไป๋ชิงเหยียนก้าวเท้าเข้าไปในเรือนฉางโซ่ว หญิงสาวได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากด้านใน ดูเหมือนว่าวั่งเกอจะฉี่รดมือของไป๋จิ่นเซ่อ ไป๋จิ่นเซ่อจึงรีบเรียกแม่นมเข้ามาอย่างร้อนใจ องค์หญิงใหญ่ หลิวซื่อและไป๋จิ่นซิ่วต่างหัวเราะออกมาอย่างขบขัน

ด้านในห้องเปิดหน้าต่างออกเพียงครึ่งบาน แสงสว่างจากด้านในส่องลอดออกมากระทบลงบนกระเบื้องตรงระเบียงทางเดินทำให้เรือนฉางโซ่วดูอบอุ่น ทว่า ยังอบอุ่นไม่เท่าเสียงสนทนาและหัวเราะของคนภายในห้อง

ไป๋ชิงเหยียนยืนฟังเสียงหัวเราะ เสียงลมและใบไม้อยู่ตรงระเบียงทางเดิน ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

เดือนสิบไม่มีเสียงร้องของจักจั่นอีกแล้ว จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ได้แขวนผ้าม่านและจุดยากันแมลงตรงระเบียงทางเดินอีกต่อไป ผ้าม่านของแต่ละเรือนถูกเปลี่ยนเป็นผ้าม่านปักลายดอกไม้ที่มีสีสันเข้ากับฤดูกาลนี้แทน

แม้องค์หญิงใหญ่จะไม่ได้กลับมาพักที่เรือนฉางโซ่วบ่อยนัก ทว่า ฮูหยินสองสั่งให้คนดูแลเรือนนี้อยู่ตลอดเวลา ตรงประตูห้องถูกเปลี่ยนเป็นผ้าม่านสีฟ้าลายนกกางเขนและกิ่งไม้ ช่างประณีตและงดงามยิ่งนัก

ท้องฟ้ามืดครึ้มราวกับถูกน้ำหมึกสีดำหกลด ดวงจันทร์ส่องสว่าง ดวงดาวส่องประกาย ก้อนเมฆบดบังดวงจันทร์อยู่บางส่วน ทว่า แสงสว่างจากดวงจันทร์ยังคงสาดส่องทั่วบริเวณ

ไป๋ชิงเหยียนกำลังจะเดินเข้าไปในห้องก็บังเอิญพบกับแม่นมของจวนฉินที่อุ้มวั่งเกอออกมาเปลี่ยนผ้าอ้อมและเครื่องแต่งกายใหม่พอดี เมื่อเห็นสาวใช้แหวกม่านออก แม่นมรีบหลีกทางให้พลางย่อกายทำความเคารพ

วั่งเกอซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของแม่นมกำลังร้องไห้งอแงเพราะผ้าอ้อมที่เปียกชื้นจากปัสสาวะ ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางวั่งเกอ เขาน่าเอ็นดูและขาวใสดั่งที่ท่านย่ากล่าวจริงๆ ด้วย

ไป๋ชิงเหยียนหลีกทางให้พลางกล่าวขึ้น “พาวั่งเกอไปเปลี่ยนชุดก่อนเถิด!”

แม่นมของวั่งเกอรีบเงยหน้าขอบคุณ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนมองไปทางวั่งเกอในอ้อมกอดของนางด้วยสายตารักใคร่ แม่นมจึงนิ่งอึ้ง

“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นเซ่อที่เตรียมเดินกลับไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเพราะถูกวั่งเกอฉี่รดเห็นไป๋ชิงเหยียนจึงทำความเคารพ

แม่นมของวั่งเกอได้ยินมานานแล้วว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วงดงาม ตอนที่องค์ชายสี่แห่งแคว้นต้าเหลียงพบองค์หญิงเจิ้นกั๋วยังเข้าใจผิดคิดว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วคือหนานตูจวิ้นจู่หญิงงามอันดับหนึ่งของแคว้นต้าจิ้น เขาจึงขอองค์หญิงเจิ้นกั๋วแต่งงานโดยสาบานว่าจะไม่รับอนุอีกเลยตลอดชีวิต ปรากฏว่าชายหนุ่มเข้าใจผิดจนทำให้หนานตูจวิ้นจู่กลายเป็นตัวตลกของแคว้นต้าจิ้น

ก่อนหน้านี้แม่นมของวั่งเกอยังคาดเดากับคนอื่นอยู่เลยว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะงดงามสักเพียงใด ทว่า เมื่อพบหน้าในวันนี้ นางถึงได้รู้ว่าสิ่งใดที่เรียกว่างามสะท้านเมือง

แสงไฟตรงระเบียงทางเดินสะท้อนใบหน้าที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยรอยยิ้มของสตรีตรงหน้า หญิงสาวไม่ได้ดูโหดร้ายและอำมหิตเหมือนดั่งข่าวลือที่ได้ยินมาเลยสักนิด ร่างทั้งร่างงดงามเป็นอย่างยิ่ง

แม่นมตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วครู่ ทว่า นางได้สติเพราะเสียงร้องไห้ของวั่งเกอจึงรีบก้มหน้าอุ้มวั่งเกอไปยังห้องด้านข้าง

“พี่หญิงใหญ่มาแล้วหรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วเดินออกมาจากด้านใน กล่าวกับไป๋จิ่นเซ่อยิ้มๆ “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายอีก”

“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบกลับมาเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อทำความเคารพยิ้มๆ แล้วเดินจากไป

เมื่อเห็นไป๋จิ่นเซ่อเดินออกไปจากเรือนแล้ว ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบาหวิว “ตอนที่พี่หญิงใหญ่ไปที่จวนองค์รัชทายาท คนที่เฝ้าจวนซิ่นอ๋องกลับมารายงานว่าคนสนิทของซิ่นอ๋องเดินทางไปยังจวนจง ซึ่งเป็นตระกูลฝั่งมารดาของฮองเฮาอย่างลับๆ ล่อๆ เจ้าค่ะ”

พฤติกรรมไม่ปกติย่อมมีลับลมคมใน ตั้งแต่กลับมาเมืองหลวง ซิ่นอ๋องอยู่อย่างเต่าหัวหดมาโดยตลอด จู่ๆ ส่งลูกน้องไปติดต่อน้าชายของตัวเองอย่างลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ ต้องมีสิ่งใดสำคัญอย่างแน่นอน

บังเอิญเสียจริงที่ตอนนี้องค์รัชทายาทกำลังสืบเรื่องของฮองเฮาอยู่ ปล่อยให้พวกเขาทะเลาะกันเองก็แล้วกัน

โชคดีที่ครั้งนี้ฮ่องเต้ยังมีสติเชิญราชครูถานและท่านย่าไปช่วยดูแลราชสำนักและวังหลังก่อนที่ตนเองจะหมดสติไป ทั้งสองปรึกษาและได้ข้อสรุปว่าควรเลื่อนตำแหน่งน้าชายของซิ่นอ๋อง ให้เขาไปรับตำแหน่งที่สูงกว่า ทว่า ไม่มีอำนาจ ไม่ให้เขาดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพของทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ต่อ ยึดอำนาจทหารของเขากลับคืนมาเพื่อป้องกันฮองเฮาคิดอาศัยช่วงที่ตัวเองกำลังตั้งครรภ์ ซิ่นอ๋องกลับมาเมืองหลวง อีกทั้งองค์รัชทายาทไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงก่อเรื่องอันใดขึ้นมา

ทว่า จงเส้าจ้งมีบารมีมากในค่ายทหารองครักษ์ส่วนพระองค์

“ให้คนจับตาดูจงเส้าจ้ง น้าชายของซิ่นอ๋องเอาไว้ให้ดี หากช่วงนี้เขามีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติให้มารายงานทันที เน้นจับตาดูว่าจงเส้าจ้งไปมาหาสู่กับทหารองครักษ์รักษาพระองค์บ้างหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางเดินอ้อมฉากกั้นเข้าไปในห้องพร้อมกับไป๋จิ่นซิ่ว ทำความเคารพทุกคนในห้อง จากนั้นนั่งลง

เจี่ยงหมัวมัวนำชาพุทราลำไยมาวางบนโต๊ะเล็กให้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นไปยืนอยู่ข้างองค์หญิงใหญ่ มองดูวั่งเกอที่ถูกอุ้มกลับเข้ามาอีกครั้งหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมและเครื่องแต่งกายเสร็จยิ้มๆ

“ข้าจำได้ว่าตอนที่เสี่ยวปาคลอดออกมาใหม่ๆ นางฉี่รดมืออาเป่าเหมือนกัน! คราวนี้วั่งเกอจึงฉี่รดมือจิ่นเซ่ออย่างไม่เกรงใจบ้าง” องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างมีความสุข

วั่งเกอคือเหลนชายคนแรกขององค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่จึงรักและเอ็นดูเขามากจนแทบอยากมอบของที่ดีที่สุดทุกอย่างให้แก่เขา

ไป๋ชิงเหยียนรับวั่งเกอมาจากแม่นม คงเป็นเพราะมีประสบการณ์ในการอุ้มเสี่ยวปามาก่อน ครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนจึงอุ้มวั่งเกอได้อย่างทะมัดทะแมง

ภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเพราะวั่งเกอ ไป๋จิ่นเซ่อที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายกลับมาแล้วรับตัววั่งเกอมาจากไป๋ชิงเหยียน ผู้ใดจะคิดว่ายังไม่ทันจะรับมาวั่งเกอก็แผดเสียงร้องไห้ออกมาเสียก่อน ไป๋จิ่นเซ่อเขี่ยจมูกของเจ้าตัวเล็กเบาๆ พลางเอ่ยขึ้น “เจ้าเด็กนี่ ตอนไม่มีพี่หญิงใหญ่มาก็ชอบน้าเจ็ด พอป้าของเจ้ามาก็ทิ้งน้าเจ็ดเลยนะ!” ฮูหยินสองใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากหัวเราะ

ไป๋ชิงเหยียนให้ชุนเถานำป้ายหยกมา จากนั้นวางไว้บนตัวของวั่งเกอ ให้เด็กน้อยเล่น วั่งเกอเล่นอยู่สักพักก็หลับไปในอ้อมกอดของไป๋ชิงเหยียน ใบหน้าเล็กยับยู่ยี่ มุมปากมีน้ำลายซึม ตัวขาวราวกับหยก ช่างน่าเอ็นดูมาก

ด้านข้างมีเสียงพูดคุยและหัวเราะขององค์หญิงใหญ่ ไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นเซ่อ ไป๋ชิงเหยียนมองดูวั่งเกอที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนก็อดนึกถึงเสี่ยวปาขึ้นมาไม่ได้

ไป๋ชิงเหยียนลูบมือเล็กของวั่งเกอที่กำแน่นอย่างแผ่วเบา มือของเขานุ่มนิ่มอ่อนโยนราวกับทำมาจากน้ำ เมื่อสัมผัสแล้วรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก