ตอนที่ 309 ไม่เป็นไรแล้ว มีข้าอยู่ทั้งคน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 309 ไม่เป็นไรแล้ว มีข้าอยู่ทั้งคน
ตอนที่ 309 ไม่เป็นไรแล้ว มีข้าอยู่ทั้งคน

ฉีจ้านขมวดคิ้วมุ่น หากล่าช้ามากไปกว่านี้ อีกเดี๋ยวรัชทายาทคงได้ไปถึงประตูเรือนขององค์ชายสิบสามก่อนเขา

หลังจากชะงักไป เขาก็รีบยกมือเรียกทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามา ก่อนจะสั่งให้อีกฝ่ายพาโม่เสียนไป

เพียงแต่โม่เสียนกลับยังไม่ยอม เอาแต่รั้งไม่ยอมให้ฉีจ้านไปจากที่นี่ ฉุดกระชากลากถูกันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ทำให้ฉีจ้านเกิดความขุ่นเคืองจนได้

“ผู้อารักขาโม่ ใครจะพาไปก็เหมือนกันทั้งนั้น เหตุใดเจ้าถึงได้…”

โม่เสียนเห็นว่าได้เวลาแล้ว อวี้ชิงลั่วก็ไม่น่าจะปล่อยให้ฉีหานเว่ยเดินนำทางนานเกินไป จึงยักไหล่พูดอย่างจนปัญญา “ก็ได้ ในเมื่อผู้อารักขาฉีดูแคลนข้าขนาดนี้ เช่นนั้นก็ช่างเถอะ”

พูดจบ เขาก็เดินตามทหารองครักษ์ไปทางฝั่งนั้นด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ

“…” ฉีจ้านถึงกับพูดไม่ออก ครุ่นคิดว่าเหตุใดคนผู้นี้ถึงได้ทำตัวไร้ยางอายเช่นนี้

ทว่าเขากลับไม่กล้าล่าช้ามากไปกว่านี้อีกแล้ว จึงรีบเร่งฝีเท้าเดินไป

เพียงแต่น่าเสียดาย ตอนที่เขาเพิ่งเคาะประตูห้องขององค์ชายสิบสาม ฉีหานเว่ยก็พาอวี้ชิงลั่วเดินมาถึงแล้ว

ครั้นเห็นฉีจ้านอยู่ตรงหน้าประตู คิ้วของฉีหานเว่ยพลันขมวดเข้าหากัน ทว่าอวี้ชิงลั่วกลับเร่งฝีเท้าเดินตามหลังฉีจ้านเข้าไปด้านใน

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามา ก็ได้ยินเสียงหยิ่งผยองอันทรงพลังขององค์ชายสิบสาม “วันนี้เราจะทุบเจ้าให้ตาย ดูสิว่าครั้งหน้ายังจะกล้าทำตัวไร้ความเคารพต่อเราอีกหรือไม่ เราจะบอกอะไรให้ ต่อให้พ่อของเจ้าคือใต้เท้าอวี้ เราก็จะทุบเจ้าให้ตาย เจ้าคงทำได้แค่ยอมรับความซวยของตัวเอง ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้ทั้งนั้น…”

ดวงตาของอวี้ชิงลั่วคมปลาบขึ้นในทันใด นางสาวเท้าก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว จับมือขององค์ชายสิบสามที่ยกขึ้นสูง แค่นเสียงพลางยิ้มเยาะ “ท่านพูดว่าจะทุบใครให้ตาย?”

องค์ชายสิบสามชะงัก เงยหน้ามองสตรีที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าด้วยความตกตะลึง อ้าปากค้าง ทว่าราวกับมีอะไรคั่งค้างอยู่ที่กลางลำคอจึงทำให้พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ฉีจ้านถึงกับประหลาดใจ แค่เห็นจากฝีมือก็ทราบแล้วว่าแม่นางผู้นี้มีวรยุทธ์ ทว่าการกระทำของนางเช่นนี้ไม่ค่อยดีเท่าไรกระมัง?

เขาเพิ่งคิดเช่นนี้ ฉีลิ่งที่เดินตามอยู่ข้าง ๆ ฉีหานเว่ยก็ชักกระบี่ออกมาจากข้างเอวจนเกิดเสียง ‘ชิ้ง’ พาปลายกระบี่ไปที่ลำคอของอวี้ชิงลั่ว “ปล่อยองค์ชายสิบสาม”

“ฉีลิ่ง หยุด” ฉีหานเว่ยก็ชะงักเช่นกัน ก่อนจะขมวดคิ้วตวาด “เก็บกระบี่กลับไปซะ”

“รัชทายาท นาง…”

“เก็บกลับไป!!!” ฉีหานเว่ยสีหน้าเคร่งขรึมลง ถอยหลังออกไปสองสามก้าว สั่งให้ฉีจ้านปิดประตู จากนั้นจึงช้อนสายตามองอวี้ชิงลั่ว “แม่นาง ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”

ฉีลิ่งขมวดคิ้วเก็บกระบี่กลับเข้าฝัก ทว่าสายตาคู่นั้นยังคงจ้องเขม็งใส่อวี้ชิงลั่ว เพราะกลัวว่านางจะทำให้องค์ชายสิบสามได้รับบาดเจ็บ

อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเบา สะบัดมือขององค์ชายสิบสาม “หากข้ารู้ว่าคนที่ข้าเคยช่วยไว้เป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจเห็นชีวิตมนุษย์เป็นของเล่น ตอนนั้นข้าไม่ควรลงมือช่วยไว้เลย”

ฉีจ้านถึงกับหน้าเคร่งขรึม คำพูดนี้รุนแรงนัก

ฉีหานเว่ยก็แสดงความไม่พอใจเช่นกัน เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าทันทีที่แม่นางผู้นี้เข้ามา นางจะแสดงความฉุนเฉียวมากมายขนาดนี้

“แม่นาง ท่านเข้าใจผิดแล้ว เจ้าสิบสามเป็นแค่เด็ก เขาไม่ทำร้ายใครถึงชีวิตจริง ๆ หรอก” ฉีหานเว่ยเห็นนางเป็นหมอจิตใจดี หมอส่วนใหญ่ต่างก็ทนเห็นคนได้รับบาดเจ็บตรงหน้ามิได้ ครั้นได้เห็นอวี้เป่าเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บคงเกิดความเมตตา

เพียงแต่อวี้ชิงลั่วกลับไม่ตอบเขา ย่อตัวลงอย่างช้า ๆ มองดูสภาพสะบักสะบอมของอวี้เป่าเอ๋อร์ มุมปากของเขามีเลือดไหลซิบ ๆ ใบหน้าก็ปูดบวมฟกช้ำดำเขียว คิด ๆ ดูแล้ว ต่อให้เป็นระยะเวลาสั้น ๆ แค่นี้ องค์ชายสิบสามผู้นี้คงทำให้เขาทรมานไม่น้อย

อวี้ชิงลั่วรู้สึกทุกข์ใจ แต่ก็ข่มความทุกข์ใจไว้

ฉีหานเว่ยแอบไม่เข้าใจ จึงก้าวเท้ามาด้านหน้าสองสามก้าว

เสียง ‘ฟึบ’ ดังขึ้น จู่ ๆ อวี้ชิงลั่วก็เปิดกระเป๋ายาที่พกติดตัว ดึงมีดคมกริบส่องประกายเยือกเย็นขึ้นสูงก่อนจะเล็งและแทงไปที่เชือกด้านหลังของอวี้เป่าเอ๋อร์

ฉีหานเทียนชะงักงัน เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับสูดลมเข้าปาก คิดว่านางฆ่าอวี้เป่าเอ๋อร์แล้ว จึงส่งเสียงอุทานออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

ทว่าอวี้ชิงลั่วกลับยกมีดตัดลงบนเชือกเส้นนั้น เมื่อตัดเสร็จก็จับโยนไปข้าง ๆ

มือทั้งสองข้างของอวี้เป่าเอ๋อร์เป็นอิสระ ความเจ็บปวดจากบาดแผลและความรู้สึกอยุติธรรมเหล่านั้นถาโถมขึ้นมา เขารู้สึกแสบปลายจมูกยากเกินกว่าจะทนไหว จู่ ๆ ก็หมุนกายถลาเข้าไปหาอวี้ชิงลั่วที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ที่พื้น โอบรอบคอของนางพร้อมกับพูดเสียงเบา “ท่านพี่”

“เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้ว มีข้าอยู่ทั้งคน” ครั้นอวี้ชิงลั่วได้ยินอวี้เป่าเอ๋อร์เรียกว่า ‘ท่านพี่’ หัวใจถึงกับบีบรัดอย่างห้ามไม่อยู่

ก่อนหน้านี้นางมิได้รู้สึกอะไรกับอวี้เป่าเอ๋อร์ ทว่าช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันในช่วงนี้ น้องชายคนนี้ปกป้องและเชื่อฟังนางสุดหัวใจ ทำให้นางรู้สึกชอบเด็กคนนี้ จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่นางจะไม่รักเขา

อวี้เป่าเอ๋อร์ซบศีรษะลงที่ซอกคอของนาง พร้อมกับส่งเสียงพูดเบา ๆ

ฉีหานเว่ยกลับแอบสูดลมเย็นเข้าปาก มองทั้งสองคนที่กอดกันด้วยความตกตะลึง

เมื่อครู่อวี้เป่าเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบามาก หากมิใช่เพราะเขามีความสามารถในการได้ยินอันน่าทึ่ง เกรงว่าคงไม่ได้ยินสองพยางค์นั้น

พูดแบบนี้…พูดแบบนี้ที่แม่นางมาที่นี่ในวันนี้ มิได้มาเพื่อทวงบุญคุณจากเขาที่เคยช่วยชีวิตไว้ แต่…เป็นเพราะเด็กคนนี้?

ฉีหานเว่ยถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ทำได้เพียงแค่มองอวี้ชิงลั่วและอวี้เป่าเอ๋อร์กอดกันอย่างเงียบ ๆ

อวี้ชิงลั่วเดินไปด้านหลังสองสามก้าว วางร่างเล็ก ๆ ของเขาลงบนเตียงนุ่มดูมีราคาที่ตั้งอยู่ไม่ไกล จากนั้นจึงหยิบกระเป๋ายาขึ้นมา ช่วยเช็ดคราบเลือดที่มุมปากให้อวี้เป่าเอ๋อร์เบา ๆ ก่อนจะหยิบยาขี้ผึ้งออกมาสองกระปุก ทาลงบนบาดแผลที่ใบหน้าให้อวี้เป่าเอ๋อร์อย่างระมัดระวัง

“เจ็บหรือไม่?” อวี้ชิงลั่วเช็ดหน้าให้เขาพลางกระซิบถาม

อวี้เป่าเอ๋อร์ยิ้ม ทว่าทันทีที่มุมปากของเขาเกิดอาการตึงก็ถึงกับสีหน้าเหยเก เขารีบปิดปาก ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่เจ็บ”

ฉีหานเทียนที่ยืนอยู่ด้านหน้าชะงักไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ได้สติกลับมา ตอนที่ได้สติ เขาก็เห็นเด็กคนนั้นที่เพิ่งถูกเขาใช้เท้าเตะจนขยับตัวไม่ได้ บัดนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียงด้วยเสื้อผ้าสกปรกมอมแมม พลันรู้สึกได้ถึงความอัปยศทันใด

“นี่ พวกเจ้าสองคนช่างกล้ามากนะ ยังไม่ลงมาอีก? บัดซบ ฉีจ้าน…ฉีจ้าน…ยังไม่ไปจับตัวพวกมันลงมาอีก ลากมันออกไปตัดหัว”

ฉีหานเทียนตะโกนด้วยความโกรธ เขาส่งเสียงร้องตะโกนโกรธแทบแย่แล้ว

ฉีหานเว่ยขมวดคิ้ว ตอนที่กำลังจะออกเสียง ทว่าอวี้ชิงลั่วที่อยู่บนเตียงกลับช้อนสายตาขึ้น ยิ้มเยาะใส่ฉีหานเทียน “ลากออกไปตัดหัว? องค์ชายสิบสาม เจ้าเชื่อหรือไม่…ยังไม่ทันได้ลากข้าออกไป เจ้านั่นแหละที่จะตายอยู่ที่นี่?”

ฉีหานเทียนชะงัก ยิ่งโกรธเคืองเข้าไปใหญ่ กระทืบเท้ามาด้านหน้าสองสามก้าว ยกมือขึ้นมาทำท่าจะตบหน้าอวี้ชิงลั่ว

ใครจะไปคิด ตอนที่มือขวาของเขาเพิ่งจะยกขึ้น มันกลับแข็งค้างอยู่กลางอากาศ มิอาจตบลงมาได้แม้แต่น้อย

ฉีหานเว่ยและคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลัง มองเห็นไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งก้าวเท้ามาด้านหน้าสองก้าวจากด้านหลัง พวกเขากลับพากันสูดลมเย็นเข้าปาก

……………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ทำร้ายน้องชายหมอปีศาจขนาดนี้นี่คือไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหมองค์ชายสิบสาม

ไหหม่า(海馬)