ตอนที่ 310 ตกตะลึง

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 310 ตกตะลึง
ตอนที่ 310 ตกตะลึง

พวกเขาเห็นว่าในมือของอวี้ชิงลั่วมีมีดอยู่หนึ่งเล่มที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตั้งแต่เมื่อใด ปลายมีดส่องประกายเย็นวาววับ ทั้งยังจ่อไปที่ลำคอของฉีหานเทียน

“องค์ชายสิบสามคิดจะลงมืองั้นรึ?”

ฉีหานเทียนจะกล้าขยับได้อย่างไรกัน มีเพียงลูกกระเดือกของเขาเท่านั้นที่ขยับ แต่เมื่อเห็นปลายมีดเล่มนั้นจ่อมาที่ตนเอง แม้แต่หายใจก็ไม่กล้าประมาท ทำได้เพียงแค่ตะโกน “ท่าน…พี่…”

สตรีผู้นี้น่ากลัวนัก เขาไม่เคยเห็นสตรีคนใดน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน การเคลื่อนไหวเมื่อครู่รวดเร็วราวกับว่ามีวรยุทธ์ ภายในพริบตาบนลำคอของเขาก็มีใบมีดเพิ่มเข้ามาหนึ่งเล่มแล้ว ดูเหมือนว่าจะแหลมคมมากด้วย

รัชทายาทก้าวเท้ามาด้านหน้าสองสามก้าว ขมวดคิ้วกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “แม่นาง เจ้าสิบสามยังเป็นเด็ก ยังไม่รู้ความ ท่านอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับเขาเลย เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือดูบาดแผลของเป่าเอ๋อร์ก่อนเถิด”

อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเย็น ก่อนจะดึงมีดกลับไปและทายาให้อวี้เป่าเอ๋อร์ต่อ

ฉีหานเทียนถึงกับเหงื่อผุดขึ้นมาจากหน้าผาก แผ่นหลังของเขาถูกฉีหานเว่ยประคองเบา ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาล้มลงบนพื้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉีหานเทียนจึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก และได้สติกลับคืนมา ทว่าความอัปยศที่ถูกใบมีดเล่มนั้นจ่อกลับทำให้เขาเกิดความขุ่นเคืองภายในใจ

แต่เขาก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับอวี้ชิงลั่วตรง ๆ ทำได้แค่ยืนอยู่ข้าง ๆ ท่านพี่ และพูดอย่างขุ่นเคืองว่า “ท่านพี่รัชทายาท เหตุใดท่านถึงได้เกรงใจนางขนาดนี้? เมื่อครู่สตรีผู้นี้กำลังจะฆ่าข้าเชียวนะ อีกอย่าง…อีกอย่างนางยังกล้านั่งบนเตียงของข้าด้วย สตรีประเภทนี้ ควรได้รับโทษอย่างหนักถึงจะถูก”

“เจ้าสิบสาม อย่าทำตัวไร้มารยาท” ฉีหานเว่ยถลึงตาใส่เขา จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น มองอวี้ชิงลั่วที่ส่งสายตาเย็นชามาอย่างไม่เปลี่ยนแปลง กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้าสิบสาม เจ้าอยากเจอหน้าแม่นางผู้นั้นที่เคยช่วยชีวิตเจ้าในตอนนั้นมาโดยตลอดมิใช่รึ? ตอนนี้คนผู้นั้นอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว”

“…” ฉีหานเทียนกะพริบตาปริบ ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นจึงมองอวี้ชิงลั่วด้วยความตกตะลึง สูดลมเย็นเข้าปากแรง ๆ หนึ่งครั้ง “ท่าน…ท่านพี่รัชทายาท เมื่อครู่ท่านว่าอย่างไรนะ? ท่านบอกว่าคนผู้นั้น…คือนางรึ?”

“อืม”

ฉีหานเทียนถอยหลังไปด้านหลังอีกสองก้าว มองไปที่อวี้ชิงลั่วด้วยความฉงนระคนหวาดกลัว สายตาที่กวาดสำรวจนั้นร้อนผ่าว จ้องเสียจนอวี้ชิงลั่วถึงกับขมวดคิ้ว

ภายในห้องเงียบผิดปกติ เนื่องจากฉีหานเว่ยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ฉีหานเทียนที่ทำตัวหยิ่งผยองมาโดยตลอดก็ปิดปากเงียบสนิทอย่างเชื่อฟัง ส่วนผู้อื่นย่อมไม่มีใครกล้าจะพูดอะไรอยู่แล้ว

ส่วนอวี้เจี้ยนต๋าที่ถูกทุกคนลืมไปตั้งนานแล้ว ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม ก้มหน้าลงไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า

ทว่ากลับหูผึ่งฟังคำพูดเหล่านั้น ประกอบกับจินตนาการของตนเอง จึงพอจะคาดเดาบางอย่างได้

แม่นางคนที่เพิ่งเข้ามาเมื่อครู่เคยช่วยชีวิตองค์ชายสิบสาม ดังนั้นรัชทายาทจึงทำตัวมีมารยาทอย่างมาก แม้แต่องค์ชายสิบสามก็ยังรู้สึกขอบคุณ ต่อให้นางทำตัวไร้มารยาทและเหิมเกริมมากกว่านี้ แต่ก็ไม่คิดจะลงโทษนาง ส่วนแม่นางคนนี้ก็เกิดความใจอ่อน ทนดูอวี้เป่าเอ๋อร์ที่นอนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลอยู่บนพื้นไม่ไหว จึงพาเขาไปรักษาข้าง ๆ

ทว่า ไม่ว่าแม่นางคนนี้จะเป็นใคร อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้อวี้เจี้ยนต๋าถอนหายใจอย่างโล่งอกได้ ดูเหมือนว่าเป่าเอ๋อร์จะปลอดภัยแล้ว

เขาไม่ขอให้อวี้เป่าเอ๋อร์ปลอดภัยหายห่วง ถึงอย่างไรการสร้างความขุ่นเคืองให้องค์ชายของอาณาจักรหลิวอวิ๋น ก็คงไม่จบลงง่าย ๆ ขนาดนั้น เขาขอแค่ช่วยชีวิตอวี้เป่าเอ๋อร์ไว้ได้ ต่อให้พาออกไปขณะเหลือลมหายใจสุดท้าย เขาก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว

อวี้ชิงลั่วไม่รู้ว่าความคิดของทุกคนเป็นอย่างไร นางเพียงแค่เพ่งสมาธิไปกับการรักษาบาดแผลให้อวี้เป่าเอ๋อร์

เพียงแต่ฉีหานเทียนที่กวาดตาสำรวจนางอยู่ครู่ใหญ่ กลับเดินเข้ามาข้าง ๆ นางอย่างเนิบช้า สายตาจ้องมองไปบนนิ้วมือเรียวสวยสองข้างของอวี้ชิงลั่ว กระซิบถามเสียงเบา “ท่าน…ท่านคือสตรีผู้นั้นที่ช่วยชีวิตข้ากับท่านพี่ในตอนนั้นจริง ๆ รึ”

“ตอนนี้…รู้สึกเสียดายขึ้นมาแล้ว” อวี้ชิงลั่วตอบกลับโดยไม่เงยหน้ามอง สายตาจ้องไปยังก้อนเลือดเล็ก ๆ ที่ข้าง ๆ ติ่งหูของอวี้เป่าเอ๋อร์ คิ้วพลันขมวดมุ่น

ฉีหานเทียนลงมือหนักจริง ๆ หากมิใช่เพราะท่านพี่รัชทายาทของเขาอยู่ที่นี่ในวันนี้ นางคงสั่งสอนเด็กคนนี้ให้หนัก

ฉีหานเทียนได้ยินคำพูดนี้ก็แอบรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมา “ทำไมล่ะ? ได้ช่วยชีวิตข้าน่าเสียดายตรงไหน?”

“อะไรกัน นี่เจ้าไม่เห็นเป่าเอ๋อร์ที่ถูกเจ้าทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บอยู่ในสภาพนี้เลยรึ?” อวี้ชิงลั่วปล่อยมือ ก่อนจะดึงอีกฝ่ายให้ขยับเข้ามาอีกสองสามก้าว ชี้ไปที่แผลบนตัวอวี้เป่าเอ๋อร์ พูดอย่างดุดันว่า “เห็นหรือยัง แผลพวกนี้เจ้าเป็นคนทำ หากตอนนั้นข้าไม่ช่วยชีวิตเจ้าไว้ ปล่อยให้เจ้าตาย ๆ ไปซะ เจ้ายังจะมีชีวิตมาทำร้ายคนอื่นอีกรึ?”

ฉีลิ่งคิ้วขมวดจนกลายเป็นปม แม่นางคนนี้ไม่รู้จักรมารยาทเกินไปแล้ว องค์ชายสิบสามจะรับกับความอัปยศเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

เขาอยากชักกระบี่ก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกครั้ง ทว่าเพิ่งจะเคลื่อนไหวก็ถูกฉีหานเว่ยยกมือห้ามปรามไว้

ฉีลิ่งไม่เข้าใจ “รัชทายาท องค์ชายสิบสามเขา…”

“ไม่เป็นไร” ฉีหานเว่ยยิ้มเบา ๆ ดูเหมือนว่าบารมีของแม่นางคนนี้ที่อยู่ภายในจิตใจของเจ้าสิบสามจะมีอยู่มากโข ถูกกระชากคอเสื้อขนาดนี้ เขากลับไม่ระเบิดอารมณ์

ในทางตรงกันข้าม…

“ข้าไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ใครใช้ให้เขาบีบคอข้ากันล่ะ แถมยังด่าข้าอีกยกใหญ่ด้วย” ฉีหานเทียนยังคงไม่รู้สึกละอายใจ เขาคือองค์ชาย เรื่องการต่อว่าทุบตีบ่าวเช่นนี้เป็นเรื่องที่เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว และเขาก็คิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติด้วย ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ทุบตีอีกฝ่ายจนตาย เขาจึงคิดว่าตนเองใจดีมากแล้ว

คิดได้เช่นนี้ ภายในใจของฉีหานเทียนก็เกิดความน้อยใจขึ้นมา

“ข้าคือองค์ชายนะ บ่าวมากมายขนาดนั้นก็กำลังมองอยู่ หากไม่แสดงบารมีออกมา คนอื่นคงไม่ให้ความสำคัญกับข้า เช่นนั้นหลังจากนี้ข้าที่เป็นองค์ชายก็คงต้องถูกผู้อื่นรังแกน่ะสิ? อีกอย่าง เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ คอของข้าที่ถูกเขาบีบยังเจ็บไม่หาย ท่านไม่เห็นจะดูหรือจับชีพจรให้ข้าเลย”

“…” อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุก เขายังคิดเพ้อเจ้ออยากให้นางจับชีพจรอีก?

ช่างเถอะ ลูกหลานราชวงศ์ประเภทนี้มีคุณธรรมแบบนี้มาโดยตลอด นางพูดมากไปกว่านี้ก็เปล่าประโยชน์

อวี้ชิงลั่วปล่อยมือในทันที ก่อนจะหันไปทายาให้อวี้เป่าเอ๋อร์อีกครั้ง

ใครจะไปคิด เดิมทีฉีหานเทียนวางเท้าข้างหนึ่งไว้บนแท่นวางเท้า ส่วนอีกข้างวางอยู่บนพื้น เขาถูกนางปล่อยตัวแบบนี้ จึงถอยไปด้านหลัง เซไปหลายก้าวก่อนจะชนเข้ากับอวี้เจี้ยนต๋าที่คุกเข่าอยู่มุมห้อง

อวี้เจี้ยนต๋าลุกขึ้นมาครึ่งตัวตามจิตใต้สำนึก พร้อมกับใช้หลังของตัวเองรับฉีหานเทียนไว้

“องค์ชายสิบสาม ระวัง”

ฉีหานเทียนจึงยืนได้อย่างมั่นคง ขยับแผ่นหลังพร้อมกับถอนหายใจ

ฉีลิ่งรู้สึกไม่พอใจอวี้ชิงลั่วมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อเห็นว่ารัชทายาทและองค์ชายสิบสามดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไร เขาจึงทำได้เพียงแค่ขมวดคิ้วและล้มเลิกความคิด

ทว่าตอนที่อวี้เจี้ยนต๋าลุกขึ้นมาขวางไว้ หัวเข่าที่จากเดิมคุกเข่าอยู่บนพื้นถึงกับกระตุก ความเจ็บปวดที่เฉียบคมราวกับทะลวงแทรกซึมเข้าสู่กระดูก ทำให้เขาส่งเสียงครวญครางอย่างห้ามไม่อยู่ มือทั้งสองข้างยันลงบนพื้นเพื่อยืดตัวขึ้น คิดจะบรรเทาอาการเจ็บปวดเหมือนเข็มทิ่มแทงนั้น

ใครจะไปคิดว่าตอนที่เขาลุกขึ้น ศีรษะของเขาก็เงยขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ถึงกับชะงักไปทั้งตัว มองหญิงสาวสีหน้าไร้อารมณ์ที่นั่งอยู่บนเตียงราวกับไม่อยากเชื่อสายตา สูดลมเย็นเข้าปาก “ชิง…ชิงลั่ว?”

………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เอาแล้ว ความจะแตกไหมหนอ พ่อเจ้าของร่างเดิมดันจำได้อีก

ไหหม่า(海馬)