ตอนที่ 619 ฝูเหริน ท่านจะทำให้ใต้เท้าโกรธอีกแล้ว
กลางดึก เนื่องด้วยหลินเว่ยเว่ยใช้เวลาอยู่บนหลังม้าจากค่ายทหารตะวันตกเฉียงเหนือมายังอำเภอหนิงซีกว่าค่อนคืนจึงเหนื่อยมาก มือของสามีลูบศีรษะนางเป็นจังหวะ ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายยิ่งกว่าอะไร สติค่อนข้างเลือนราง ท้ายที่สุดก็เข้าสู่ห้วงนิทรา…
วันนี้ นางต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงประทัด นางขยี้ตาด้วยความหงุดหงิด หลังจากอ้าปากหาวแล้วหาวอีก หลินเว่ยเว่ยก็ห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียงเตา เหมือนว่าสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ นางได้แต่นั่งอยู่อย่างนั้น…
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมเสียงเจ้าหนูน้อยที่ดังตามมาติดๆ “พี่รอง ตื่นหรือยัง ? เกี๊ยวต้มเสร็จแล้ว…” จากนั้นก็เป็นเสียงเจ้าดำที่เอาตัวกระแทกประตู
หลินเว่ยเว่ยใส่ชุดที่นางเฝิงเย็บให้ใหม่…เสื้ออ่าวฉวิน (เสื้อแจ็คเก็ตที่มักสวมใส่พร้อมกระโปรง ) สีแดงปักลายบุปผาดูหรูหรา พร้อมกับคอเสื้อที่มีลูกเล่นเป็นขนจิ้งจอกสีขาว กระโปรงเป็นสีน้ำเงินคราม พอสวมใส่แล้วนอกจากแสดงถึงความมงคลในวันปีใหม่ ยังดึงความน่ารักสดใสของนางออกมาได้ด้วย
หลังล้างหน้าเสร็จ นางก็ไปคารวะผู้อาวุโสทั้งหลายพร้อมฝีปากที่หวานปานน้ำผึ้ง…ทำให้ฟู่หวาง หมู่เฟย แม่สามีและแม่แท้ๆ แจกอั่งเปาซองหนา นางยังถือซองอั่งเปาของตนไปอวดน้องชายอีกสองคนด้วยความภาคภูมิใจ !
หลินจื่อเหยียน “…” ข้าไม่อิจฉาเลยสักนิด !
เจ้าหนูน้อย “…” พี่รอง ข้ายกเงินอั่งเปาของตนให้ท่าน !
เจียงโม่หานยืนยันตำแหน่งในครอบครัวด้วยการกระทำ…เขายกซองอั่งเปาของตนให้ภรรยาทั้งหมด เพราะอำนาจทางการเงินของบ้านมีฝูเหรินคอยจัดการ !
แม่ทัพใหญ่หุยเหอที่โดนจับมาคือองค์ชายที่ได้รับความโปรดปรานพอสมควร ฮ่องเต้หุยเหอส่งพระองค์ออกมาหาประสบการณ์ในสนามรบ เพื่อให้ได้ฝึกฝนตัวเองและถือเป็นการแสดงออกว่าทรงให้ความสำคัญต่อโอรสองค์นี้ แต่ฮ่องเต้คาดไม่ถึงว่าจะโดนคนจากต้าเซี่ยยิงจนตกจากหลังม้า !
ถ้าจะแลกตัวพระโอรสกลับก็ต้องแลกด้วยราคามหาศาล แม้ฮ่องเต้หุยเหอจะรักพระโอรส แต่ก็ไม่อยากสละผลประโยชน์ของแผ่นดินจึงพุ่งเป้ามาที่ครอบครัวของหมินอ๋อง สายลับในอำเภอหนิงซีส่งสารลับว่าพระชายาและบุตรสาวของหมินอ๋องล้วนอยู่ในอำเภอหนิงซี พระชายาไม่ค่อยออกนอกที่พำนัก แต่บุตรสาวของหมินอ๋องมักเดินทางไปตรวจที่ดินนอกตัวอำเภอบ่อยครั้ง…
“ดังนั้น…พวกเขาจึงคิดจับตัวลูกเพื่อแลกกับองค์ชายอะไรนั่น ? ” หลินเว่ยเว่ยกะพริบตากลมโต หลังจากมองหมินอ๋องแล้วก็หันไปมองสามีตัวเอง “เรา…ใช้แผนซ้อนแผน ทำให้สายลับหุยเหอมาแล้วไม่ได้กลับ ดีหรือไม่ ? ”
“ไม่ได้ ! อันตรายเกินไป ! ” หมินอ๋องและเจียงโม่หานพูดประสานเสียง เห็นได้ชัดว่ามีความเห็นตรงกัน
“หากมีโจรร้อยวัน ไฉนเลยจะป้องกันโจรขโมยได้ทั้งร้อยวัน ? เว้นแต่ว่าต่อจากนี้ลูกจะไม่ออกไปไหนเลย อุดอู้อยู่แต่ในอำเภอ ถ้าจะเอาแต่ป้องกันก็โจมตีกลับไปเลยไม่ดีกว่าหรือเพคะ ! ” หลินเว่ยเว่ยรู้ว่าทั้งสองเป็นห่วงนาง แต่วิธีแก้ไขดีที่สุดก็คือล่อศัตรูในที่มืดออกมา แล้วปิดประตูตีแมว ! ส่วนนางเป็นแค่เหยื่อล่อเท่านั้น…นางเชื่อว่าสามารถป้องกันตัวเองได้ !
เจียงโม่หานรู้นิสัยนางดี หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็หันไปมองหมินอ๋อง “ตอนนี้เราจำเป็นต้องวางแผนกันก่อน…”
หลังขึ้นปีใหม่ผ่านมาแล้ว อากาศในฤดูใบไม้ผลิก็เริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ การเจรจาของทั้งสองทัพมาถึงทางตัน แต่เห็นได้ชัดว่าเผ่าหุยเหออยากถ่วงเวลา…
เมื่อฤดูแห่งการเพาะปลูกมาถึง หลินเว่ยเว่ยก็เริ่มเดินทางจากอำเภอหนิงซีมายังบริเวณหมู่บ้านคนบาปบ่อยครั้งขึ้น หลินเว่ยเว่ยที่อยู่ในชุดสาวใช้กำลังตะโกนใส่ชิงหลิ่วที่ปลอมตัวเป็นนางว่า “ฝูเหริน ใต้เท้าเจียงสั่งไว้ว่าช่วงนี้ไม่ค่อยปลอดภัย ให้บ่าวจับตามองท่านเอาไว้ ไม่ให้ท่านวิ่งไปไหนโดยไม่ได้รับอนุญาต ท่านแอบออกจากบ้านโดยไม่บอกท่านใต้เท้า เกรงว่าใต้เท้าต้องโกรธแน่นอนเจ้าค่ะ ! ”
ชิงหลิ่วเป็นหนึ่งในองครักษ์เงาของตำหนักหมินอ๋อง ในเวลาปกติรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของพระชายา แต่ช่วงนี้เผ่าหุยเหอมีการเคลื่อนไหว หมินอ๋องจึงส่งนางมาคุ้มกันหลินเว่ยเว่ย ส่วนเรื่องที่ชิงหลิ่วสลับฐานะกับหลินเว่ยเว่ยก็เป็นความคิดของเจียงโม่หาน
ชิงหลิ่วพูดเสียงดัง “ไม่เป็นไร ! ใต้เท้าของบ้านเจ้าไม่กล้าทำอะไรเปิ่นกงจู่หรอก ! ”
หลินเว่ยเว่ยบ่นเบาๆ “เจ้าแสดงไม่เหมือนสักนิด ปกติข้าแทนตัวเองว่า ‘เปิ่นกงจู่’ น้อยมาก ! แล้วข้าไม่พูดว่า ‘ใต้เท้าของบ้านเจ้า’ แต่เรียก ‘บัณฑิตน้อย’ ต่างหาก…”
ชิงหลิ่วก็ลดเสียงลง “ชาวหุยเหอไม่รู้มากถึงขนาดนั้นหรอกเพคะ ? ที่หม่อมฉันพูดแบบนี้ก็เพื่อให้อีกฝ่าย ‘แน่ใจ’ ในฐานะของเป้าหมายเท่านั้นเพคะ ! ”
หลินเว่ยเว่ยเหลือบมองรอบกายแล้วพูดเสียงแผ่ว “ชาวหุยเหอจะลงมือในอีกไม่กี่วันนี้จริงหรือ ? เหตุใดข้าไม่เห็นความผิดปกติอะไรเลย ? ”
จากอำเภอหนิงซีมายังไร่ของหลินเว่ยเว่ย จำเป็นต้องผ่านดงป่าเล็ก ๆ ก่อน ในเวลาปกติมีคนผ่านไปผ่านมาไม่มากนัก จึงเป็นสถานที่ดีที่สุดในการลงมือ
ชิงหลิ่วหวาดระแวง ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงบางอย่าง จึงพูดว่า “มาแล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยกำกระบองเหล็กนิลในมือแน่น เงาร่างของมนุษย์เงาแล้วเงาเล่ากระโดดออกมาจากป่า ในมือมีอาวุธอันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าหุยเหอและพุ่งเข้ามาหาชิงหลิ่วอย่างดุดัน
ชิงหลีและองครักษ์ตำหนักหมินอ๋องอีกสองนายที่ตามมาด้วยก็ชักกระบี่ออกจากฝักที่เหน็บเอวไว้ แล้วเริ่มสู้แบบหนึ่งต่อสาม หลินเว่ยเว่ยสะบัดมือที่ชิงหลิ่วจับเอาไว้แล้วเริ่มร่ายรำกระบองเหล็กนิลในมืออย่างชำนาญ ความเร็วของนางรวมกับน้ำหนักของกระบองเหล็กนิลทำให้นักฆ่าเผ่าหุยเหอที่โดนซัด หากดาบไม่ปลิวก็แขนหัก นี่หลินเว่ยเว่ยยังยั้งแรงไว้บ้าง ถ้าใช้แรงทั้งหมดแล้วอีกฝ่ายได้มีสภาพเหมือนโดนรถชนแน่นอน…คือ เลือดอาบ !
ชิงหลิ่วกวัดแกว่งกระบองเหล็กในมืออย่างว่องไว หลังเห็นหลินเว่ยเว่ยลงมือหนักจนจะเอาชีวิตคนได้ ก็รีบเตือนว่า “จับเป็น ! คนพวกนี้ยังมีประโยชน์กับข้า ! ”
หลีชิงและชิงหลิ่วล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งคู่ ส่วนองครักษ์อีกสองนายของตำหนักหมินอ๋องก็ฝีมือดีที่สุดในบรรดาองครักษ์ แม้หลินเว่ยเว่ยจะเรียนกระบวนท่ามาไม่มาก แต่วิชาหอกของสกุลจ้าวนั้นยอดเยี่ยมมาก แม้นักฆ่าหุยเหอมีจำนวนมาก แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ไปทีละคน
ในเวลานี้ หมินอ๋องพาทหารนับร้อยนายมาล้อมพวกนักฆ่าเอาไว้ นักฆ่าหุยเหอจึงรู้ทันทีว่าตกหลุมพรางของอีกฝ่ายแล้ว แต่จะหนีก็หมดหนทาง จึงเข้ามาโจมตีชิงหลิ่วที่ปลอมตัวเป็น ‘องค์หญิงเว่ยเว่ย’ อย่างบ้าคลั่ง เพราะคิดจะจับบุตรสาวหมินอ๋องมาเป็นตัวประกัน
กระบองเหล็กนิลในมือของหลินเว่ยเว่ยกวาดไปทางอาวุธของอีกฝ่ายและโจมตีไปทางไหล่หรือขาของศัตรูเพื่อไม่ให้อันตรายถึงชีวิต หมินอ๋องเป็นห่วงบุตรสาวจึงรีบเข้ามาในวงล้อม สังหารอีกฝ่ายจนมาถึงตรงเบื้องหน้าบุตรสาว ก่อนจะเริ่มร่ายรำหอกคู่พระวรกายพร้อมกับหลินเว่ยเว่ย
ขณะที่นักฆ่าทุกคนโดนจับ หัวหน้ากลุ่มเห็นหมินอ๋องถามสาวใช้คนหนึ่งด้วยความห่วงใย ไฉนเลยเขาจะยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นอีก…ที่แท้พวกตนก็เล็งเป้าหมายผิดตั้งแต่แรก ! นี่เป็นอุบายที่สร้างขึ้นมาหลอกพวกตน !
ขณะที่หมินอ๋องกำลังจะนำตัวนักโทษออกไปก็ถูกหลินเว่ยเว่ยรั้งไว้ก่อน “ฟู่หวาง ‘โจร’ พวกนี้มีประโยชน์กับลูก ! ทิ้งไว้ให้ลูกเถิดเพคะ ? ”
หมินอ๋องทอดพระเนตรนางด้วยความสงสัยพร้อมถามว่า “เจ้าจะเอา ‘นักโทษ’ พวกนี้ไปทำอะไร ? ”
“นักโทษพวกนี้กล้าบุกลักพาตัวกลางวันแสกๆ แน่นอนว่าจะปล่อยไปง่ายๆ ไม่ได้อยู่แล้วเพคะ ! ตอนนี้ที่บ่อเกลือไม่ได้ขาดคนงานอยู่หรือ ? ลูกอยากใช้พวกมันไปแลกคนกลุ่มหนึ่งที่บ่อเกลือ…” หลินเว่ยเว่ยยิ้มอย่าง ‘บริสุทธิ์ใจ’…นางเหมือนคนที่จะก่อเรื่องได้หรือ ?
หมินอ๋องพยักดวงพักตร์ ก่อนจะระบุให้นักฆ่าพวกนี้มีสถานะเป็น ‘โจร’ “ได้ ! ขอแค่พวกมันไม่ไปทำชั่วต่อ เอาไปส่งที่บ่อเกลือก็ถือว่าได้ทำประโยชน์เพื่อต้าเซี่ยเช่นกัน ! ”