บทที่ 617 สถาปนาวิถีสวรรค์

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 617 สถาปนาวิถีสวรรค์

จี้เซียนเสินไม่ได้ทัดทานการจัดการของฟางเหลียง เพียงมองฟางเหลียงด้วยแววตาลุ่มลึก

อดีตสหายรักในวันวาน ความสัมพันธ์ได้แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

เมื่อก่อนจี้เซียนเสินเคยเป็นลูกน้องฟางเหลียง ยามนี้ฟางเหลียงกลายเป็นลูกน้องของจี้เซียนเสิน กระแสลมหมุนเปลี่ยนทิศ ไหนเลยจะยังเชื่อมใจเป็นหนึ่งกัน

ผ่านไปไม่นานนัก

ยอดแม่ทัพเทพพาตัวเมิ่งเซียวเข้าสู่ตำหนัก

เมิ่งเซียวเผชิญหน้ากับเหล่าเทพเซียนเป็นครั้งแรก ทว่ามิได้ตื่นกลัวเลย

เขาเดินไปหยุดอยู่ด้านข้างแม่ทัพเทพสวรรค์ มองพินิจแม่ทัพเทพสวรรค์

แม่ทัพเทพสวรรค์คุกเข่าอยู่กลางโถงตำหนัก เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องของเขา

แต่เขาต้องผิดหวังเสียแล้ว นี่มิใช่แม่ทัพเทพสวรรค์ที่เขารู้จัก

“เทพผู้นี้สังหารล้างตระกูลเจ้าหรือ” จี้เซียนเสินถาม

เมิ่งเซียวส่ายหน้าตอบไปว่า “มิใช่ขอรับ เป็นแม่ทัพเทพสวรรค์”

“เขาก็คือแม่ทัพเทพสวรรค์!”

“เป็นไปไม่ได้ แม่ทัพเทพสวรรค์ที่ข้าเคยพบควบคุมเพลิงสวรรค์ได้…”

เมิ่งเซียวโต้แย้ง ดวงตาของเขาพลันแดงก่ำ

เขานึกว่าเหล่าเทพเซียนหาแพะรับบาปมา คิดจะปกปิดเรื่องนี้

แต่นี่คือหนี้แค้นบัญชีเลือดอันลึกล้ำของเขา เขาจะยอมปล่อยไปได้อย่างไร

เมื่อเหล่าเทพเซียนได้ยิน ก็ทราบแล้วว่าเป็นความผิดของแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินจริงๆ

จี้เซียนเสินจำเป็นต้องเรียกตัวแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินมา เหล่าเทพเซียนต่างเฝ้ามองอยู่ เรื่องนี้ต้องได้รับการจัดการอย่างชัดเจนเปิดเผย

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป

แม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินเดินทางมาถึง ร่างกายเขาบึกบึนกำยำ เปลือยท่อนบน มีวงแหวนเหล็กรูปจันทร์เสี้ยวสีทองลอยอยู่ด้านหลัง มีเพลิงลุกโหมอยู่ ดูราวกับเทพอัคคี

แม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินคุกเข่าคารวะ ไม่มองเมิ่งเซียวเลย

“เป็นเจ้า!”

เมิ่งเซียวกัดฟันกรอดมองไปที่แม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซิน อยากสับเขาเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นใจแทบขาด

แต่เขายังมีสติอยู่ เขามิใช่คู่ต่อสู้ของแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซิน หากผลีผลามลงมือ แม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินจะสบโอกาสสังหารเขาได้ นั่นมิใช่เป็นการเปิดโอกาสให้เหล่าเทพเซียนหรอกหรือ

ในมุมมองของเมิ่งเซียว เหล่าเทพเซียนเป็นพวกเดียวกัน ชั่วช้าเหมือนกันหมด!

เหตุผลที่เขาไปฟ้องร้องบนยอดเขาเทพปู้โจว มิใช่เพื่อให้ได้พบบรรพชนสวรรค์เท่านั้น แต่ต้องการป่าวประกาศให้ผู้ทรงพลังทั่วหล้าทราบ เพื่อกดดันให้เผ่าสวรรค์ไม่กล้าลงมือกับเขา

“มนุษย์คนนี้นามว่าเมิ่งเซียว มาฟ้องร้องว่าเจ้าทำลายล้างตระกูลเขา มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ”

จี้เซียนเสินถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ท่าทางเฉยชา

แม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินปฏิเสธทันที “จะเป็นไปได้อย่างไร! ข้าช่วยเหลือตระกูลเขาให้รอดพ้นจากคมเขี้ยวเผ่าปีศาจ เป็นเหตุให้ข้าได้รับบาดเจ็บด้วยซ้ำ”

เขาหันไปมองเมิ่งเซียว แสดงสีหน้าผิดหวัง “มนุษย์เอ๋ย เหตุใดเจ้าต้องปรักปรำข้าด้วย”

“เจ้านั่นแหละ! เจ้ายังคิดจะปฏิเสธอีกหรือ”

เมิ่งเซียวโมโหแทบตายแล้ว อาการบาดเจ็บถูกกระตุ้น เลือดสดๆ ซึมออกมาจากริมฝีปากที่แห้งแตกระแหง

‘ตัดใจเสียเถอะ เจ้าไม่มีทางฟ้องร้องเอาผิดข้าได้ เจ้าตายแน่ ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้ารอดไปได้!’

เสียงของแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินแว่วอยู่ในหูของเมิ่งเซียว ฟังดูก้าวร้าวอย่างยิ่ง แต่เมิ่งเซียวพบว่าเทพเซียนที่เหลือล้วนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย

วิชาถ่ายทอดเสียง!

เมิ่งเซียวตกอยู่ในความสิ้นหวัง

หรือหนี้แค้นของเขาจะไม่มีทางได้รับการสะสางจริงๆ

ในเวลานี้เอง

ฟางเหลียงตวัดมือเรียกป้ายหยกชิ้นหนึ่งออกมา เอ่ยขึ้นว่า “ข้ามีสมบัติอยู่ชิ้นหนึ่ง หากดูดซับโลหิตของเมิ่งเซียวและแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินเข้าไป จะปรากฏบ่วงกรรมของคนทั้งสองขึ้น ผู้ใดจริงผู้ใดเท็จ จะทราบได้ทันที!”

โอ้…

เหล่าเทพเซียนส่งเสียงฮือฮา พวกเขาไม่คิดเลยว่าฟางเหลียงจะทำเช่นนี้ นี่เป็นการท้าทายจี้เซียนเสินเลยก็ว่าได้

สีหน้าของแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินไม่น่ามองขึ้นมาทันที เขาจ้องฟางเหลียงเขม็ง ไม่ทราบว่าตนไปล่วงเกินรองผู้นำเผ่าสวรรค์ที่แสนเก็บตัวคนนี้เข้าเมื่อไร

เมิ่งเซียวมองฟางเหลียงด้วยความปีติ ไม่คิดเลยว่ายังมีเทพเซียนผู้เปี่ยมเมตตาในเผ่าสวรรค์ด้วย

จี้เซียนเสินถ่ายทอดเสียงหาฟางเหลียง “เจ้าเป็นอะไรไป อย่าทำให้เรื่องนี้วุ่นวายใหญ่โต มิเช่นนั้นเผ่าสวรรค์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อีกอย่างภูมิหลังของแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินก็ไม่ธรรมดาด้วย!”

ฟางเหลียงทำเป็นไม่ได้ยินเขา เอ่ยขึ้นว่า “ท่านผู้นำ เผ่าสวรรค์ปกครองเทพเซียน เทพเซียนจะมีเพียงความแข็งแกร่งมิได้ ยังต้องแบกรับภาระหน้าที่ด้วย มรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่มาร่วมแสนปี สมควรตรากฎสวรรค์ได้แล้ว ต่อให้เรื่องนี้รู้ไปถึงหูอริยะ อริยะก็คงไม่ทัดทานเช่นกัน แยกแยะดีชั่ว คือจุดยืนในยามที่บรรพชนเต๋าเผยแพร่มรรค และเป็นกฎเกณฑ์พื้นฐานของมรรคาสวรรค์! หากเทพเซียนมิแยกแยะดีชั่ว ก็เท่ากับมองข้ามหัวมรรคาสวรรค์”

จี้เซียนเสินฟังแล้วสีหน้าเขียวคล้ำไปหมด

ฟางเหลียงคิดจะงัดข้อกับเขาจริงๆ!

ตำหนักใหญ่เงียบวังเวง เหล่าเทพเซียนต่างไม่กล้าสอดปาก

ผ่านไปสักพักใหญ่

จักรพรรดิเซียนจากสำนักซ่อนเร้นคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ท่านผู้นำ ให้รองผู้นำตรวจสอบดูเถิดขอรับ”

พอเขาเอ่ยนำ เทพเซียนจากสำนักซ่อนเร้นคนอื่นๆ ต่างให้การสนับสนุน

สีหน้าจี้เซียนเสินไม่น่ามองยิ่งกว่าเดิม

เขาหาทางลงไม่ได้เลย!

….

เขตเซียนร้อยคีรี ภายในอารามเต๋า

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อมาอีกสิบปี เขาลืมตาขึ้น ตรวจดูจดหมายทันที พบว่าช่วงนี้ในแวดวงสหายไม่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเลย จึงทอดสายตามองออกไปนอกเขตเซียนร้อยคีรี

เขาสอดส่องสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์ก่อน

สำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์พัฒนาไปอย่างยอดเยี่ยม ลี่เหยาไม่จำเป็นต้องควบคุมดูแลเองแล้ว มักปิดด่านอยู่เป็นนิจ เมื่อสำนักสตรีศักดิ์สิทธิ์เรืองอำนาจขึ้น ดวงชะตาก็ช่วยหนุนนำตบะของลี่เหยา ทำให้นางแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

หานเจวี๋ยสอดส่องหานอวี้ต่อ

หานอวี้ไม่ได้อยู่ที่เขาเทพปู้โจวแล้ว แต่อยู่ในชั้นฟ้าที่สิบสาม

หืม?

หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนายดู เขาทำสีหน้าประหลาดใจ

ที่แท้จี้เซียนเสินและฟางเหลียงทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคดีของเมิ่งเซียว ยามนี้ภายในเผ่าสวรรค์วุ่นวายใหญ่โต เทพเซียนแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ทะเลาะโต้เถียงว่าจะลงโทษแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินหรือไม่

ส่วนหลี่เต้าคงจู่ๆ ก็พาหานอวี้ขึ้นสู่สวรรค์ แสดงออกว่าให้การสนับสนุนเมิ่งเซียว หวังว่าเผ่าสวรรค์จะมอบความเป็นธรรมให้แก่เมิ่งเซียว

ก่อนหน้านี้ เมิ่งเซียวถูกจองจำไว้ในตำหนักหลังหนึ่งในเผ่าสวรรค์ ได้รับทัณฑ์ทรมาน เขาตกตะลึงทว่าไม่ยอมสยบ

การมาถึงของหลี่เต้าคงทำให้เมิ่งเซียวรอดพ้นจากการเคี่ยวกรำ

หานเจวี๋ยไม่คิดจะสอดมือเข้ายุ่ง เผ่ามนุษย์มิใช่เผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์แล้ว คนที่มีสถานการณ์น่าเวทนากว่าเมิ่งเซียวยังมีอีกมาก สิ่งที่เมิ่งเซียวพบเจอไม่นับว่าเป็นอันใดเลย

เขาพอจะเข้าใจจี้เซียนเสิน จี้ซียนเสินใส่ใจในอำนาจยิ่ง

อย่างไรก็ตามเขารู้สึกผิดหวังในตัวจี้เซียนเสินอยู่บ้าง

ดูเหมือนจี้เซียนเสินจะสูญเสียบรรทัดฐานของตนไปเสียแล้ว

ขณะเดียวกัน เขาก็เกิดความคิดเห็นต่อฟางเหลียง

ฟางเหลียงซุ่มอดทนรอมานานขนาดนี้ จู่ๆ ก็ลงมือ เกรงว่าคงมิใช่เพราะเรื่องคุณธรรมเพียงอย่างเดียว

คาดว่าคงทำเพื่อปูทางให้บรรพชนเต๋า พลิกกระดานหมากมรรคาสวรรค์แห่งนี้อีกครั้ง

หากว่าฟางเหลียงช่วยทวงความเป็นธรรมให้เมิ่งเซียวสำเร็จ ชื่อเสียงย่อมเลื่องลือไปทั่วแดนเซียน เผ่ามนุษย์จะเทใจให้เขา ถึงขั้นที่ส่งผลกระทบไปถึงเผ่าพันธุ์อื่นๆ ด้วย

หากตรากฎสวรรค์แบ่งแยกดีชั่ว มรรคาสวรรค์ถึงจะดำเนินไปอย่างถูกทิศทางจริงๆ

เห็นได้ชัดจากการที่หลี่เต้าคงเลือกยืนอยู่ฝั่งของฟางเหลียง ถึงแม้หลี่เต้าคงจะหยิ่งผยอง แต่ค่อนข้างมีเมตตาต่อเผ่ามนุษย์ เนื่องจากเขาเคยเป็นศิษย์เอกแห่งนิกายเหริน

หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนายดู อริยะที่บิดาของแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินฝากตัวติดตามคือเจ้านิกายเทียนเจวี๋ย

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยพำนักอยู่ในชั้นฟ้าที่สามสิบสาม คล้ายจะไม่ทราบถึงเรื่องนี้ จึงไม่ได้ลงมือแทรกแซง

หากเขาไม่ลงมือ มีหลี่เต้าคงสอดมือเข้าช่วยเหลือ จี้เซียนเสินต้องยอมรอมชอมแน่

เห็นทีว่านับจากนี้เผ่าสวรรค์จะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เสียแล้ว

หานเจวี๋ยส่ายหน้า หลับตาลงฝึกบำเพ็ญต่อไป

ผ่านไประยะหนึ่ง คดีของเมิ่งเซียวแพร่กระจายไปทั่วแดนเซียน เผ่าสวรรค์ปวดหัวกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง ยังหาบทสรุปไม่ได้ เมื่อข่าวแพร่ออกไปสรรพสิ่งมรรคาสวรรค์ต่างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน

ฟางเหลียงยืนอยู่บนพื้นฐานของความชอบธรรมตามหลักการ ได้รับเสียงสนับสนุนจากสรรพสิ่งมรรคาสวรรค์อย่างล้นหลาม

ห้าปีต่อมา

จี้เซียนเสินยอมลงให้ ลงโทษแม่ทัพสวรรค์เลี่ยนซินอย่างหนัก สำแดงทัณฑ์สวรรค์ ปล่อยตัวเมิ่งเซียว

เมื่อเรื่องนี้แพร่ไปทั่วปวงสวรรค์ ก็ได้รับเสียงชื่นชมยินดีจากสรรพสิ่งมรรคาสวรรค์

นามของฟางเหลียงก็ดังกระฉ่อนไปทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกาเช่นกันกัน เขารับเมิ่งเซียวเป็นศิษย์ ได้ใจเผ่ามนุษย์อย่างสมบูรณ์

“ข้า ฟางเหลียง ผู้สืบทอดมรดกแห่งบรรพชนเต๋า ยินดีจะสืบสานเจตนารมณ์ของบรรพชนเต๋า ตรากฎมรรคาสวรรค์ขึ้นอีกครั้ง คืนความสงบสู่โลกอันเละเทะวุ่นวาย สรรพสิ่งจงยึดมั่นในความดี หลีกหนีความชั่ว ข้ายินดีบำเพ็ญตนเพื่อความสงบสุขของมรรคาสวรรค์ สถาปนาวิถีสวรรค์ขึ้น! สรรพสิ่งทั้งปวงต่างสามารถเข้าร่วมวิถีสวรรค์ เพื่อขจัดความชั่วร้ายได้!”

เสียงของฟางเหลียงพลันดังก้องไปทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกา แรงกุศลมรรคาสวรรค์มากมายล้นหลามโปรยปรายลงสู่ชั้นฟ้าที่สิบสาม

………………………………………………………………