บทที่ 597 สอนฉีเหลียงอิง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 597 สอนฉีเหลียงอิง

บทที่ 597 สอนฉีเหลียงอิง

หลังกลับถึงบ้าน เสี่ยวเถียนหยิบเครื่องยาและเครื่องปรุงรสในอากาศออกมา หยิบตะกร้าไข่ที่บ้านและเริ่มลงมือทำอาหารในครัว

วันนี้พี่ใหญ่อยู่ช่วยพ่อใหญ่พ่อรองในฟาร์มหมู ที่บ้านจึงเหลือแค่เสี่ยวเถียนและฉีเหลียงอิง

คนเป็นแม่เห็นลูกสาวหยิบไข่ออกมาต้มทีเดียวเป็นตั้งก็รีบตะโกน “เสี่ยวเถียน หนูกินไข่ต้มแค่สองสามฟองก็พอนะ แล้วทำไมถึงเอาออกมาต้มเยอะแบบนี้เล่า?”

บ้านเราชินชากับการประหยัดอดออม และฉีเหลียงอิงก็ไม่เคยเห็นเสี่ยวเถียนทำอาหารเปลืองขนาดนี้ด้วย

ไข่ไก่เลยนะ ของล้ำค่า ถ้าเป็นเด็กในครอบครัวธรรมดา ได้กินสัปดาห์ละฟองก็มีความสุขไปครึ่งวันแล้ว

เสี่ยวเถียนรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรจึงยกยิ้มให้ “แม่รอง หนูไม่ได้จะทำของอร่อยนะคะ รอมันเสร็จจะเอาไปให้พวกลุงฉางจิ่วและคนในกองชุมชนลองชิมดูค่ะ ถ้าทุกคนว่าอร่อย เราจะได้หาทางผลิตเจ้าสิ่งนี้ในอนาคตกัน”

ฉีเหลียงอิงไม่เชื่อ

เธอรู้ว่าเด็กคนนี้มีความสามารถ

แต่เพราะเจ้าตัวเคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ไข่ปริมาณเท่านี้ต้องใช้เงินหลายหยวนซื้อมันมาเลยนะ

ยิ่งเห็นใส่ทั้งเครื่องปรุงทั้งเครื่องยามหาศาล ก็ยิ่งสิ้นเปลืองเงินทุกที

“เสี่ยวเถียน ถึงฐานะทางบ้านเราตอนนี้จะดีแล้ว แต่เราไม่ควรทำให้สิ้นเปลืองแบบนี้หรือเปล่า?”

หญิงวัยกลางคนเอ่ยด้วยสีหน้าที่อดกลั้นไว้แทบไม่ได้

เสี่ยวเถียนรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว ประเภทไม่คิดให้เยอะ ขี้เหนียว

ส่วนสาเหตุเกิดจากสภาพบ้านเราเมื่อก่อนที่น่าเวทนา อดอยาก

ช่วงสองปีที่มีงานทำเพิ่งจะดีขึ้น แต่ตอนนี้เธอเสียงานไปแล้ว ความคิดในใจจึงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

นิสัยแบบนี้ ที่จริงจัดการไม่ยากนะ

ขอแค่เปิดใจให้กว้าง ปัญหาอะไร ๆ จะได้คลี่คลายเสียบ้าง

เสี่ยวเถียน “แม่รอง ถ้าตอนนี้แม่ยังไม่มีงานทำ อยากจะไปเมืองหลวงด้วยกันไหม? ร้านอาหารเรายังต้องการคนช่วยค่ะ”

ช่วงนี้ฉีเหลียงอิงกลับมาอยู่บ้านแล้ว แถมยังรู้สึกหดหู่ใจมากอีกด้วย ส่วนทะเบียนบ้านก็ย้ายไปเป็นที่อยู่ในอำเภอแล้วด้วย

ถึงจะทำงานในกองชุมชน แต่ก็ไม่ได้คะแนนการทำงานอยู่ดี และถ้าไม่ทำอะไรเลย คงยากที่จะห้ามความคิดตัวเอง

แต่แล้วก็ต้องตกใจที่เสี่ยวเถียนชวนไปอยู่ด้วย

เพราะคิดมาเสมอว่ามันเป็นร้านของครอบครัวน้องสาว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับครอบครัวที่เหลือ

ทว่าเสี่ยวเถียนกลับเป็นฝ่ายให้เธอไป แสดงว่าร้านแห่งนี้เป็นของผู้ใหญ่หรือ ไม่ใช่แค่ของครอบครัวน้องสาม?

“เสี่ยวเถียน แต่ร้านอาหารมันเป็นของครอบครัวลูกนะ…”

เด็กสาวสัมผัสได้ถึงความไม่สบายใจนี้

เธอยิ้ม “แม่รอง เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ และธุรกิจที่ทำในตอนนี้ก็ไม่ใช่แค่ร้านอาหารแล้วด้วย”

แม้พวกเราแยกทรัพย์สินเป็นของครอบครัวใครครอบครัวมันเฉพาะในนาม แต่ที่จริงตอนนี้ก็ยังใช้ชีวิตร่วมกันอยู่

กลัวแค่ว่าอนาคตเกิดใครคิดอะไรขึ้นมา และคิดคำนวณอะไรไว้ เราจะวุ่นวายเอา

เพราะในยุคหลัง ๆ เสี่ยวเถียนเห็นตลอดเรื่องพี่น้องทะเลาะกับเพราะทรัพย์สินในบ้าน เธอจึงไม่อยากให้บ้านเราเป็นแบบนั้น

แต่บ้านเรามีแค่แม่รองคนเดียวที่เป็นแบบนี้ ขอแค่คลายปมในใจแกลงได้ก็ไม่มีปัญหาใหญ่แล้ว

เพราะงั้นลูกหลานแบบเรา ๆ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องทรัพย์สินอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เรามีธุรกิจเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น

แถมยังแบ่งสันปันส่วนชัดเจน ไม่มีปัญหาแน่นอน

ส่วนหออีหมิงไว้ค่อยพูดกันทีหลัง ตอนนี้ย่ายังแข็งแรงดีอยู่ ไว้ร่างกายแกไม่ไหวเมื่อไรค่อยว่ากัน

เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าปู่ย่าได้คุยเรื่องผู้เป็นเจ้าของของร้านอาหารไว้นานแล้ว และพวกท่านตัดสินใจแล้วว่าจะเสี่ยวอู่เป็นส่วนใหญ่

ฉีเหลียงอิงสะเทือนใจนักเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะรู้สึกว่าตนไม่ควรคิดเช่นนั้นเลย

“เสี่ยวเถียน บางครั้งแม่รองก็เลอะเลือนไปบ้าง คิดนู่นคิดนี่เต็มไปหมด อย่ารังเกียจกันเลยนะ!” หยิงวัยกลางคนรู้สึกผิดนัก

“แม่รองพูดเหมือนตัวเองเป็นคนนอกเลยนะ งั้นไปดูที่เมืองหลวงกันเลยค่ะ อาจจะหาทางออกจากที่นั่นก็ได้นะ อย่างปู่ถานย่าหลีจะเจอวิธีหาเงินได้ด้วยตัวเองเลย”

ฉีเหลียงอิงตกใจกับข่าวนี้มาก

“พวกเขาอายุมากแล้วนะ ยังหาเงินได้อยู่หรือ?”

“พวกเขาทำก๋วยเตี๋ยวเย็นกับเฉาก๊วยขายค่ะ ร่วมมือทำกับพวกพี่หก ได้เงินเยอะแยะมากมาย” เสี่ยวเถียนไม่รังเกียจที่จะบอก

“ก๋วยเตี๋ยวเย็นก็ทำเงินได้ด้วยหรือ?”

“ได้สิคะ แม่ทำงานที่โรงงานขนมไข่มาสองปีเลยนะ ถ้าอยากเปิดโรงงานที่เมืองหลวงและทำขนมอื่น ๆ ดูบ้างก็หาเงินได้เหมือนกันนะ ไม่ต้องทำคนเดียวก็ได้ค่ะ ทำกับแม่หนู หรือคุณย่าก็ได้เหมือนกันนะ”

ฉีเหลียงอิงฟื้นตัวกลับมาเลือดสูบฉีดอีกครั้ง ถึงจะไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่น แต่ได้ยินจากที่เสี่ยวเถียนเล่าก็ดีมากแล้ว

“งั้นเดี๋ยวแม่ไปปรึกษาพ่อรองดีกว่าว่าจะไปเมืองหลวง!”

เสี่ยวเถียนยิ้ม “พี่รองกำลังจะกลับมานะคะ ไว้ตอนนั้นฟังที่พี่รองเล่าก็ได้นะ”

เพราะเธอเป็นแค่หลาน ไม่เหมือนซื่อเลี่ยงที่เป็นลูกชาย สิ่งที่อีกฝ่ายพูดคงทำให้เชื่อได้มากกว่าเยอะ

ฉีเหลียงอิงสนใจในสิ่งที่เสี่ยวเถียนพูดมาก

ที่จริงเธอตื่นเต้นตั้งแต่ช่วงปีใหม่แล้ว เด็ก ๆ บอกว่าตัวเองหาเงินกันได้

แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะถูกเสี่ยวเถียนชวนไปร่วมด้วย ความลังเลพวกนั้นหายไปในทันที

“ได้สิ รอพี่รองกลับมาแล้วกัน เดี่ยวแม่จะได้ปรึกษาเขาด้วย” ฉีเหลียงอิงพูดด้วยน้ำเสียงสดชื่น “เสี่ยวเถียน ลูกบอกว่าถ้าเอาไข่ไก่พวกนี้มาปรุงรสด้วยเครื่องยาและเครื่องปรุงต่าง ๆ มันจะทำเงินได้ใช่ไหม?”

ใครที่ไหนก็ทำเป็นไข่ต้มเป็นทั้งนั้นไม่ใช่หรือ? แต่จะมีใครลงแรงมาซื้อด้วยหรือไง?

“ทำได้สิคะแม่รอง แม่คงไม่รู้หรอกว่า ถ้าต้มแบบนี้ออกมาจะอร่อยมากเลยนะ!”

ที่จริงเสี่ยวเถียนทำไม่เป็นหรอก แค่จำ ๆ มา ไม่เคยลงมือทำจริง ๆ

แต่เพราะเชื่อในระบบ และเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับจากมันไม่เคยทำให้แย่อยู่เลย จึงคิดว่าน่าจะเป็นสูตรที่ดีทีเดียว

“งั้นเดี๋ยวแม่ช่วยจุดไฟนะ?” ฉีเหลียงอิงรู้สึกเธอทำอย่างอื่นไม่ได้เลย แต่เรื่องจุดไฟถนัดมาก

เสี่ยวเถียนมองเห็นความคิดของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไปทีละน้อย

เด็กสาวยิ้ม “ได้ค่ะแม่รอง พวกเราต้มไว้สักหน่อย เพื่อให้ไข่มีรสชาติค่ะ จากนั้นก็แช่ทิ้งไว้ในน้ำสักสองสามชั่วโมง ไข่ถึงจะมีรสชาติที่ดีที่สุดค่ะ”

“ถ้านับตามเวลาแล้ว เราจะได้กินตอนเย็นพอดีเลยนะ!” ฉีเหลียงอิงกำลังสนอกสนใจ