ตอนที่ 629 เพียงครั้งเดียว

My Disciples Are All Villains

“โจลี่!” คาร์รอลตะโกนออกมาด้วยเสียงอันแหบแห้ง

รองแม่ทัพค่อยๆ นอนลงกับพื้น เลือดสดๆ ยังคงไหลรินจากบาดแผลที่คอของเขา

เพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับรองแม่ทัพผู้กล้าหาญที่มีประสบการณ์การต่อสู้มาอย่างโชกโชนได้

รองแม่ทัพรั่วหรี่ที่เหลืออีกสามคนเหลือบมองไปที่หมิงซูหยินด้วยความแค้น

สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าที่เคยกังวลก่อนหน้านี้กลับมาโล่งใจ

“น่าทึ่งจริงๆ ศิษย์พี่สี่!” หยวนเอ๋อปรบมือ

หอยสังข์พูดต่อ “ข้าคิดว่าศิษย์พี่สี่จะตายแล้วซะอีก…น่าเสียดายจริงๆ”

“???” หมิงหยินพูดไม่ออก ข้าฟังผิดไปรึเปล่า? หรือว่านางจะติดนิสัยศิษย์น้องเก้ามา?”

ฝานลี่เทียนพูดต่อ “ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหมิงซูหยินจะชนะตั้งแต่แรก”

เล้งถั่วแสดงความคิดเห็นต่อ “คลื่นลูกใหม่ย่อมแทนคลื่นลูกเก่า พวกเราน่ะแก่ไปแล้วจริงๆ สักวันหนึ่งพวกคนรุ่นใหม่จะต้องแซงหน้าพวกเราไปแน่”

คราวนี้ทั้งคู่ไม่ได้โต้เถียงกัน มันเป็นเรื่องที่หาได้ยากมากที่ทั้งสองคนจะเห็นตรงกัน

ล่โจวลบเคราอย่างสงบ ตัวเขาเหลือบมองไปที่แผ่นหลังของหมิงหยิน “เจ้านี่ซ่อนพลังไว้อีกมากมายขนาดไหนกันแน่?

เทคนิคที่หมิงซีหยินใช้เมื่อครู่อาจจะฟังดูง่าย แต่แท้จริงแล้วมันอันตรายมาก…ด้วยนิสัยที่หมิงซี่หยินมี มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเอาชีวิตไปเดิมพันกับการต่อสู้ ถ้าหากเขาประมาทแม้ แต่เพียงนิดเดียว หมิงหยินก็จะต้องตาย ถ้าหากจะบอกว่าหมิงซูหยินมั่นใจมากก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เป็นไปได้ว่าเขาจะฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบแล้ว

ลู่โจวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หมิงซูหยินเป็นลูกศิษย์ที่ตัวเขาเคยเกลียดขี้หน้าที่สุดในตอนที่มาต่างโลก แต่เมื่อได้เห็นหมิงหยินเติบโตขึ้นมาความชอบที่ลูโจวมีก็เพิ่มมากขึ้น

ลูโจวได้รับแต้มบุญ 1,000

หมิงซีหยินมองดูรองแม่ทัพอีกสามคนที่เหลือ “ข้าบอกว่าคนต่อไปไง พวกเจ้ากําลังรออะไรกันอยู่?”

“ให้ข้าได้ต่อสู้เถอะ!”

รองแม่ทัพทั้งสามคนได้พูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

คาร์รอลเหลือบมองหมิงหยินก่อนจะพูดขึ้น “ถอยไป”

“ท่านแม่ทัพ?”

“ข้าบอกให้ถอยไป!”

ทั้งสามถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะถอยห่างไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะทําตามค่าสัง

คาร์รอลพามาเดินไปที่ด้านหน้า ตัวเขาเหลือบมองโจลี่ที่อยู่บนพื้นอย่างไร้อารมณ์ “พาเขากลับไป ฝังเขาให้ยิ่งใหญ่ที่สุด”

“ครับ ท่านแม่ทัพ!”

“ช้าก่อน” หมิงหยินยกมือขึ้น

“เจ้าคิดจะหยุดเราอย่างงั้นเหรอ?” คาร์รอลที่เห็นแบบนั้นสับสน

“ไม่…” หมิงหยืนโบกมือ “ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ถ้าหากเจ้ารีบร้อนก็คงจะได้เก็บศพหลายรอบแน่”

คาร์รอลขมวดคิ้วเล็กน้อย จากสัญชาตญาณที่ตัวเขามีคาร์รอลรู้ได้ทันทีว่าคนคนนี้รับมือได้ยากเมื่อเทียบกว่าสีวู่หยา บางทีคาร์รอลอาจจะคุ้นเคยกับกลอุบายต่างๆของสวีหยาแล้ว ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะเขาได้รับมือกับสีว์หยามานานแล้วนั่นเอง ตอนนี้คาร์รอลรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ท้ายที่สุดคาร์รอลก็ถามออกมา “แล้วเจ้าเป็นใคร?”

“ข้าก็แค่คนที่ไม่สําคัญอะไรอย่าได้ใส่ใจเลย…” หมิงหยินชี้ไปที่ด้านหลังของเขาด้วยนิ้วโป้ง ตัวเขากําลังชี้ไปทางสู่โจว

คาร์รอลเหลือบมองไปด้านหลัง “แม้ว่าจีเทียนเด่จะอยู่ที่นี่ เจ้านั่นก็คงจะไม่กล้าทําอะไรที่ประมาทเลินเล่อแน่!” สิ้นสุดเสียงคาร์รอลก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาไม่รอช้ารีบปลดปล่อยพลังออกมา

ตุ้ม!

เมื่อลงสู่พื้นคลื่นพลังงานก็แผ่ออกมารอบตัวคาร์รอล

หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นไม่ได้รู้สึกประทับใจอย่างเห็นได้ชัด “ยอดเยี่ยมจริงๆ …ข้าหมายความว่ามันดูยอดเยี่ยมก็จริง แต่ท้ายที่สุดมันก็ไร้ประโยชน์

“ในเมื่อเจ้าเลือกตัวแทนแล้ว พวกเราก็จะเริ่มดวลกันแบบนี้ ถ้าหากข้าแพ้…เท่ากับว่ารั่วหรี่ก็แพ้ แต่ถ้าหากข้าชนะ พวกเจ้าดินแดนหยานจะยอมพ่ายแพ่รึเปล่าล่ะ? เจ้ากล้าที่จะเดิมพันไหมล่ะ?” คาร์รอลเอามือไขว้หลังก่อนที่จะเหลือบมองหมิงหยิน

สายตาของหมิงซูหยินเปลี่ยนไป ตัวเขามั่นใจว่าจะสามารถจัดการรองแม่ทัพทั้งสี่ได้ แต่สําหรับแม่ทัพคาร์รอลแล้วไม่ใช่แบบนั้น ตั้งแต่ที่เข้าสู่ยุคของการตัดดอกบัวทองคํา หมิงซีหยินก็ไม่เคยได้ยินข่าวการเคลื่อนไหวของคาร์รอล นั่นหมายความว่าไม่มีใครรู้ว่าแม่ทัพคนนี้มีพลังระดับไหนกันแน่ สุดท้ายแล้วหมิงซูหยินก็ตอบกลับอย่างไร้ยางอาย “ข้าไม่รับ”

เจ้าคนไร้ยางอาย! เปลวไฟแห่งความแค้นลุกโชนในใจของคาร์รอล แต่ไม่ว่าจะโกรธแค้นแค่ ไหนแต่ตัวเขาก็ต้องรักษาภาพพจน์ของแม่ทัพเอาไว้

หมิงซูหยินพูดต่อ “เจ้าใช้หัวแม่เท้าคิดเหรอไงกัน? อาจารย์ของข้าอยู่ที่นี่แล้ว ทําไมข้าจะต้องเดิมพันกับเจ้าด้วย? ถ้าหากข้ายอมรับข้าก็คงไม่ต่างจากคนโง่ เจ้าน่ะดูถูกสติปัญญาของข้ามากไป ข้ารู้สึกว่า…เจ้าไม่มีเหมาะที่จะสู้กับข้า” หลังจากที่พูดจบหมิงซูหยินก็หันหลังเดินจากไป

“เจ้าก็แค่แก้ตัวก็เท่านั้น!” คาร์รอลตะโกนไล่หลัง

รองแม่ทัพทั้งหลายต่างก็หวังว่าคาร์รอลจะเริ่มเคลื่อนไหว ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงพวกเขาก็คงจะไม่ต้องรออะไรอีกต่อไป ผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบรออยู่ที่นอกเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แล้ว ถ้าหากตรงนี้มีจีเทียนเดําอยู่จริง…ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวยังไงชาวรั่วหรี่ก็เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ

ตุ้ม!

คาร์รอลกระทืบเท้าลงบนพื้นก่อนที่จะกระโดดไปในอากาศ เขากําลังโจมตีหมิงหยินอยู่ คาร์รอลปล่อยพลังฝ่ามือสองข้างออกไปด้านหน้า

หมิงซูหยินรู้ตัวดี เขาลอยขึ้นไปบนอากาศในขณะเดียวกันก็ได้ปลดปล่อยพลังฝ่ามือออกมาเช่นกัน

หมิงซูหยินบินลงมา เขายกแขนข้างหนึ่งเพื่อใช้พลังป้องกันตัวเอง

ตุ้ม!

หมิงซูหยินเลื่อนถอยหลัง พลังฝ่ามือที่ปล่อยไปพุ่งเข้าชนกับพลังการป้องกันของคาร์รอลเช่นกัน

คาร์รอลถอยกลับไปก้าวหนึ่ง “ไม่น่าแปลกที่เจ้าจะมั่นใจ…ถ้าหากเจ้ารับพลังการโจมตีของข้าได้ แสดงว่าเจ้าเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบ”

“น่าประทับใจจริงๆ! เอาล่ะ…ข้าจะเลิกปิดซ่อนพลังแล้ว!” หมิงหยินเลือกก้าวไปด้านหน้าแทนที่จะถอยกลับ เขาพุ่งตัวไปก่อนที่จะใช้เคียวพื้นพิภพในมือจู่โจมคู่ต่อสู้

คาร์รอลที่เห็นแบบนั้นพูดเย้ยหยัน “ถ้าหากเจ้าคิดจะตายข้าก็จะทําตามความปรารถนานั้นเอง” คาร์รอลกางแขนออก ในตอนนั้นพลังรอบตัวของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น

ในตอนนั้นหมิงซูหยินอยู่ห่างจากคาร์รอลเพียงแค่ก้าวเดียว…

พรึบ!

หมิงหยินหายตัวไปจากสายตาของคาร์รอล เขาปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังพลังรอบตัวของคาร์รอล เคียวพื้นพิภพที่อยู่ในมือของหมิงซูหยินยังคงส่องประกายขึ้น

ตุ้ม! ตู้ม! ตุ้ม! ตู้ม! ตุ้ม!

หมิงซูหยินเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด มีเพียงแสงจากการเคลื่อนไหวเท่านั้นที่ทุกคนสังเกต เห็นแสงของพลังงานที่ปะทะกันเกิดขึ้นในทุกเสี้ยววิ

คาร์รอลเหลือบมองหมิงซูหยินก่อนจะเย้ยหยัน “เจ้ามีดีแค่นี้เองสินะ?”

“ข้าต้องขอโทษด้วย แต่เจ้าประเมินคู่ต่อสู้ต่ําไป!”

ซูวว!

พลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบปรากฏตัวขึ้น

ตุ้ม!

เคียวพื้นพิภพยังคงส่องแสงต่อไป เมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวในก่อนหน้านี้ทั้งหมด การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาดูเป็นเพียงการเคลื่อนไหวที่ผิวเผินเท่านั้น เคียวพื้นพิภพยังคงฟาดฟันไปที่เกราะพลังงานของคาร์รอล ไม่นานนักเกราะพลังงานก็เริ่มเสียหาย

ตุ้ม!

จากประสบการณ์การต่อสู้อันยาวนานของคาร์รอล ทันทีที่เกราะพลังงานเริ่มเสียหายตัวเขาก็เริ่มโจมตีสวนกลับไป คาร์รอลใช้หมัดชกไปที่ด้านข้าง

หมัดของเขาชนเข้ากับพลังอวตารของหมิงซูหยิน

ทั้งสองฝ่ายต่างก็ถอยหลังไปครึ่งก้าว

คาร์รอลหันไปด้านข้าง เขากําลังหลบหลีกการโจมตีของหมิงซูหยิน

แม้ว่าจะถูกโจมตีแต่หมิงซีหยินก็ไม่ได้อ่อนแอลง เคียวพื้นพิภพของเขาเคลื่อนไหวอย่างว่องไว มันเปลี่ยนทิศทางก่อนจะพุ่งไปทางด้านข้าง

ตุ้ม!

คาร์รอลเดินโซเซถอยหลัง

หมิงซูหยินเองก็ถอยหลังไปเช่นกัน ท้ายที่สุดตัวเขาก็ล้มลงกับพื้น

“ร่างกายแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!” หมิงซูหยินไม่คิดมาก่อนว่าอาวุธระดับสรวงสวรรค์อย่างเดียว พื้นพิภพจะไม่สามารถผ่าร่างกายของคาร์รอลได้!

คาร์รอลมองไปที่ร่างกายที่มีรอยขีดข่วน ไม่นานนักรอยขีดข่วนนั้นก็หายจางไป แต่ถึงแบบนั้น ชุดเกราะเสียหายก็ไม่ได้รับการซ่อมแซม ถ้าหากจะบอกว่าการปะทะในครั้งนี้เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย

ฝานลี่เทียนพูดชมเชย “ข้าไม่คิดเลยว่าหมิงหยินจะมีทักษะแบบนี้! ข้าประเมินเขาต่าไปจริงๆ”

คาร์รอลมองลงกลับไป “ข้านะขอชื่นชมเจ้า…แต่น่าเสียดาย เจ้าจะต้องตาย” เมื่อสิ้นสุดเสียงพูด คาร์รอลก็พุ่งตัวไป สายตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความจริงจัง

ดูเหมือนว่าหมิงซูหยินจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ถึงแบบนั้นทุกคนก็ยังประหลาดใจกับหมิงซูหยินอยู่ดี ชายคนนี้เก็บซ่อนพลังเอาไว้มากแค่ไหนกัน?

ลูโจวเองก็คิดแบบนั้น เขาลูบเคราในขณะที่มองดูคาร์รอลพุ่งโจมตีหมิงซูหยิน

พลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบปรากฏตัวอีกครั้ง

“เคล็ดวิชาเวหาพงพนา!”

“เถาวัลย์พันเส้นยามฤดูใบไม้ผลิ!”

นี่ถือเป็นสุดยอดวิชาของเคล็ดวิชาเวหาพงพนา

ในอดีตหมิงหยินต้องอยู่ในป่าเพื่อที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตามวิชาเถาวัลย์พันเส้นยามฤดูใบไม้ผลิสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้ใช้ได้แม้จะไม่ได้อยู่ในป่า

ลู่โจวไม่คาดคิดว่าหมิงซูหยินจะเชี่ยวชาญวิชาเถาวัลย์พันเส้นยามฤดูใบไม้ผลิ จากที่เห็นหมิงซี่หยินใช้ เป็นไปได้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญวิชานี้มานานแล้ว

หมิงซูหยินเหวี่ยงเคียวขึ้นมา ในตอนนั้นเองทุกคนรู้สึกว่าหมิงซูหยินผู้มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบจะสามารถโค่นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอย่างแม่ทัพคาร์รอลได้

ซูววว!

พลังอวตารของคาร์รอลปรากฏตัวขึ้น! มันเป็นพลังอวตารไร่ดอกบัว

คาร์รอลผสานเข้ากับร่างอวตาร

ตุ้ม!

หลังจากที่ผสานเข้ากับร่างอวตารราชันย์หมาป่า ภาพเงาของราชันย์หมาป่าก็ปกคลุมไปทั่วร่างคาร์รอล

“นี่เป็นวิธีการใหม่ที่ชาวรั่วหรี่เรียนรู้ที่จะใช้พลังอวตารอย่างงั้นเหรอ!?” สี่วู่หยาไม่เคยเห็นวิธีการต่อสู้แบบนั้นมาก่อน “ไม่แปลกเลยที่ชาวรั่วหรี่ไม่ได้เคลื่อนไหวโจมตีมณฑลเหลียงในก่อนหน้านี้ พวกเขามัวแต่ฝึกฝนตัวเองอยู่!”

ตุ้ม!

คาร์รอลยกมือก่อนที่จะกดลง

ก่อนหน้านี้พลังอวตารก็ไม่ต่างอะไรจากรูปปั้น อย่างมากที่สุดพลังอวตารก็ทําได้แค่เพียงอาวุธทุบตี ไม่มีใครคิดว่ามันจะสามารถเคลื่อนไหวได้เช่นนี้

อวตารราชันย์หมาป่าเป็นเหมือนกับสัตว์ร้าย! มันกําลังใช้กรงเล็บจู่โจมหมิงซีหยิน!

ตุ้ม!

การโจมตีโดนเข้าร่างอวตารของหมิงซีหยิน

หมิงซูหยินกระเด็นไปกว่าหลายเมตร!

หลังจากที่ถูกกรงเล็บโจมตี หมิงหยินก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้า

คาร์รอลถือเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาลอยขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะยกหมัดขึ้นมาอีกครั้ง อุ้งเท้าของพลังอวตารราชันย์หมาป่าได้เคลื่อนไหวตามคาร์รอลอย่างสมบูรณ์แบบ!

หมิงซูหยินเคลื่อนไหว! พลังอวตารของเขาเปลี่ยนไป ดอกบัวทองคําก่าลังหงายขึ้น!

ตุ้ม!

กรงเล็บปะทะเข้ากับดอกบัวทองคํา! หมิงซูหยินสามารถรับการโจมตีได้ ตัวเขาเลิกใช้พลังอวตารก่อนที่จะตกลงไปบนกองเถาวัลย์

คาร์รอลมองไปที่กองเถาวัลย์นั้น “หนังเหนียวซะจริงนะ” คาร์รอลพุ่งไปยังกองเถาวัลย์ด้วยสายตาอันดุร้าย

แคร็ก!

ในตอนนั้นหมิงหยินก็ได้โผล่พ้นกองเถาวัลย์พร้อมกับเคียวพื้นพิภพ หมิงหยินใช้อาวุธคู่ใจฟันเข้าใส่คาร์รอล พลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบขนาดเล็กในแขนเสื้อของเขาขยับตามกันไป

คาร์รอลตะโกน “ลืมไปแล้วหรอว่าข้าเองก็มีกลีบดอกบัวด้วย?”

“ไม่จริง!” หมิงซูหยินหยุดการโจมตี เขาเลือกที่จะขยายพลังอวตารออกมา

พลังอวตารราชันย์หมาป่าปลดปล่อยกลีบดอกบัวทองค่าทั้งแปดไปทางหมิงซีหยิน

ตุ้ม!

เมื่อกลีบดอกบัวกลีบแรกกระทบเข้ากับร่างอวตารของหมิงหยิน ตัวเขาก็กระอักเลือดออกมา

“เจ้าน่ะแข็งแกร่ง แต่น่าเสียดายที่ยังแข็งแกร่งไม่พอ” คาร์รอลคลายพลังที่ผสานกับตัวคาร์รอลพุ่งหาหมิงซีหยืนพร้อมกับกลีบดอกบัวเจ็ดกลีบที่เหลือ เขาต้องการฆ่าหมิงซีหยินด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว

ในวินาทีสุดท้าย ลูโจวก็เริ่มเคลื่อนไหว

“ท่านปรมาจารย์?”

“พวกเราพลาดโอกาสแสดงพลังไปแล้วรึเปล่า?”

“พวกเราจะปล่อยให้ท่านปรมาจารย์ลงมือเองอย่างงั้นเหรอ?”

ลู่โจวใช้สุดยอดเคล็ดวิชาก่อนที่จะเคลื่อนไหวจนปรากฏตัวอยู่ด้านหลังหมิงซูหยิน ท้ายที่สุด ตัวเขาก็ยกมือขึ้น

พลังฝ่ามือนักบวชปีศาจ!

ตุ้ม!

พลังฝ่ามือหยุดพลังอวตารราชันย์หมาป่าเอาไว้

คาร์รอลขมวดคิ้ว เขาเหลือบมองชายชราที่จู่ๆ ก็เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้น “ถ้าหากเจ้าเป็นจีเทียนเด๋าจริงๆ ข้าก็อยากจะทดสอบพลังของผู้มีอวตารดอกบัวเก้ากลีบที่นี่! แต่ถ้าหากเจ้าไม่ใช่…ข้าก็เสียใจด้วย วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!”

คาร์รอลยังคงพุ่งตัวต่อไป

“ท่านแม่ทัพ ท่านแข็งแกร่งจริงๆ”

แม้ว่าชาวรั่วหรี่จะรู้สึกโกรธเคือง แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ตื่นเต้น

ดวงตาที่ลึกล้ําของอู่โจวเฝ้ามองดูคาร์รอลที่กําลังพุ่งเข้าหา ตัวเขาใช้พลังฝ่ามือนักบวชปีศาจอีกครั้ง

ตุ้ม!

อวตารราชันย์หมาป่าบินสูงขึ้น ยิ่งมันสูงขึ้นมากเท่าไหร่พลังการโจมตีจากทางด้านบนก็จะเพิ่ม มากขึ้นไปด้วย

เป็นไปได้ไหมว่า…เจ้านี่จะลืมวิธีการต่อสู้ไปแล้ว” คาร์รอลที่คิดแบบนั้นเย้ยหยัน “มีดีแค่นี้เองสินะ?” เขารู้สึกได้ว่าพลังของชายชราตรงหน้าเป็นเพียงพลังของผู้มีอวตารดอกบัวหกกลีบ หลังจากที่พลังอวตารราชันย์หมาป่าเป็นอิสระ คาร์รอลก็สามารถรับรู้พลังของคู่ต่อสู้แม่นยํามากยิ่งขึ้น

คาร์รอลเร่งความเร็วไปพร้อมๆกับอวตาร

“หืม?” คาร์รอลผสานพลังอวตารเข้ากับร่างกายของเขาอีกครั้ง

ในตอนนั้นเองสู่โจวก็ได้ปล่อยพลังฝ่ามือออกมาอีกครั้ง มันไม่เหมือนกับพลังฝ่ามือก่อนหน้านี้ คราวนี้พลังฝ่ามือเป็นสีฟ้า

พลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์!

ทุกคนที่เกิดขึ้นมาในโลกมักจะมีชื่อแซ่และเผ่าพันธุ์ ทุกคนต่างก็ต้องกินดื่ม มีสุขทุกข์ร่วมกัน

ทุกอย่างก่อกําเนิดมาจากความว่างเปล่า ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็อยู่ในสารวัฏ

พลังชีวิตแห่งอดีต

พลังฝ่ามือที่ปลดปล่อยออกมาคือสุดยอดพลังฝ่ามือแห่งชาวลัทธิเต๋ พลังฝ่ามือสายฟ้าพิฆาต

ตุ้ม!

พลังฝ่ามือเข้าปะทะกับร่างอวตารราชันย์หมาป่า

พลังอวตารและคาร์รอลกระเด็นกลับไปก็เพราะพลังฝ่ามือ

“คิดว่านี่จะใช้ได้ผลเหรอไงกัน?”

คาร์รอลพุ่งกลับมาพร้อมกับพลังอวตารอีกครั้ง!

สู่โจวเองก็โจมตีกลับไปเช่นกัน เขาเลือกที่จะใช้พลังฝ่ามือสายฟ้าพิฆาตเช่นเดิม

พลังฝ่ามือก่อตัวขึ้นก่อนที่จะลอยตัวออกไป พลังฝ่ามือที่เห็นดูคล้ายกับพลังฝ่ามือที่เคยยกเกาะเพิ่งไหลทั้งเกาะเอาไว้

พลังฝ่ามือเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูง มันพุ่งชนคาร์รอลก่อนที่จะทําให้แม่ทัพคนนี้กระเด็นกลับไปเช่นเดิม!

ทุกๆ คนตกตะลึง

เกิดอะไรขึ้น? ชายชราคนนี้เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลับจริงๆ อย่างงั้นเหรอ? แม่ทัพคาร์รอลไม่สามารถโต้กลับได้เลยจริงๆสินะ? เมื่อคาร์รอลกระเด็นถอยไป ลูโจวก็ยกมือขึ้นมาก่อนที่จะปล่อยพลังฝ่ามือเป็นครั้งที่สาม

พลังฝ่ามือสายฟ้าพิฆาต!

ภาพที่ดูคล้ายกันกับในอดีตเกิดขึ้นมาอีกครั้ง

พลังจากที่ได้เห็นการโจมตีเป็นครั้งที่สาม คาร์รอลก็ไม่ดื้อรั้นที่จะเข้าปะทะอีกต่อไป เขาเลือก ที่จะเคลื่อนที่ไปทางอื่นแทน

ชาวรั่วหรี่มองดูด้วยความหวาดกลัว ทําไมท่านแม่ทัพของพวกเขาถึงจะต้องหนีแบบนั้นด้วย?

ลู่โจวรู้คําตอบ เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปล่อยพลังฝ่ามือ “ใครอนุญาตให้เจ้าลงมากัน?”

ทุกๆ คนตกตะลึง

พลังฝ่ามือครั้งที่สี่พุ่งเข้าใส่เป้าหมาย

คราวนี้คาร์รอลกระอักเลือดเฮือกใหญ่ออกมา