บทที่ 620 หลี่ลี่เป็นคนรักของโม่เสวี่ย!

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 620 หลี่ลี่เป็นคนรักของโม่เสวี่ย!

บทที่ 620 หลี่ลี่เป็นคนรักของโม่เสวี่ย!

หลังจากได้พบกับบิดามารดาผู้ให้กำเนิดแล้ว ไป๋โม่เสวี่ยก็พาทั้งคู่กลับไปที่พักชั่วคราวของตนอย่างว่าง่าย

หลังจากเข้าสู่ห้องนั่งเล่นแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงให้ไป๋โม่เสวี่ยรอสักครู่ จากนั้นร่างของเขาพลันสว่างวาบขึ้นมา และในเสี้ยวลมหายใจต่อมา ไป๋ซวี่เซียงก็ถูกลากมาปรากฏตัวที่ห้องนั่งเล่นอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋โม่เสวี่ยก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาอยู่ในชุดบุรุษและยืนอยู่ตรงหน้าไป๋ชิวหรานและซูเซียงเสวี่ยพร้อมกับพี่สาวของตน

“พูดความจริงมาซิ!”

เหล่าไป๋มองลูก ๆ ทั้งสองก่อนจะกล่าวถาม

“ผู้ใดเป็นคนคิดให้โม่เสวี่ยเข้าเรียนในสำนักหญิงล้วน แล้วยังต้องใส่ชุดผู้ฝึกตนหญิง?”

ก่อนที่ไป๋โม่เสวี่ยจะกล่าวอะไร ไป๋ซวี่เซียงก็รีบเปิดปากก่อน

“เป็นโม่เสวี่ยที่อาสาเอง…”

ไป๋ชิวหรานยิ้มอย่างอ่อนโยน… ก่อนจะดึงมือบุตรสาวออกมา แล้วตีมือของไป๋ซวี่เซียงอย่างแรง!

ไป๋ซวี่เซียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด!

“สาวน้อย”

ไป๋ชิวหรานกล่าวต่อ

“อย่าได้คิดโกหกบิดา โม่เสวี่ยยังกล้าสวมชุดของสตรีหลังจากเกิดเหตุการณ์คราวที่แล้วงั้นหรือ? สำหรับคราวนี้คงเป็นเจ้าที่ยุยง ไม่ซื่อสัตย์ สมควรถูกทุบตีแล้ว”

ไป๋ซวี่เซียงดึงฝ่ามือกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นมองบิดามารดาพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้น

“ซวี่เซียง สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่จบลงเพียงเพราะเผยสีหน้าอ้อนวอนเช่นนี้”

ซูเซียงเสวี่ยถอนหายใจพร้อมกล่าวต่อ

“ก่อนที่เราสองคนจะมาถึง มารดาของเจ้ายินยอมให้ข้าสั่งสอนบทเรียนให้กับเจ้าทั้งสอง ในโลกที่เจ้าและโม่เสวี่ยไปเยือนคราวที่แล้ว ยังมีอีกหลายดินแดนที่ความงามของโม่เสวี่ยเป็นต้นเหตุในการเกิดสงคราม การเช็ดก้นพวกเจ้าคราวนี้เกรงว่าต้องใช้เวลากว่าหลายร้อยปี!”

“ข้ากับมารดาเจ้าคือผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดู และจะคอยดูแลพวกเจ้า ไม่ปล่อยให้กระทำเรื่องเหลวไหล!”

ไป๋ชิวหรานตำหนิไม่หยุด

“หากพวกเจ้ามัวแต่ใช้พลังเหนือธรรมชาติของตน และไม่สนใจชีวิตหรือความตายของเผ่าพันธุ์อื่นในโลกวัตถุที่ต่ำต้อยกว่า แล้วพวกเจ้าจะแตกต่างจากอดีตเทพหุ่นกลหรือเหล่ายักษาพวกนั้นอย่างไร?”

ไป๋ซวี่เซียงลดศรีษะลงอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะกล่าวเสียงแผ่ว

“ข้าเพียงต้องการทำภารกิจให้สำเร็จ…”

“ข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังเล่นมากกว่าที่จะทำงานให้เสร็จ”

ไป๋ชิวหรานชำเลืองมองบุตรสาวก่อนจะหันมองบุตรชาย

“โม่เสวี่ยกลับไปพร้อมข้า เจ้าต้องอยู่ในห้องอย่างเชื่อฟังเป็นเวลาหนึ่งปี ส่วนซวี่เซียง หลังจากจบเรื่องนี้แล้วข้าจะไปที่แดนเซียนเพื่อทำเรื่องลาพักให้เจ้า แล้วเจ้าจงกลับมาหาข้าที่บ้าน เมื่อถึงวันนั้นข้ากับแม่ของเจ้าจะร่วมกันสั่งสอนบทเรียนแก่เจ้าเอง!”

ไป๋โม่เสวี่ยไม่พูดอะไร แต่ไป๋ซวี่เซียงกรีดร้อง

“ไม่ได้! ท่านพ่อ ท่านจะพาโม่เสวี่ยกลับไปไม่ได้!”

“แล้วทำไมจะพากลับไม่ได้?”

ไป๋ชิวหรานเผยน้ำเสียงขุ่นเคือง

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าสองคนยังจะสร้างปัญหาที่นี่ต่อไป? ข้าตรวจสอบผู้ฝึกตนปีศาจนั่นแล้ว มันก็แค่เศษขยะ เจ้าจัดการมันเพียงคนเดียวไม่ได้หรือไร? ท้ายที่สุด… เจ้าเพียงแค่อยากจะเล่นสนุกกับน้องชาย! เจ้าอยากดูอะไรสนุก ๆ จึงเรียกให้โม่เสวี่ยมาที่นี่ใช่ไหม! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้!”

“แล้วท่านไม่อยากรู้หรือว่าเหตุใดโม่เสวี่ยจึงยอมใส่เสื้อผ้าสตรีตามคำขอของข้า?”

ไป๋ซวี่เซียงกล่าวเสียงดัง

“ลองไตร่ตรองเถิด โม่เสวี่ยเป็นคนเคร่งขรึม หากไม่ใช่เพราะเหตุผลที่สำคัญมาก เขาจะกล้าเสี่ยงถูกไล่ออกจากบ้านด้วยการยอมทำตามคำขอของข้าและสวมใส่เสื้อผ้าสตรีหรือไม่!?”

“หืม?”

ไป๋ชิวหรานถามกลับ

“เช่นนั้นบอกกล่าวกับข้าว่าเหตุผลนั้นคืออะไร?”

“แน่นอนว่าเป็นเพราะเด็กสาวคนนี้”

ไป๋ซวี่เซียงดึงหลี่ลี่ที่แอบอยู่หลังประตูห้องออกมา ก่อนจะผลักนางไปหยุดยืนตรงหน้าไป๋ชิวหรานและซูเซียงเสวี่ย

“ขะ… ข้า”

ใบหน้าของหลี่ลี่แดงก่ำ นางกล่าวติดขัดก่อนจะก้มหน้างุด

“ยินดีที่ได้พบท่านลุง ท่านป้า”

“สาวน้อยผู้นี้เป็นใคร?”

ซูเซียงเสวี่ยเอียงศีรษะไปมาก่อนจะมองหลี่ลี่อย่างระมัดระวังแล้วกล่าวถาม

“นี่คือเป้าหมายที่พวกเจ้าต้องปกป้องในภารกิจใช่หรือไม่?”

ไป๋ชิวหรานชำเลืองมองหลี่ลี่

“ข้าเคยเห็นเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ในเอกสารภารกิจของเจ้า นี่คือการกลับชาติมาเกิดของเจตจำนงแห่งวิถีสวรรค์ใช่หรือไม่? เจ้ากำลังใช้ประโยชน์จากความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจของน้องชายเจ้า!”

“ฮึ่ม ท่านพ่อ คราวนี้เป็นท่านที่เดาผิด ทำไมท่านจึงไม่คิดบ้างว่าโม่เสวี่ยทำงานหนักเพื่อที่จะเข้าใกล้นาง?”

“แล้วทำไมเจ้ากล้าพูด?”

ขณะนั้นไป๋ชิวหรานหัวเราะ ก่อนจะหยิบยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมา

“แน่นอนว่าเป็นเพราะ…”

ไป๋ซวี่เซียงวางมือบนสะโพกก่อนจะกล่าวต่อ

“เพราะสาวน้อยผู้นี้คือคนรักของเขา!”

พรูด!

ไป๋ชิวหรานตื่นตระหนกและไม่อาจตั้งตัวได้ทัน เขาพ่นน้ำชาใส่หน้าซูเซียงเสวี่ยทันที

ซูเซียงเสวี่ยเช็ดหยดน้ำบนใบหน้าพร้อมกับร่ายคาถาเพื่อกำจัดหยดน้ำชาบนร่างกายออก ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือออกไปหยิกเอวของไป๋ชิวหราน

“เป็นไปไม่ได้”

ไป๋ชิวหรานรีบกล่าวขอโทษภรรยาพร้อมกับเช็ดมุมปากให้ดี ก่อนจะหันมองหลี่ลี่

“สตรีผู้นี้นับว่าก็น่ารักดี แต่ใบหน้าของนางขี้เหร่กว่าโม่เสวี่ยมากเกินไป!”

มือของซูเซียงเสวี่ยหยิกเอวไป๋ชิวหรานทันที นางจับเนื้อนุ่มของเขาแล้วหมุนบิดเต็มกำลัง!

ไป๋ชิวหรานพยายามอดกลั้น ในขณะที่ซูเซียงเสวี่ยมองหลี่ลี่แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“สาวน้อย สิ่งที่ซวี่เซียงกล่าวนั้นเป็นความจริงหรือไม่?”

“แน่นอนว่าข้าพูดความจริง”

ไป๋ชิวหรานตะโกนว่า

“หากเป็นโม่เสวี่ยแล้ว หญิงสาวคนไหนเล่าจะไม่อยากอยู่ใกล้ชิดเขา?”

“ท่านหุบปากเสีย!”

ซูเซียงเสวี่ยตำหนิ

ในที่สุด ไป๋ชิวหรานจึงหยุด จากนั้นซูเซียงเสวี่ยพลันมองหลี่ลี่อย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“สาวน้อย อย่าเข้าใจข้าผิด พวกเราไม่ได้หมายความว่า… นั่นเป็นเพราะส่วนใหญ่แล้วซวี่เซียงมักจะโกหกพวกเราเสมอ ในฐานะบิดามารดา การแต่งงานของบุตรคือเรื่องใหญ่ และมันไม่ใช่เรื่องขบขัน โปรดเข้าใจพวกเรา”

“ท่านแม่เซียงเสวี่ย!”

ไป๋ซวี่เซียงกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ท่านหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าข้าโกหกท่านบ่อยครั้ง ข้าจะล้อเล่นกับเรื่องราวในชีวิตของโม่เสวี่ยหรือ? ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น!”

“เจ้าเป็น”

ซูเซียงเสวี่ยตอบกลับอย่างไม่แยแส

“และเพราะโม่เสวี่ยเป็นเด็กผู้ชาย เจ้าก็จะยิ่งได้ใจในการเล่นสนุกมากขึ้น”

ไป๋ซวี่เซียงเป่าปากอย่างไม่พอใจ

“ซวี่เซียงอย่าทำเช่นนี้ นอกจากมารดาของเจ้าแล้ว มารดาคนอื่น ๆ ก็ปฏิบัติต่อเจ้าเช่นบุตรที่แท้จริง และข้าก็ปฏิบัติกับเจ้าเช่นเดียวกัน พวกเราทราบดีว่าเด็กหญิงที่พวกเราเลี้ยงดูมามีนิสัยใจคออย่างไร”

ซูเซียงเสวี่ยผายมือก่อนจะกล่าวต่อ

“ในเมื่อเจ้าบอกว่าไม่ได้โกหก เช่นนั้นบอกกล่าวกับข้าเถิดว่าโม่เสวี่ยชื่นชอบอะไรในตัวนาง?”

“การจะรักชอบผู้ใด จำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ?!”

“แน่นอนว่าจำเป็น”

ซูเซียงเสวี่ยยักไหล่ก่อนจะมองไป๋ชิวหราน

“เหตุผลที่ข้าตกหลุมรักบิดาของเจ้า เพราะเขาช่วยชีวิตข้า ป้องกันไม่ให้ข้ากลายเป็นเตาหลอมของผู้ฝึกตนคนอื่น แล้วเหตุผลที่มารดาของเจ้าตกหลุมรักบิดาของเจ้า ก็เพราะพวกเขานิสัยเหมือนกัน อยู่ในสถานการณ์ร่วมกัน มีอุดมคติเดียวกัน และยังผูกพันกันมานานหลายปี แม้แต่มารดาจิ่นเหยาของเจ้าก็ยังมีเหตุผลที่ทำให้บิดาหลงรักได้ หากเราชื่นชอบใคร ก็ต้องบอกให้ได้ว่าเหตุผลคืออะไร เราจะสัมผัสถึงสิ่งดี ๆ ในตัวบุคคลนั้นได้เสมอ”

ไป๋ซวี่เซียงพูดไม่ออก

“สาวน้อย เป็นเจ้าที่ไร้เดียงสาเกินไป”

ซูเซียงเสวี่ยส่ายศีรษะพร้อมกับหันมองไป๋โม่เสวี่ย

“โม่เสวี่ย ตอบแม่ตามตรงเถิด สาวน้อยผู้นี้เป็นคนรักของเจ้างั้นหรือ?”

ไป๋โม่เสวี่ยพยักหน้า

“แล้ว…”

ซูเซียงเสวี่ยมองบุตรชายของตนพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เจ้าชื่นชอบสิ่งใดในตัวนาง?”