บทที่ 664 แผนการของเว่ยฉิง

ในช่วงเดือนสิบเอ็ดอากาศหนาวเย็นแล้ว แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านก้อนเมฆลงมาช่วยให้อากาศอบอุ่นขึ้น ถังหลี่สวมเสื้อบุนวมสีแดงสดเผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ดวงตาที่สดใส ฟันขาวสะอาด แม้หลังคลอดบุตรแล้วรูปร่างของนางก็ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่หน้าอกที่ดูอวบอัดขึ้นเท่านั้น มือของถังหลี่ถูกฝ่ามือใหญ่เกาะกุมเอาไว้แน่นหนา

เว่ยฉิงสวมเสื้อบุนวมสีดำปลายแขนเป็นลายเมฆมงคล รอบเอวมีผ้าพันแถบกว้างทำให้เอวของเขาดูเพรียวบางขนาดตัวที่สูงของเว่ยฉิงทำให้ถังหลี่ที่ยืนคู่กับเขาดูตัวเล็กเป็นพิเศษ ทั้งสองเดินจับมือกันไปตามถนน มองตามตรอกซอยที่น่าสนใจ เว่ยฉิงมีงานยุ่งมากแทบไม่ได้หยุดพักผ่อน ทั้งสองจึงไม่ค่อยได้ใช้ช่วงเวลาอยู่ด้วยกันเช่นนี้

ยามที่เดินเล่นคู่กันไปเช่นนี้ เหมือนทั้งคู่ได้ย้อนเวลากลับไปยังตอนอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาที่ห่างไกลความเจริญ หลังกินข้าวเสร็จพวกเขามักจะเดินเล่นย่อยอาหารกันเช่นนี้

บางครั้งเมื่อเดินเข้าไปในตรอกที่ร้างผู้คน เว่ยฉิงจะก้มหน้าลงมาใกล้เพื่อที่จะขโมยจูบถังหลี่ หลังจากได้จูบนางแล้ว เขาทำท่าอิ่มเอมใจราวกับแมวที่แอบขโมยปลาย่าง…

ระหว่างทางพวกเขาได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับองค์หญิงอันเยว่และสกุลหลู ถูกพูดกันอย่างแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง จนกลายเป็นเรื่องราวโอชะที่ต้องพูดถึงหลังมื้ออาหาร

“องค์หญิงอันเยว่ใจร้ายมาก ตอนที่หยูอันเหนียงถูกผลักตกลงบ่อน้ำนางกำลังตั้งท้องอยู่ ผิงหยางโหวถูกหลอกมาถึงสิบแปดปีเพราะคิดว่านางหนีไปกับชายอื่น”

“ใช่แล้ว หยูอันเหนียงต้องนอนตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่ในบ่อน้ำแห้งนั่นมาถึงสิบแปดปีเต็ม ช่างน่าสังเวชยิ่งนัก โชคดีที่ในที่สุดเรื่องได้ถูกเปิดเผยขึ้น””

“สกุลหลูมีความบริสุทธิ์ยุติธรรมเป็นที่ตั้งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จู่ๆ กลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร น่าจะเป็นเพราะหญิงมีพิษผู้นั้น จึงทำให้สกุลตกต่ำถึงคราวเคราะห์เช่นนี้”

“ข้าได้ยินมาว่านายท่านหลูเกอบริจาคเงินสร้างวัดให้หยูอันเหนียง อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของสกุลหลูเลย นายท่านหลูมีเมตตามาก”

“ใช่แล้ว สกุลหลูน่าสงสารมาก”

ผู้คนพากันให้ความเห็นมากมาย พวกเขาพากันประสานเสียงว่าองค์หญิงอันเยว่สมควรแล้วที่จะได้รับโทษทัณฑ์เช่นนั้น สกุลหลูช่างน่าสงสาร

ความจริงแล้วสกุลหลูเป็นผู้บริสุทธิ์จริงหรือ? สิบแปดปีเต็มที่องค์หญิงอันเยว่ได้แต่งเข้ามาในจวน ไม่มีใครผิดสังเกตบ้างเลยหรือ? สกุลหลูปกปิดการตายของหยูอันเหนียงถูกไว้หรือเปล่า สกุลหลูไม่น่าจะโง่ถึงเพียงนั้น การที่หลูเสวี่ยนนิสัยไม่ดีเป็นเพราะการเลี้ยงดูขององค์หญิงอันเยว่คนเดียวจริงหรือ?

แต่ใจของคนก็ช่างกระไร หากคิดว่าคนผู้นั้นเป็นคนดี พวกเขาจะพยายามหาข้อดีมาหักล้าง แต่ถ้าใจมองว่าไม่มีดีแล้ว ต่อให้เขาทำดีสักเพียงใดก็ยังเป็นคนชั่วช้าในสายตาของเราอยู่นั่นเอง

สกุลหลูมีชื่อเสียงดีงามอยู่ภายในใจของผู้คนมาตลอด จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่พวกเขาจะแก้ตัวให้สกุลหลูแล้วผลักความผิดทุกอย่างให้องค์หญิงอันเยว่

เว่ยฉิงพาถังหลี่ไปที่เหลาอาหารหนิงเฟิ่ง ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายยังไม่ถึงเวลามื้อเย็นที่ร้านจึงไม่ค่อยมีคนมากนัก พวกเขาเข้าไปในห้องส่วนตัวและขอให้เสี่ยวเอ้อร์นำชาร้อนมาให้

หญิงสาวเท้าคางมองใบหน้าของสามีของตน ชายผู้นี้หน้าตาดีมาก ใบหน้าคมสัน ดวงตาสีเข้ม จมูกโด่งและเรียวปากบางได้รูป ทุกอย่างประกอบกันได้ช่างสมบูรณ์แบบ เป็นเรื่องธรรมดาที่เว่ยฉิงสัมผัสได้ถึงสายตาเร่าร้อนของภรรยาตน เขามีความสุขมาก ถ้าหากมีหางคงได้พุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้าไปแล้ว ชายหนุ่มวางท่าสงวนให้ดูสง่างาม

“แค่มองจะไปมีประโยชน์อะไร เจ้าไม่ต้องการจูบหรอกหรือ? ” เว่ยฉิงกระแอมออกมาหยอกเย้าภรรยา ถังหลี่ลุกขึ้นโน้มตัวมาจูบที่ริมฝีปากของสามี และถูกเว่ยฉิงรวบไว้ด้วยพละกำลังมหาศาล เขาอุ้มนางไปเกยบนตักของตัวเอง

“สามี ท่านกำลังเตรียมอาหารจานพิเศษให้สกุลหลูหรือ?” ถังหลี่ถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย

สามีของนางบอกว่าจะจัดการกับสกุลหลู นั่นแสดงว่าเขาย่อมมีแผนการของตน

เว่ยฉิงใช้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยตอหนวดสั้นๆ ถูไถใบหน้าเล็กๆ ขาวนวลของภรรยา

“ผู้อาวุโสหลูใจแคบยิ่งนัก เขาถวายฎีการ้องเรียนข้าหลายต่อหลายครั้ง ความแค้นระหว่างพวกเรากับสกุลหลูคงไม่ชำระหายกันไปง่ายๆ ข้าได้สอบสวนสกุลหลูแล้ว เขามีปัญหาซุกซ่อนอยู่มากมาย หากจะเริ่มโจมตี สมควรเริ่มในสิ่งที่เขารักมากที่สุด”บราวนี่ออนไลน์

หลูเกอคือคนที่รักในหน้าตาและชื่อเสียงของสกุลตนเองอย่างมาก ทุกอย่างที่เขาได้กระทำลงไปจะต้องถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ สิ่งที่เขารักและหวงแหนเป็นที่สุดคือชื่อเสียงและเกียรติยศของวงศ์ตระกูล

“มีเรื่องราวมากมายในสกุลหลูที่มีชื่อเสียงดีไม่มีด่างพร้อย ทว่าถ้าค่อยๆ ขุดทีละนิดๆ ย่อมจะพังครืนลงมาอย่างไม่เป็นท่า”

“สามี ท่านคิดอ่านอย่างไร?”

ถังหลี่ยังคงถามต่อ เว่ยฉิงชี้ไปที่นอกหน้าต่าง เมื่อนางโน้มศีรษะออกไปจึงมองเห็นว่าผู้คนมากมายทั้งพ่อค้าหาบเร่ คนเดินถนนที่เร่งรีบหรือแม้แต่ขุนนางที่เดินผ่านไปมา

สามีอยากให้ดูอะไร….

ถังหลี่สังเกตคนเหล่านั้น ชายวัยกลางคนแต่งกายปอนๆ ดูสกปรกเดินผ่านเข้ามาในคลองจักษุของถังหลี่ เขาเดินลากขาที่พิการของตน สองมือหิ้วถังสองใบเดินไปร้านอาหาร ผู้คนส่วนใหญ่ที่เห็นเขาพากันส่ายหน้าโลกมือไล่ด้วยความรังเกียจ

หลังจากเดินขอเศษอาหารสักพัก เมื่อถังเต็ม เขากล่าวคำขอบคุณแล้วจึงเดินจากไป

“ฮูหยิน เจ้าเห็นอะไรบ้าง” เว่ยฉิงถาม

“ผู้คนตกทุกข์ได้ยาก” ยังมีคนอีกจำนวนมากในโลกใบนี้ที่ต้องดิ้นรน ขวนขวายเพื่อมีชีวิตต่อไป

“ชายผู้นี้ชื่อหลู่ซาน ภรรยาเขาเสียชีวิตเพราะโรคภัยไข้เจ็บ เขาอยู่ตัวคนเดียวหาเลี้ยงชีพด้วยการขอเศษอาหาร”

“เมื่อยี่สิบปีก่อนหน้า เขาไม่ได้มีสภาพเช่นนี้ เขาเป็นคนแข็งแรง ครอบครัวมีรายได้ มีภรรยาที่เขารัก”

สามีของนางน่าจะมีเหตุผลที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ก่อนหน้าเขาพูดถึงสกุลหลู…

“เป็นเพราะสกุลหลู่หรือที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้?”

“ฉลาดมาก เอาจูบเป็นรางวัลไปหนึ่งที” ว่าแล้วเขากดจูบลงที่หน้าผากโค้งมนของภรรยา

“………….”

นางคิดว่าสามีของตนช่างเก่งกาจ จึงลืมคิดเรื่องที่เขาฉวยโอกาสเอาเปรียบตนอยู่

“เดิมทีเขาชื่อหลู่เส้า เป็นแม่ทัพเก่งฉกาจภายใต้กำลังพลของหลูอัน”

ถังหลี่จำได้ว่าหลูอันเคยเป็นแม่ทัพมาก่อน เขามีผลงานที่โดดเด่นเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว เป็นแม่ทัพหนุ่มผู้มีอนาคตสดใสมีเสน่ห์จนทำให้องค์หญิงอันเยว่ตกหลุมรัก

“จากประวัติของหลูอัน เขาได้รับตำแหน่งผิงหยางโหวเพราะสมรภมิที่อี้เป่ย การต่อสู้ในครั้งนั้นทำให้หลูอันมีชื่อเสียง แต่ทว่าความจริงแล้วคือผลงานของหลู่เส้า” เว่ยฉิงกล่าว

ถังหลี่ตกใจมาก การขโมยผลงานทางการทหารนั้น ตามกฎหมายของต้าโจวต้องถูกเนรเทศ เพราะถือว่าเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงมาก หลูอันกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร

“หลูอันไม่มีความสามารถที่จะทำเรื่องนี้ตามลำพังได้คนเดียว เป็นเพราะหลูเกออยากให้ทายาทของเขามีผลงาน เขาจึงทำแบบนี้”

“สามี พวกเราควรทำอย่างไร?”

“ทวงคืนความยุติธรรมให้แก่หลู่เส้า” เว่ยฉิงว่า ทั้งได้ทวงคืนความยุติธรรมให้ผู้อื่น หนำซ้ำยังได้เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของสกุลหลู เท่ากับขว้างหินก้อนเดียวได้นกสองตัว สามีของนางฉลาดจริงๆ

ทั้งสองอยู่ที่เหลาอาหารหนิงเฟิ่งเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม ก่อนที่จะเดินจับมือกันกลับจวน ท่ามกลางแสงแดดที่อบอุ่นกลางฤดูหนาว

——————————-