ตอนที่ 621 นี่คิดจะหลอกพวกเราหรือ?
ช่วงเอวของผู้อาวุโสหลิ่วบาดเจ็บตั้งแต่ที่เดินทางมารับโทษแล้ว จนถึงตอนนี้ยังรักษาไม่หายสักที ขณะทรมานอยู่ที่บ่อเกลือ เขาก็ล้มหมอนนอนเสื่ออยู่เป็นเวลานานถึงจะลุกขึ้นมาได้สักครั้ง ถ้าไม่ได้รับการดูแลจากแม่ทัพเฉา เกรงว่าสังขารอันร่วงโรยนี้ต้องฝังไว้ที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือตั้งนานแล้ว
ท่านหมอว่านจับชีพจรให้คนพวกนี้ทีละคน…ร่างกายของพวกเขามีปัญหาไม่มากก็น้อย เบาหน่อยแค่พักรักษาตัวก็ได้แล้ว แต่หนัก…ก็คือชายชราอายุ 70 ปีที่กำลังนอนไข้สูงไม่ลดอยู่บนเตียง หมอว่านส่ายหน้าให้ครอบครัวของชายชรา “ได้แต่ให้สวรรค์ลิขิตแล้ว ! ”
หลังจากหมอว่านสั่งยาแล้ว ภรรยานายอำเภอก็ให้คนไปซื้อที่ร้านขายยา ขณะมาส่งยาก็เอาอาหารเย็นมาให้พวกเขาด้วย…หมั่นโถวสองกล่องและผัดวุ้นเส้นผักกาดขาวใส่เนื้อหมูก็เพียงพอให้พวกเขากินจนอิ่มท้อง ผู้สูงอายุและเด็กยังได้กินไข่ไก่คนละหนึ่งฟองอีกด้วย
ได้ยินว่าอาหารที่มาจากห้องครัวของที่ว่าการอำเภอล้วนเป็นฝีมือของฝูเหรินนายอำเภอและนางกำนัลคนสนิทของหมินหวางเฟย ยังไม่พูดถึงเรื่องฐานะของพวกเขา แต่จำนวนคนของพวกเขาเช่นนี้ ไฉนเลยจะกล้ารบกวนให้คนอื่นมาลำบากเพื่อตนไปได้ตลอด ? ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสหลิ่วจึงไปหาหลินเว่ยเว่ยเพื่อบอกว่าพวกเขาจะเก็บกวาดพื้นที่ด้านหลังแล้วทำเป็นห้องครัว
ผ่านไปไม่นาน ณ มุมกำแพงปูนของเรือนหลังก็มีเตาถูกก่อขึ้น 3 เตา กระทะเหล็กก็ถูกส่งมาด้วย นอกจากนี้ยังมีถ้วยชามต่าง ๆ…ส่วนข้าวสารและวัตถุดิบก็กองจนเต็มห้องครัว ขณะมองของเหล่านี้แล้ว ลูกสะใภ้ของผู้อาวุโสหลิ่วและผู้อาวุโสหู นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนก็รู้สึกสบายใจหายห่วงสักที
หลังจัดการคนพวกนี้เสร็จแล้ว การเพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิก็เริ่มต้นขึ้น หลินเว่ยเว่ยยังใช้ธัญพืชเป็นค่าแรงเหมือนเดิม นางจ้างคนงานชั่วคราวมาพรวนดินและหว่านเมล็ด คลองยังไม่เสร็จ สำหรับที่ดินเพิ่งถางใหม่เหล่านี้ หลินเว่ยเว่ยใช้ปลูกข้าวโพดครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งปลูกข้าวสาลี ส่วนข้าวขาวต้องรอให้ถึงปีหน้าแล้วค่อยคิดอีกที !
หน้าประตูที่ว่าการอำเภอมีคนมาเข้าแถวยาวเหยียด พวกเขาต่างเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านใกล้เคียงที่มาขอรับเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด การแจกเพิ่งเริ่มขึ้น ชาวบ้านพวกนี้จึงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว พวกเขาไม่ได้กังวลว่าภรรยานายอำเภอจะผิดสัญญา แต่กลัวว่าตอนเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงมีคนมาช่วยงานมากเกินไป แล้วเมล็ดพันธุ์จะไม่เพียงพอหรือชื่อของตนจะตกหล่น…
“ที่ดินหนึ่งหมู่ใช้เมล็ดพันธุ์แค่ 5 ชั่ง มันจะพอหรือ ? ตอนฝูเหรินนายอำเภอปลูกข้าวสาลี ข้าไปช่วยงานมาด้วย พื้นที่หนึ่งหมู่ต้องใช้ถึง 20 ชั่ง ! ” ทันใดนั้นทางด้านหน้าก็มีเสียงชาวบ้านตะโกนว่า “เพราะเมล็ดพันธุ์ไม่พอ ฝูเหรินนายอำเภอจึงใช้เมล็ดพันธุ์แค่นี้มาหลอกพวกเรา ? ”
ผู้อาวุโสหลิ่วและหลานชายรับหน้าที่ช่วยแจกเมล็ดพันธุ์ให้ชาวบ้าน พวกตนก็คิดว่าเมล็ดพันธุ์ 5 ชั่งต่อหนึ่งหมู่น้อยเกินไป ได้ยินว่าฝูเหรินนายอำเภอปลูกข้าวโพดออกมาได้ผลผลิตหมู่ละ 500 ชั่ง จนพวกเขาเองก็ยังตื่นเต้นไปพร้อมคนอื่นด้วย ! เมล็ดพันธุ์ 5 ชั่งสามารถแลกด้วยธัญพืชหยาบจำนวน 500 ชั่งได้จริงหรือ ? พูดออกไปใครจะเชื่อ ? ภรรยานายอำเภอทำแบบนี้ คงจะทำให้ใจของราษฎรที่คว้ามาได้ต้องพังทลายในคราวเดียว !
หลิวว่ายจื่ออธิบาย “จะเอาข้าวสาลีมาเทียบกับข้าวโพดได้อย่างไร ที่ดินของท่านฝูเหรินใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดแค่ 4 ชั่งต่อหนึ่งหมู่เท่านั้น ! ถ้าไม่เชื่อ พวกเจ้าก็ไปถามพวกชาวบ้านที่มาช่วยหยอดเมล็ดข้าวโพดในฤดูร้อนเหล่านั้น ที่ดินของฝูเหรินซึ่งกำลังแผ้วถางก็จะปลูกข้าวโพดเช่นกัน พวกเจ้าลองไปดูว่าปลูกอย่างไร…ถ้าปลูกไม่เป็นก็อย่าเอาเมล็ดพันธุ์ให้ผลผลิตสูงพวกนี้ไปทำให้เสียของ ! ”
สตรีในชุดมอมแมมคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ปีก่อน ตอนที่ปลูกข้าวโพด ข้าก็ไปด้วย หลุมที่ใช้ปลูกข้าวโพดค่อนข้างกว้าง แต่ด้านในมีเมล็ดข้าวโพดแค่สองเมล็ดเท่านั้น ที่ดินหนึ่งหมู่ใช้เมล็ดพันธุ์ไม่เท่าไรจริง ๆ…”
มีคนจดจำนางได้ “เจ้าไม่ได้มาจากหมู่บ้านคนบาปนั่นหรือ ? หมู่บ้านคนบาปเริ่มเพาะปลูกตั้งแต่เมื่อใดกัน ? เจ้ามารับเมล็ดพันธุ์แทนใคร ? ”
สตรีนางนั้นมองไปยังหลิวว่ายจื่อด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะพูดอธิบายเบา ๆ ว่า “ท่านฝูเหรินนายอำเภอบอกว่าใครแผ้วถาง ที่ดินก็เป็นของคนนั้น บ้านเราบุกเบิกพื้นที่ 5 หมู่และได้ขึ้นทะเบียนกับที่ว่าการอำเภอแล้ว ใบรายชื่อของท่านฝูเหรินนายอำเภอก็มีชื่อของข้าอยู่ ถ้าไม่เชื่อพวกเจ้าถามผู้ดูแลหลิวก็ได้”
หลิวว่ายจื่อจ้องคนที่พูดกับสตรีนางนั้น “เจ้าสงสัยการตัดสินใจของท่านนายอำเภอและท่านภรรยานายอำเภออย่างนั้นหรือ ? เป็นคนจากหมู่บ้านคนบาปแล้วอย่างไร ? ขอแค่พวกเขาพึ่งพาตัวเอง ทุกอย่างก็เป็นของพวกเขา อย่าพูดจาเหลวไหลอีก ฟังชื่อของตนแล้วเข้ามารับเมล็ดพันธุ์ ! หมู่บ้านซานหวา หลิวเถี่ยถัว หวังหมาจื้อ หลี่เสี่ยวซาน พวกเจ้าสามคนเอาโฉนดที่ดินและทะเบียนบ้านออกมา ! ”
“มาแล้ว มาแล้วขอรับ ! ” คนพวกนี้ออกมาจากฝูงชนด้วยความดีใจ หลังรับเมล็ดพันธุ์ของตัวเองแล้วก็ประทับรอยนิ้วมือลงในหนังสือสัญญา ที่ดินของบ้านถูกไถพรวนไว้พร้อมแล้ว รอเพียงเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเท่านั้น ดินทรายอันแห้งแล้งซึ่งในตอนนั้นปลูกข้าวสาลีออกมาและนำไปจ่ายภาษี พวกเขาก็แทบไม่เหลือเมล็ดพันธุ์ให้ปลูกในครั้งถัดไป เมื่อมีเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดชั้นดีของท่านฝูเหรินนายอำเภอ หลังจากฤดูเก็บเกี่ยว พวกเขาก็ไม่ต้องหิวโหยอีกต่อไป ! !
ในที่ว่าการอำเภอ เจียงโม่หานเรียกผู้ใหญ่บ้านทั้งหมดของอำเภอหนิงซีมาประชุม วัตถุประสงค์ของการประชุมก็คือ ‘หลังหว่านเมล็ดแล้ว ในแต่ละหมู่บ้านจะต้องจัดคนลาดตระเวนขึ้นมาเพื่อคอยเดินดูที่ดินของพวกชาวบ้านในยามค่ำคืน ไม่อย่างนั้นเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งปลูกก็อาจถูกคนขุดขึ้นมาได้ ต้องทราบก่อนว่ามีคนไม่น้อยกำลังจับจ้องเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดให้ผลผลิตสูงเหล่านี้ ! ’
ห่างจากหมู่บ้านคนบาปไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 30 ลี้ มีหมู่บ้านที่ชื่อว่าหมู่บ้านหงฮัวตั้งอยู่และขึ้นตรงกับอำเภออานซี ไม่รู้ว่าชาวบ้านที่นั่นไปทราบเรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดให้ผลผลิตสูงของอำเภอหนิงซีมาจากที่ใด แค่ช่วยงานฝูเหรินไม่กี่วันก็จะมีสิทธิ์ซื้อหรือลงบัญชีค่าเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ไว้ก่อน ในฤดูเพาะปลูกนั้นพวกชาวบ้านจากหมู่บ้านหงฮัวจึงมาช่วยกันไถพรวนที่ดินเกือบทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านเหล่านี้เป็นเกษตรกรฝีมือดี เมื่อมีพวกเขาอยู่แล้วการไถที่ดินก็เร็วกว่าเดิม
ตอนที่หลินเว่ยเว่ยนำหมั่นโถวไปให้ พวกเขาก็พากันปฏิเสธและกินหมั่นโถวจากธัญพืชหยาบที่นำมาเอง พอหลินเว่ยเว่ยเห็นแบบนั้นก็ถามผู้ใหญ่บ้านว่า “พวกเจ้าคือ…”
ผู้ใหญ่บ้านหงฮัวมีอายุประมาณ 30 ปี เขาตอบอย่างสงวนท่าที “ได้ยินมาว่า…คนที่มาช่วยงานท่านจะมีสิทธิพิเศษในการขอรับเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด ไม่ทราบว่ายังยึดตามนี้หรือไม่ขอรับ ? ”
“แน่นอน ! แต่ว่าเมล็ดพันธุ์ในปีนี้หมดแล้ว ต้องรอปีหน้า…”
“ปีหน้าก็ได้ขอรับ ! แต่…พวกเราไม่ใช่คนอำเภอหนิงซีก็ขอรับได้หรือขอรับ ? ” ผู้ใหญ่บ้านหงฮัวมองหลินเว่ยเว่ยด้วยความประหม่า แต่แววตากลับแฝงไปด้วยความหวัง
“แน่นอน ! ขอแค่มีเมล็ดพันธุ์มากพอ ถ้าพวกเจ้าลงทะเบียนไว้ก็จะมีสิทธิพิเศษในการขอรับเมล็ดพันธุ์ก่อน ถ้าไม่มีเงินก็ลงบัญชีไว้ก่อนได้ จากนั้นค่อยจ่ายคืนหลังฤดูเก็บเกี่ยว” หลินเว่ยเว่ยรู้ว่าราษฎรในภาคตะวันตกเฉียงเหนือล้วนมีสภาพชีวิตไม่แตกต่างกับคนอำเภอหนิงซี ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่เกินขอบเขตความสามารถของตน นางก็หวังว่าจะช่วยชาวบ้านที่ยากลำบากพวกนี้ให้ได้มากที่สุด
พอชาวบ้านหงฮัวได้ยินแบบนั้นก็มีแรงทำงานมากกว่าเดิมทันที แม้พวกเขาจะมาช่วยงานเพราะอยากได้สิทธิพิเศษในการขอรับเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดชั้นดี แต่ก็ยังได้เรียนรู้วิธีเพาะเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดให้ผลผลิตสูงไปด้วย ถือว่าได้รับโชคสองชั้น !
ชาวบ้านหงฮัวอยู่ค่อนข้างไกล พวกเขาจึงหาหญ้าแห้งมาปูบนพื้นแล้วใช้ที่นอนปูทับอีกชั้น ก่อนจะล้มตัวลงนอนกันทั้งอย่างนั้น ค่ำคืนแห่งฤดูใบไม้ผลิยังมีสายลมเย็นพัดมาบ้างเป็นครั้งคราว หลินเว่ยเว่ยกลัวชาวบ้านพวกนี้จะล้มป่วยจึงให้มานอนในบ้านที่กำลังก่อสร้าง ตัวบ้านถูกสร้างไปได้พอสมควรแล้ว แม้จะยังไม่มีประตูหน้าต่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ช่วยกันลมได้
ถ้าเอ่ยถึงสภาพอากาศของภาคตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว สิ่งที่ทำให้หลินเว่ยเว่ยไม่คุ้นชินก็คือลมแรง อากาศแห้ง นางทำครีมทาผิวขึ้นมาเองจากการใช้น้ำพุวิญญาณเป็นส่วนผสม ได้ผลลัพธ์ไม่เลว แม้แต่หมินหวางเฟยก็ยังชมว่าใช้ดี !