ตอนที่ 1223 รัฐเฉียว / ตอนที่ 1224 ที่ลานชุมนุม
ตอนที่ 1223 รัฐเฉียว
“เราพาฮ่องเต้องค์ก่อนไปพักผ่อนแล้ว” หัวหน้าองครักษ์พูดด้วยเสียงที่แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง เก็บความเศร้าเอาไว้ในใจ
“ดีแล้ว” ราชครูเหอพูดอย่างเหน็ดเหนื่อย
“ราชครูเหอ…ท่านมั่นใจจริงๆ หรือว่ารัฐจิ้วจะยอมทำตามคำขอร้องของเรา” หัวหน้าองครักษ์ถามด้วยความกังวล
ใบหน้าของราชครูเหอปรากฏรอยยิ้มขมขื่น
“ข้าไม่มีความมั่นใจอะไรทั้งนั้น แม้แต่หนึ่งส่วนก็ไม่มี ฮ่องเต้องค์ก่อนของเรากลายเป็นแบบนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัฐจิ้วไม่ใช่หรือ คำพูดที่ข้าพูดเมื่อครู่ก็แค่ปลอบใจฝ่าบาทเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น…ด้วยสภาพเช่นนี้ ฮ่องเต้องค์ก่อนจะสามารถหายได้ด้วยหรือ”
หัวหน้าองครักษ์ก้มหน้านิ่งเงียบ ที่จริงพวกเขาทุกคนก็รู้ความจริงกันอยู่แล้ว คำพูดของราชครูเหอตลอดการเดินทางนั่นก็แค่พูดปลอบใจฮ่องเต้น้อยเท่านั้น มันก็แค่นั้นแหละ แค่คำปลอบโยน พวกเขารู้ดีแก่ใจ รัฐจิ้วจะช่วยรักษาฮ่องเต้องค์ก่อน คำพูดนั้นคงมีแต่คนบ้าที่เชื่อ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดออกมา ไม่เช่นนั้นฮ่องเต้น้อยคงจะใจสลายเป็นแน่
“เช่นนั้น…คงเป็นการยากที่จะบอกฝ่าบาทในวันข้างหน้า…” หัวหน้าองครักษ์พูดหลังจากลังเลอยู่นาน
ราชครูเหอถอนหายใจอีกครั้ง “เราจะผ่านเรื่องวุ่นวายนี้ไป ลากผ่านกันไปทีละวัน เรื่องที่รัฐจิ้วได้เชิญผู้นำของรัฐต่างๆ มา ข้าสงสัยนักว่าพวกเขาวางแผนอะไรอยู่ เราต้องระวังตัวให้ดี และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องปกป้องฝ่าบาทให้ดีที่สุด”
หัวหน้าองครักษ์พยักหน้าอย่างแน่วแน่ แต่สีหน้ายังคงเศร้าสร้อย
“ถ้าไม่ใช่เพราะจะช่วยพวกเราในตอนแรก ฮ่องเต้องค์ก่อนก็คงไม่…พวกเรามันไร้ประโยชน์ ไม่สามารถปกป้องฮ่องเต้องค์ก่อนได้…”
“นั่นเป็นทางเลือกของฮ่องเต้องค์ก่อนเอง ท่านใช้ชีวิตของท่านช่วยพวกเจ้าทุกคน และตอนนี้พวกเจ้าทุกคนก็ควรปกป้องน้องชายสุดที่รักของท่านให้ดี สายโลหิตของราชวงศ์รัฐเฉียวเราเหลือแค่ต้นอ่อนต้นเล็กๆ เพียงต้นเดียวซึ่งก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบันของเรา ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาทไม่ได้เด็ดขาด” ราชครูเหอพูดกับหัวหน้าองครักษ์
“วางใจเถอะราชครูเหอ! ต่อให้ต้องจ่ายด้วยชีวิตของพวกเราทุกคน เราก็จะไม่ยอมให้คนจากรัฐจิ้วแตะต้องฝ่าบาทได้แม้แต่ปลายเส้นผม! แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ” หัวหน้าองครักษ์พูด
“อะไร”
“ในเมื่อราชครูเหอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ารัฐจิ้วมีเจตนาชั่วร้าย อย่างนั้นทำไม…เราถึงต้องรับคำเชิญของพวกเขาให้มาที่นี่ด้วย”
ราชครูเหอถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะพูดว่า “ทำไมจะไม่มาเล่า ด้วยกำลังอันน้อยนิดของรัฐเฉียว เราจะต่อต้านรัฐจิ้วได้อย่างไร ถ้าเราไม่มาตามคำเชิญ รัฐจิ้วก็จะมีข้ออ้างในการยกกองทัพมาโจมตีเรา เจ้าคิดว่ากองทัพของรัฐเฉียวสามารถต้านทานพวกเขาได้หรือ ถึงตอนนั้นรัฐของเราคงล่มสลายและประชาชนของเราก็คงตายกันหมด…”
ไม่ใช่ว่ารัฐเฉียวไม่อยากต่อต้าน แต่พวกเขาไม่มีหนทางจะทำเช่นนั้นได้ต่างหาก
รัฐชีมีกองทัพรุ่ยหลินที่มีกองกำลังที่แข็งแกร่งหลายแสนคนพร้อมจะเสี่ยงชีวิต แต่รัฐเฉียวมีอะไร กองทัพของรัฐเฉียวทั้งหมดรวมกันยังไม่ถึงหนึ่งแสนคนเลย เนื่องจากภูมิประเทศล้อมรอบด้วยภูเขาและขาดแคลนทรัพยากร งบประมาณทางทหารในรัฐของพวกเขาจึงไม่สามารถทำสงครามได้ ถ้าหากถูกบุกโจมตี ไม่ถึงสามวันรัฐเฉียวก็พินาศแล้ว!
รัฐเล็กๆ ที่รอดอยู่ในระหว่างช่องว่างนั้น ย่อมไม่มีทางเลือกนอกจากอดทนอดกลั้นต่อไป ใครจะรู้ว่าในใจลึกๆ ของพวกเขาเก็บซ่อนความเกลียดชังเอาไว้มากขนาดไหน
หัวหน้าองครักษ์เงียบกริบ
ในบ่ายวันต่อมา ฮ่องเต้รัฐจิ้วก็ออกมาจากวังหลวง เขาได้เชิญผู้นำของรัฐอื่นๆ ทั้งหมดที่อยู่ในเมืองหลวงของรัฐจิ้วไปรวมตัวกันที่ลานกว้างแห่งหนึ่ง
ฮ่องเต้น้อยนั้นอายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้นำทั้งหมด และราชครูเหอก็ได้ยืนกรานที่จะไปกับเขาแล้ว แต่ทหารของรัฐจิ้วก็แข็งแกร่งและดุร้ายมาก พวกเขาไม่ยอมท่าเดียวและได้นำพระราชโองการของฮ่องเต้รัฐจิ้วมายืนยันว่ามีเพียงผู้ครองรัฐเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเฝ้า
ราชครูเหอคัดค้านซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เขาก็โดนทหารรัฐจิ้วทุบตีจนบาดเจ็บ ทหารองครักษ์ของรัฐเฉียวอยากตอบโต้ แต่สู้จำนวนทหารของรัฐจิ้วไม่ได้ เมื่อไม่มีทางเลือก ฮ่องเต้น้อยจึงถูกทหารรัฐจิ้วพาตัวไป ขณะที่ถูกพาไปนั้น ฮ่องเต้น้อยก็เอาแต่หันหน้ากลับมามองพวกเขา พยายามจะพูดรับรองให้ราชครูเหอมั่นใจ
“ท่านราชครู พอข้าได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้รัฐจิ้ว ข้าจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเสด็จพี่เอง ท่านราชครูวางใจเถอะ อยู่ที่นี่รอข้ากลับมา”
ตอนที่ 1224 ที่ลานชุมนุม
ขณะที่ฮ่องเต้น้อยถูกทหารรัฐจิ้วพาตัวไปนั้น ภายนอกเขาทำท่าทางกล้าหาญ ไม่ยอมเผยความกลัวภายในใจออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เขาเป็นเพียงแค่เด็กอายุแปดเก้าขวบเท่านั้น และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกจากเมืองจัวเฉียว เป็นครั้งแรกที่เขาถูกแยกจากราชครูเหอและเหล่าทหารที่เขาคุ้นเคย ต้องไปกับทหารของรัฐจิ้วที่ดุร้ายน่ากลัวพวกนั้น จึงช่วยไม่ได้ที่ฮ่องเต้น้อยจะใจสั่น แต่เขาจำได้ว่าเขาเป็นฮ่องเต้ของรัฐเฉียว เขาต้องไม่ทำให้รัฐเฉียวต้องอับอาย ดังนั้นเขาจึงได้แต่เก็บซ่อนมือที่กำลังสั่นระริกเอาไว้ในแขนเสื้อ พยายามแสดงท่าทางสงบนิ่งซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ครองรัฐต้องมีอย่างเต็มที่
ราชครูเหอเคยพูดเอาไว้ว่า เขาเป็นฮ่องเต้ของรัฐเฉียว ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เขาต้องไม่นำความอับอายมาสู่รัฐ
หลังจากเดินอยู่พักใหญ่ ในที่สุดฮ่องเต้น้อยก็มาถึงบ้านหลังหนึ่งของรัฐจิ้ว ด้านนอกบ้านมีชายกลุ่มหนึ่งสวมเสื้อผ้าหรูหราและมีมงกุฏอยู่บนศีรษะ กำลังยืนรออยู่นานแล้ว ฮ่องเต้น้อยจำได้ว่าราชครูเหอเคยบอกเขาว่า คนที่สวมมงกุฏบนศีรษะคือฮ่องเต้ เขาจึงเดาว่าคนพวกนี้คือฮ่องเต้จากรัฐต่างๆ แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงมายืนอยู่ที่นี่ เหมือนพวกเขากำลังรอใครบางคนอยู่
การปรากฏตัวของฮ่องเต้น้อยดึงดูดความสนใจของผู้ครองรัฐคนอื่นๆ เมื่อพวกเขาเห็นว่าเขาเด็กมากขนาดที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลานๆ ของพวกเขา พวกเขาก็อดแสดงสีหน้าสงสารขึ้นมาไม่ได้
รัฐเฉียว…
รัฐที่เล็กที่สุดในโลก เล็กมากจนแทบไม่มีใครสนใจพวกเขาเลย
ขนาดผู้ครองรัฐของพวกเขาก็ยังเป็นเด็กเล็ก
แม้ว่าในแววตาของผู้ครองรัฐหลายคนจะมีแววสงสาร แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถกังวลถึงคนอื่นได้ เนื่องจากพวกเขาเองก็รู้สึกวิตกกังวลเรื่องของตัวเองมากแล้ว
ผู้ครองรัฐจากรัฐต่างๆ ยืนรออยู่ด้วยกัน โดยที่ไม่กล้าพูดคุยกันมากนัก แม้ว่ารัฐจิ้วจะไม่ใช่รัฐที่มีอำนาจมากที่สุด แต่ผู้คนต่างก็กลัววิธีการที่โหดเหี้ยมชั่วร้ายของพวกเขามาก
หากกล่าวว่า รัฐเหยียนทำให้ทะเลทั้งสี่ยอมสยบต่อพวกเขาด้วยอำนาจความยิ่งใหญ่ที่เหนือกว่าอย่างสมบูรณ์แล้วละก็ อย่างนั้นรัฐจิ้วก็ทำให้ทะเลสาบทั้งห้ากลัวพวกเขาด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมโลหิตเย็น
หลังจากรออยู่นาน ฮ่องเต้รัฐจิ้วก็เดินกรีดกรายเข้ามาอย่างช้าๆ พร้อมด้วยทหารติดตาม ฮ่องเต้รัฐจิ้วอายุเลยวัยห้าสิบปีไปแล้ว แต่เขายังดูเหมือนอายุสี่สิบต้นๆ อยู่ มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าขาวอมชมพูของเขา ชายชราหลังค่อมที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาดูเหมือนจะอายุแปดสิบไปแล้ว ใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่นตามวัย แต่ดวงตาคมกริบทะลุทะลวง ทำให้ผู้คนไม่กล้ามอง
“มากันครบแล้วหรือ” ฮ่องเต้รัฐจิ้วถามขณะยืนอยู่กลางผู้ครองรัฐคนอื่นๆ ไม่แสดงท่าทีสุภาพเกรงอกเกรงใจใครทั้งนั้น แต่กลับแสดงท่าทางว่าตัวเขานั้นมีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือทุกคน
พวกผู้ครองรัฐที่อยู่ที่นั่นไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพยักหน้ายิ้มๆ
“ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่กันครบแล้ว อย่างนั้นก็เข้าไปข้างในกันเถอะ” ฮ่องเต้รัฐจิ้วก้าวเข้าไปในบ้านก่อน และชายชราคนนั้นก็ตามไปติดๆ แต่ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในบ้าน สายตาของเขาก็กวาดมองไปที่ร่างของฮ่องเต้น้อยซึ่งซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน
สายตานั้นเหมือนสายตาของงูพิษที่ร้ายกาจจนทำให้ฮ่องเต้น้อยรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เมื่อฮ่องเต้น้อยเห็นทุกคนเข้าไปในบ้านแล้ว เขาก็ตามพวกเขาเข้าไปข้างในโดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
หลังจากก้าวเข้ามาในบ้านแล้ว ฮ่องเต้น้อยก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าที่น่าสะอิดสะเอียนทันที กลิ่นเหม็นเน่าผสมกับกลิ่นสมุนไพร เหม็นเสียจนฮ่องเต้น้อยต้องขมวดคิ้ว
เมื่อพวกเขาเข้าไปในลานบ้าน พวกเขาก็เห็นโถขนาดใหญ่จำนวนมากจัดเรียงอย่างเรียบร้อยอยู่ในลานกว้าง ฮ่องเต้น้อยชะเง้อคอมองพวกมัน พอเห็นเข้า เขาก็ตกใจกลัวจนเกือบล้มลงไปนั่งบนพื้น!
ภายในโถขนาดใหญ่พวกนั้น ทุกอันบรรจุร่างมนุษย์เอาไว้!
มีของเหลวสีดำอยู่ข้างในโถ และคนพวกนั้นก็แช่อยู่ในของเหลวนั่น โผล่ออกมาแค่หัว เขาเห็นว่าใบหน้าของคนที่แช่อยู่ในโถพวกนั้นเจือด้วยสีม่วง แต่ไม่มีการขยับเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิ้วเดียว