War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1967
ตอนที่ 1,967 : พลังเซียนสุริยันที่เทียบได้กับพลังเซียนขอบเขตเซียนนภาขั้นกลาง!
เขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 แห่งนี้ ก็มีเขตที่พักแบ่งเป็นระดับเหมือนกันกับเขตที่พักของเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ ซึ่งแบ่งออกเป็นกระท่อมชั้น 4 บ้านชั้น 3 เรือนชั้นรอง และตำหนักเอกอุ!
เรียงตัวดั่งพีระมิด 4 ชั้น!
อย่างไรก็ตามเนื่องจากกศิษย์ในเขตลงทัณฑ์นั้นไม่ได้มีมากมายเหมือนในแท่นบูชาจตุรลักษณ์ เช่นนั้นที่อยู่อาศัยจึงลดจำนวนลง
ยกตัวอย่างเช่นในแท่นบูชาจตุรลักษณ์แต่ละที่จะมีตำหนักเอกอุอยู่ 10 หลัง ทว่าที่นี่กลับมีเพียง 1 หลังเท่านั้น
เรือนชั้นรอง มีเพียง 10 หลัง
บ้านชั้น 3 มีแค่ 100 หลัง
ส่วนกระท่อมชั้น 4 มีราวๆ 2,000 กว่าแห่ง
ยังมีศิษย์ที่ทำได้แค่สร้างที่นอนในพื้นที่เหมืองอยู่ด้วยเช่นกัน…
เมื่อมาถึงเขตที่พักของเขตลงทัณฑ์ ต้วนหลิงเทียนก็แหงนมองขึ้นไปยังเกาะลอยเหนือฟ้าสูงเกาะหนึ่งทันที
เกาะลอยเกาะนี้ลอยล่องเด่นเป็นสง่ากลางฟ้าสูง ดั่งจันทร์กระจ่างค้างฟ้ายังเสมือนหงส์ในฝูงกาซึ่งแลดูโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ
“ไม่มีคนอยู่งั้นเหรอ…”
ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างขึ้นมาใกล้ๆกับตำหนักเอกอุของเขตลงทัณฑ์ หลังแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบก็พบว่าตำหนักเอกอุหลังนี้ว่างเปล่าร้างผู้คน
“ดูเหมือนว่าเจ้าของตำหนักเอกอุจะไปขุดหินเซียนแล้วยังไม่ได้กลับมา”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำเบาๆ
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ลอยร่างรอคอยให้เจ้าของตำหนักเอกอุกกลับมา
‘สามารถอาศัยอยู่ในตำหนักเอกอุที่มีเพียงหลังเดียวแบบนี้ในเขตลงทัณฑ์ได้ ย่อมหมายความว่าพลังฝีมือของมันสูงส่งที่สุดในบรรดาศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ที่ถูกส่งมารับโทษใช้แรงงานที่เหมืองนี่!’
แม้จะคาดเดาพลังฝีมือของอีกฝ่ายได้ออก แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไร
ตอนนี้พลังฝึกปรือของเขาได้บรรลุถึงเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดแล้ว อาศัยพลังเซียนสุริยันอย่างเดียวพลังของเขาก็เทียบได้กับพลังของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุด
ด้วยเหตุนั้นในวันนี้ตอนเขาประมือกับหนิวคง เมื่อเขาใช้ออกด้วยปีกอีกาทองคำ เขาจึงสยบหนิวคงที่พลังฝึกปรือพึ่งทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย…
แต่แรกพลังของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหนิวคง
เช่นนั้นกการเอาชนะหนิวคง ต้วนหลิงเทียนก็แทบไม่รู้สึกลำบากแต่อย่างไร
แน่นอนว่าเอาชนะหนิวคงได้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่ายินดีตรงไหน
กระทั่งต่อให้เขาจะเอาชนะเจ้าของตำหนักเอกอุตรงหน้าได้ เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีความสำเร็จอะไร
เพราะตั้งแต่ตอนที่พลังฝึกปรือของเขาอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง อาศัยเวทย์พลังขั้นสูงที่มีเขาก็ถึงขั้นสามารถฆ่าผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นได้แล้ว กระทั่งตอนนั้นพลังรบของเขายังเรียกว่าเทียบได้กับเซียนนภาขั้นกลางทั่วไปด้วยซ้ำ!
ทว่าตอนนี้ด่านพลังเขากลับทะลวงผ่านมาอีก 2 ขั้น บรรลุถึงเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดเป็นที่เรียบร้อย!
กล่าวคือตอนนี้พลังของเขาเรียกว่าครอบงำผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญทั่วไปเกือบทั้งหมด และทัดเทียมได้กับเซียนนภาขั้นสูงสุด
แต่แน่นอนว่าคำกล่าวครอบงำเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญนั้น ย่อมหมายถึงในกรณีที่อีกฝ่ายไม่เชี่ยวชาญเวทย์พลังใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวทย์พลังขั้นสูง หาไม่แล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่าสามารถสยบผู้ฝึกกตนขอบเขตเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญทั้งหมดในใต้หล้าได้ เพราะยังมีตัวแปรอีกมากมายที่เขาไม่ทราบค่า…
“นั่นมิใช่ต้วนหลิงเทียนหรือไร…ไฉนไปลอยร่างใกล้ๆตำหนักเอกอุเช่นนั้นเล่า?”
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เหล่าศิษย์ที่ไปขุดหินเซียนประจำวันเสร็จ ต่างก็ทยอยกันกลับที่พัก จนได้เห็นร่างต้วนหลิงเทียนที่ลอยเด่นกลางฟ้าสูงใกล้ๆกับเกาะลอยอันมีตำหนักเอกอุปลูกสร้างเอาไว้…
“มัน…หรือว่า…มันคิดจะท้าทายศิษย์พี่ซุนเต๋อเพื่อชิงตำหนักเอกอุ!?”
ไม่นานศิษย์คนหนึ่งก็หยีตากล่าวออกด้วยอาการตื่นตระหนก เมื่อฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ออก
“เรื่องนี้…อาจเป็นไปได้จริงๆ!”
คนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที
“บ้า! มันบ้าไปแล้ว! มันคิดว่าศิษย์พี่ซุนเต๋อจะเหมือนศิษย์เซียนนภาขั้นต้นที่มันฆ่าไปหรือไง? ตอนนี้เท้าข้างหนึ่งของศิษย์พี่ซุนเต๋อเสมือนก้าวย่ำลงไปในขอบเขตเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญแล้ว กระทั่งอาจทะลวงถึงเซียนนภาขั้นกลางได้ทุกเมื่อ!”
“มิผิด! ตราบใดที่ศิษย์พี่ซุนเต๋อทะลวงถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญล่ะก็ ศิษย์พี่ย่อมมีโอกาสสูงนักที่จะได้เข้าเป็นศิษย์ฝ่ายในของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถึงวันนั้นศิษย์พี่ก็สามารถออกจากเหมืองลำดับที่ 1 แห่งนี้ได้ โดยไม่ต้องรับโทษทัณฑ์อันใดอีก!”
…
ฟังจากวาจาของเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ จะเห็นได้ว่าพวกมันเลื่อมไสและเคารพผู้ที่ถูกเรียกว่า ‘ศิษย์พี่ซุนเต๋อ’ คนนี้ขนาดไหน
ในวาจายังเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนไม่น่าเอาชนะศิษย์พี่ซุนเต๋อของพวกมันได้
อย่างไรก็แล้วแต่ พอได้เห็นต้วนหลิงเทียนนั่งขัดสมาธิกลางอากาศใกล้ๆตำหนักเอกอุคล้ายเฝ้ารอซุนเต๋อกลับมา พวกมันก็ไม่มีใครคิดจะกลับไปพักผ่อนยังที่พักของตัว ต่างรอซุนเต๋อกลับมาเหมือนต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
เมื่อเวลาผ่านไปเหล่าศิษย์ที่ออกไปทำงานก็ทยอยกลับกันมาเรื่อยๆ
เมื่อพวกมันเห็นว่า ต้วนหลิงเทียนสมควรคิดช่วงชิงตำหนักเอกอุของซุนเต๋อแน่แล้ว พวกมันก็ไม่คิดกลับไปพักแต่อย่างไรและเลือกจะลอยร่างขึ้นมารอคอยพร้อมกับคนที่อยู่ก่อนหน้าเช่นกัน
“จึกๆๆ! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้กระทั่งศิษย์พี่ซุนเต๋อที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์เราในเขตลงทัณฑ์แห่งนี้ยังกล้าท้าสู้เชียวหรือ! อย่างไรศิษย์พี่ซุนเต๋อก็นับเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนนภาขั้นกลางที่เจียนทะลวงถึงเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญเต็มที มิทราบมันไปพกพาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน?!”
“ยังไม่เพียงเท่านั้น! ศิษย์พี่ซุนเต๋อจะอย่างไรก็แตกฉานเวทย์พลังถึง 2 ชนิด! กระทั่งกล่าวกันว่าเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬที่ยากตีความหนักหนา บัดนี้ศิษย์พี่ซุนเต๋อก็เข้าใจไปกว่า 7-8 ส่วนแล้ว…ก่อนที่จะถูกส่งให้มารับโทษทัณฑ์ที่นี่ศิษย์พี่ซุนเต๋อยังได้รับการยอมรับว่าเป็น 1 ในศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ ที่มีความหวังว่าจักประสบความสำเร็จในการเพาะสร้างต้นแบบเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬแห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬมากที่สุดในรอบหลายสิบปี!!”
“ศิษย์พี่ซุนเต๋อเป็นคนของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ต้วนหลิงเทียนเองก็ใช่ คราวนี้ท่าทางพวกเราจะได้ดูศึกมือเก่าปะทะมือใหม่ให้สนุกสนานแล้วล่ะ! โอย…อยากให้ศิษย์พี่ซุนเต๋อกลับมาเร็วๆยิ่ง!!”
……
ยิ่งนานยิ่งมีเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์มาเฝ้ารอชมเรื่องราวการต่อสู้มากขึ้นเรื่อยๆ
‘ครึ่งก้าวเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญ?’
‘หนึ่งในศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่มีความหวังมากที่สุดที่จะเพาะสร้างต้นแบบเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬได้ในรอบหลายสิบปี?’
อย่างแรกไม่ทำให้ต้วนหลิงเทียนสนใจอะไร
ทว่าอย่างหลังนั้นสั่นคลอนใจต้วนหลิงเทียนให้หวั่นไหวขึ้นมาด้วยความวาดหวัง ‘หากซุนเต๋อคนนี้เข้าใจเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬแล้วล่ะก็…นับเป็นเรื่องดีสำหรับข้าเลยทีเดียว!’
ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดจนหัวหมุนว่าต้องทำอย่างไรถึงจะได้พบพานคนที่สำเร็จเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬ เพื่อที่เขาจะได้ให้อีกฝ่ายสำแดงเวทย์พลังให้เขาชมดูเป็นแนวทาง…
เพราะเขาตระหนักได้ว่า…
มีเพียงได้เห็นผู้อื่นสำแดงเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬเท่านั้น เขาถึงจะสามารถแตกกฉานเวทย์พลังปรากการเต่าทมิฬได้ในเวลาอันสั้น ด้วยใจกระจ่างจากผลของยอดใจกระบี่ ขอเพียงเขาเห็นคนใช้เวทย์พลังปราการเต่าทมิฬออกสักครั้งล่ะก็…เขาต้องล่วงรู้ถึงเคล็ดความสำคัญที่เขามองไม่ออกตอนนี้ได้แน่!
“ศิษย์พี่ซุนเต๋อกลับมานู่นแล้ว!!”
จนเมื่อเสียงร้องหนึ่งดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนที่หลับตาสงบใจรอคอยจึงได้ลืมตาขึ้นมา และเขาก็ได้แลเห็นศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์คนหนึ่งกำลังเหินหน้ามาทางตำหนักเอกอุ เป็นซุนเต๋อ!
ซุนเต๋อนั้นมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนที่แลดูธรรมดาๆคนหนึ่ง หากแต่มองผิวเผินคล้ายคนอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบตอนนี้จะครึกครื้นเพียงใด ทว่าอีกฝ่ายกลับทำสีหน้าอึมครึมคล้ายมีผู้ใดติดเงินแล้วไม่ยอมคืนอย่างไรอย่างนั้น…
“เจ้าคิดท้าข้าประลองงั้นหรือ?”
ครู่ต่อมาร่างซุนเต๋อก็เหินมาหยุดเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ค่อยกล่าวถามออกมาเสียงเรียบ
“ศิษย์พี่ซุนเต๋อโปรดชี้แนะด้วย…”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ
“รับกระบวนท่า!”
ซุนเต๋อช่างรวบรัดนัก สิ้นคำกล่าวมวลพลังขุมหนึ่งพลันปะทุออกทั่วร่าง เป็นกลิ่นอายจากพลังเซียนขอบเขตเซียนภาขั้นกลางที่มันเร่งเร้าโคจรออกมา!
ทันทีที่รัศมีพลังของมันแผ่กำจายออกมาจากร่าง ความว่างเปล่าโดยรอบคล้ายจะสะเทือนสะท้านสั่นไหวทันใด!
แรงกดดันจากพลังสภาวะของยอดยุทธ์ขอบเขตเซียนนภาขั้นกลาง ยามแผ่ซ่านออกมากดดันในบรรยากาศ เผยอานุภาพอันน่าครั่นคร้ามนัก!
“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”
เห็นทีท่ารวบรัดของอีกฝ่าย ใจต้วนหลิงเทียนคิดจิตสั่ง พลังเซียนสุริยันพลันโคจรพุ่งพล่านปานน้ำหลากไหลผ่านชีพจรเซียน 99 สายบรรลุถึงช่องพลังทั่วร่างฉับไว ปลดปล่อยพลังอำนาจของเวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินออกมาทันใด!
เวลาชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ โดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลางพลันอุบัติวังวนพลังดูดรั้งน่ากลัวขุมหนึ่ง! ชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่างต้วนหลิงเทียนทันที!
และเมื่อวังวนพลังดูดรั้งยิ่งหมุนวนเร็วขึ้นเท่าใด พลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบก็คล้ายจะถูกดูดรั้งให้พุ่งเข้าร่างเขาเร็วขึ้น! พริบตาพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบในบรรยากาศก็สาบสูญเข้าสู่ร่างต้วนหลิงเทียนหมดสิ้น!!
“นั่นน่ะหรือ…เวทย์พลังสายสนับสนุนของต้วนหลิงเทียนที่ร่ำลือกัน!!”
“ช่างเป็นเวทย์พลังสายสนับสนุนที่น่ากลัวอันใดเช่นนี้! ชั่วพริบตาที่วังวนพลังนั่นปรากฏ พลังวิญญาณฟ้าดินในสวรรค์และโลกรอบกาย กลับถูกดูดรั้งเข้าร่างของมันจนหมด!!”
“พวกเจ้าสัมผัสพลังของมันเร็ว! ยามนี้กลิ่นอายพลังทั่วร่างของมันกำลังเพิ่มพูนสูงขึ้นเรื่อยๆ!!”
…
ด้วยความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวของปฐมเวทย์กลืนกินที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก เหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ถึงกับตื่นตระหนกไม่น้อย สายตาของพวกมันคล้ายต้องมนตร์สะกด ถูกดึงดูดให้มองชมเรื่องราวจนตาไม่กระพริบ!
ต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญเวทย์พลังขั้นสูงที่น่ากลัวถึง 3 สาย…เรื่องนี้กาลก่อนพวกมันเพียงได้ยินจากข่าวลือมิเคยได้เห็นกับตา มาวันนี้พอได้เห็นตรงหน้าใจอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกกันนัก!
นั่นเพราะหลังต้วนหลิงเทียนสำแดงเวทย์พลังสายสนุนเลิศล้ำที่ร่ำลือ กลิ่นอายพลังของเขากลับพุ่งทะยานขึ้นมาด้วยความเร็วอัศจรรย์!
เดิมทีกลิ่นอายพลังเซียนสุริยันในร่างของต้วนหลิงเทียนก็ให้ความรู้สึกกล้าแข็งเหมือนดั่งพลังเซียนของตัวตนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดเท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อปฐมเวทย์กลืนกินสำแดงเดช…
กลิ่นอายพลังทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนก็เพิ่มพูนสูงขึ้นไม่หยุดยั้ง!
ไม่ทันไรกลิ่นอายพลังเซียนนภาขั้นต้นก็แผ่ซ่านออกทว่ากลับไม่หยุดเพียงเท่านั้น สุดท้ายตอนนี้กลิ่นอายพลังของต้วนหลิงเทียนก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นกลางเป็นที่เรียบร้อย!
หลังจากนั้นพลังเซียนสุริยันของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เพิ่มพูนสูงขึ้นอีกต่อไป
ทว่าแม้จะไม่เพิ่มพูนขึ้นอีกต่อไป แต่อาศัยรัศมีพลังที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างตอนนี้ ก็แทบไม่ต่างอะไรจากกลิ่นอายพลังที่ปะทุออกมาทั่วร่างของซุนเต๋อแม้แต่น้อย!
แน่นอนว่ายังมีเรื่องที่แตกต่างกันอยู่บ้าง นั่นคือพลังทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนตอนนี้เกิดจากการเพิ่มพูนของเวทย์พลังสายสนับสนุน หากแต่ของซุนเต๋อกลับเป็นพลังที่แท้จริงโดยมิได้เสริมเพิ่มอะไร!
“ข้าจำได้ว่าตอนที่ต้วนหลิงเทียนสังหารศิษย์แท่นบูชานกไฟที่มีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนนภาขั้นต้น มิใช่เวทย์พลังสายสนับสนุนนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนยกระดับพลังขึ้นมาได้ถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดมิใช่หรือไร?”
“ทว่าตอนนี้ด้วยเวทย์พลังสายสนับสนุนนั่น มันกลับสามารถยกระดับพลังของต้วนหลิงเทียนให้พุ่งทะยานขึ้นมาทัดเทียมกับพลังของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาขั้นกลางแล้ว!”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร…หากเป็นเช่นนี้ ข้ากลัวว่าคงมิใช่เรื่องยากสำหรับมันที่จะเอาชนะศิษย์พี่ซุนเต๋อ!”
“สวรรค์ช่วย! ไฉนในเวลาเพียงแค่ 3 เดือนพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนถึงได้ก้าวหน้าจนร้ายกาจได้ถึงขั้นนี้แล้วเล่า! นี่มันเป็นเพียงผู้ฝึกตนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองแน่เหรอ!?”
…
เหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์เมื่อได้เห็นว่าพลังเซียนสุริยันที่เพิ่มพูนขึ้นด้วยอำนาจของปฐมเวทย์กลืนกินกลับทรงพลังทัดเทียมกับพลังฝึกปรือซุนเต๋อ พวกมันก็อดไม่ได้ที่ตื่นตระหนกตกใจ ในใจบังเกิดความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเรื่องราวที่สองตาแลเห็นขึ้นมา!