บทที่ 602 ไม่ยกให้แล้ว

บทที่ 602 ไม่ยกให้แล้ว

ฉีเหลียงอิงคิดจะเกลี้ยกล่อมต่อ แต่เถียนเสี่ยวเหอกลับไม่ฟัง แล้วหมุนตัววิ่งกลับบ้านทันที

เสี่ยวเถียนยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “แม่รองไม่ต้องเกลี้ยกล่อมแล้วค่ะ คนแบบนี้ต่อให้ร่วมมือกันไป รังแต่จะสร้างปัญหาให้ในอนาคตค่ะ”

เถียนเสี่ยวเหอใจแคบเกิน ต่อให้เราเอาส่วนแบ่งมาได้ ก็ไม่แน่ว่าเธอจะไม่รายงานเราเสียหน่อย

เสี่ยวเถียนร่วมมือกับคนใจกว้างเท่านั้น ส่วนคนแบบเถียนเสี่ยวเหอเธอไม่ยอมรับหรอก

เด็กสาวไม่คิดสนใจต่อ และช่วยกันทำของอร่อยกับแม่รองอย่างมีความสุข

เธอกำลังคาดคะเนอยู่ว่าถ้าเราเดินทางเข้าเมือง คนฝั่งหรงเฉิงน่าจะกลับมาแล้วเช่นกัน

ส่วนของกินพวกนี้เอามาให้พวกพี่รองกิน

ขณะที่เรากำลังหัวเราะเฮฮาอยู่ในครัว

ซูฉางจิ่วได้เดินทางมาหา

“เสี่ยวเถียน ลุงขอโทษด้วยนะ ไม่คิดเลยว่าเจ้าคนน่าโมโหนั่นจะคิดแบบนี้” เขาอับอายเหลือเกิน

เพราะคิดว่าเรื่องดี ๆ แบบการให้สิทธิ์บ้านตัวเองดีกว่าให้คนอื่นเสียอีก ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าลูกสะใภ้ตัวเองทำตัวน่าผิดหวังเช่นนี้ แล้วยังกล้าเอากลับไปบอกอีกว่าเสี่ยวเถียนเป็นพวกนายทุน

ตอนฟังจบเขาแทบเป็นลมด้วยความโกรธจัด

เสี่ยวเถียนเป็นนายทุน?

คนแบบนี้จะเอาเปรียบครอบครัวเราน่ะนะ

คุ้มที่ลงแรงไหมล่ะ? แถมตอนนี้ถ้าเราจ้างคนในอำเภอทำงานก็ต้องจ่ายให้เขาเดือนละ 30 หยวน ซึ่งไม่ได้ต่างกันเลย

สิ่งที่มีมูลค่าคือสูตรแผ่นนั้นของเสี่ยวเถียนต่างหาก

เสี่ยวเถียนเอากำไรแค่นิดเดียวเอง แต่เธอดูแลเรานะ

เห็นซูฉางจิ่วเป็นแบบนี้ เด็กสาวพลันยกยิ้ม “ลุงฉางจิ่ว เรื่องนี้ทุกคนต่างก็มีความทะเยอทะยานเป็นของตัวเองค่ะ เราบังคับกันไม่ได้หรอก”

ชายชราเองก็เป็นพวกจิ้งจอกเฒ่ามีหรือจะไม่เข้าใจความหมายนั้น

นี่คือการตัดโอกาสชัด ๆ

เขาได้แต่แอบด่าลูกสะใภ้อยู่ในใจ โอกาสดี ๆ แบบนี้ก็ยังพลาดมันอีก

ในที่สุดซูฉางจิ่วก็เดินกลับบ้านอย่างเอื่อยเฉื่อย

เถียนเสี่ยวเหอที่กำลังรอข่าวดีกลับต้องตกใจเมื่อพ่อสามีบอกว่าเสี่ยวเถียนไม่เห็นด้วย

ในหงซิน มีใครไม่ไว้หน้าเขาบ้างล่ะ?

“พ่อคะ มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน? ไม่ไว้หน้าครอบครัวเราไม่พอ ยังมองข้ามความหวังดีคนเขาอีก?”

“หวังดี? ให้มันแน่ว่าใครหวังดีใครกันแน่”

เสี่ยวเถียนอยากได้ความหวังดีจากเขา?

คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง อยากได้อะไรก็มีหมดจะมาอยากได้ความหวังดีจากเขาไปทำไม?

“สะใภ้รอง เรื่องที่เธอถือฉันเป็นหัวหน้ากองชุมชนก็เรื่องนึงแล้วนะ ฉันเองก็เป็นแค่คนธรรมดานะ”

ถึงจะไม่รู้ว่าครอบครัวเสี่ยวเถียนมีชีวิตในเมืองหลวงยังไง ดีหรือไม่ดี แต่แน่นอนว่าพวกเขามีคนคอยดูแลอยู่ที่นั่น เพราะถ้าไม่มี มันไม่มีทางที่ครอบครัวนี้จะพัฒนาได้ก้าวกระโดดขนาดนี้หรอก

แต่เถียนเสี่ยวเหอไม่อาจเข้าใจได้ และเอาแต่โต้เถียง

“พ่อ พ่อเป็นหัวหน้ากองชุมชนนะ!”

“ฉันเป็นแล้วมันยังไง? มันแค่ก็หัวหน้ากองชุมชนเองนะ ตอนนี้นโยบายประเทศเรากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฉันไม่รู้ว่าจะเป็นหัวหน้าได้อีกกี่ปี!” ซูฉางจิ่วทอดถอนใจ

เขาอยากหาทางดี ๆ ให้ลูกหลานที่บ้าน แต่ทางออกที่ว่านี่มันจัดการง่ายเสียที่ไหน?

ลูกสาวไม่ห่วงหรอก อนาคตมีกินแน่นอน แต่ลูกชายอีกสองคนนี่แหละที่เป็นปัญหาครั้งนี้ได้โอกาสอันดี แต่กลับโดนคนโง่เขลาทำให้ผิดพลาด

ชายชรากลับห้อง ไม่คิดอยู่กับลูกสะใภ้ต่อ

เสี่ยวเหอตามหาเสี่ยวเฉ่าและบ่นให้ฟัง

“พี่สะใภ้รอง ฉันไม่คิดว่าพี่พูดถูกนะคะ สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างสองปีที่แล้วนะ”

“แล้วมันผิดตรงไหนล่ะ จะสองปีก่อนหรือจะตอนนี้ต่างกันตรงไหน?” เสี่ยวเหอยังไม่เข้าใจ

“ตอนนี้ในเมืองมีร้านเปิดเยอะแยะเลยค่ะ บางคนเปิดแล้วก็ต้องจ้างคนมาช่วยงาน โดยจ่ายให้เดือนละ 30 หยวน บางร้านก็จ้างคนมาทำเยอะแยะเลย”

เสี่ยวเฉ่าพยายามกล่อมพี่สะใภ้ให้เปลี่ยนใจ

เพราะเธอเป็นคนมีความคิดดี ถ้าสามารถทำอะไรได้มันจะต้องดีกว่าอยู่ในชนบทแน่นอน

แต่ถ้าความคิดในตอนนี้ยังไม่คิดเปลี่ยน จะให้มีอนาคตยาวก็คงเป็นไปได้ยาก

“แต่พวกเราไม่เหมือนกันไง ร้านค้าเป็นสิ่งที่พี่อยากเปิดนะ” เสี่ยวเหอคิดไม่ติดว่าตนผิดตรงไหน

“พี่เปิดร้านไม่ผิดค่ะ แต่ถ้าไม่มีสูตรอาหารของเสี่ยวเถียน พี่จะเปิดร้านได้หรือ?”

“ฉัน ก็ถ้าไม่มีฉัน สูตรของเสี่ยวเถียนมันก็เป็นแค่กระดาษเท่านั้นล่ะ!”

ในที่สุดก็เข้าใจเสียทีว่าพี่สะใภ้เป็นพวกถือตัวเองเป็นใหญ่

“เสี่ยวเถียนหาร้านเอง เปิดร้านเอง และให้คนมาช่วยดูแลค่ะ แค่นี้ก็คลี่คลายปัญหาได้แล้ว!”

บอกหมดเปลือกขนาดนี้ แต่อีกฝ่ายก็ยังตีมึนไม่เข้าใจต่อ

“เสี่ยวเฉ่า งั้นบอกพี่ที ตอนนี้พี่ควรทำยังไง?”

ไม่มีทางให้หนีแล้ว เสี่ยวเหอจึงร้อนรนขึ้นมา

“พี่สะใภ้รอง ฉันว่าคงทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ เสี่ยวเถียนตัดสินใจแล้ว เธอเป็นคนเด็ดขาด ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน”

ต้องพลาดโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปเสี่ยวเฉ่าเสียใจมาก แต่มันทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ

“งั้นก็ไม่มีโอกาสแล้วหรือ?” อีกฝ่ายพึมพำ

ซูเสี่ยวเฉ่าพยักหน้า “ไม่มีโอกาสแล้วค่ะ”

“ไม่งั้น เสี่ยวเฉ่าช่วยไปถามหน่อยได้ไหม? สนิทกันไม่ใช่หรือ?”

“พี่สะใภ้รอง ความสัมพันธ์ฉันกับน้องก็มีแค่นั้นค่ะ ที่เธอสนิทจริง ๆ คือเสี่ยวเหมย ไม่ใช่ฉันสักหน่อย!”

เสี่ยวเฉ่าชัดเจนตำแหน่งของเธอในใจเสี่ยวเถียนมาก

ส่วนเสี่ยวเหอตะลึงงันไปแล้ว หลังจากนั่งโง่อยู่พักใหญ่ จู่ ๆ ก็ลุกพรวดพราดขึ้นมา “มันก็แค่สูตรอาหารไม่ใช่หรือไง? ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่เห็นจะเข้าใจ”

เสี่ยวเฉ่ามองคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงเกินตัว คิดอยากจะพูดสักอย่างแต่ไม่เอาดีกว่า

อีกฝ่ายดูมึน ๆ งง ๆ โน้มใจไปก็เท่านั้น ช่างเถอะ ปล่อยเธอไป รอจนหมดปัญญาก็ดีเองล่ะ

เสี่ยวเถียนเดินทางไปบ้านหลี่จู้จื่อ

ตอนนี้ภรรยาจู้จื่อกำลังซักผ้า ทันทีที่เห็นเด็กสาวก็รีบร้อนเช็ดมือแล้วเรียกให้อีกฝ่ายนั่ง

“เสี่ยวเถียน มาหามีอะไรหรือเปล่า? ฉันเพิ่งจะพูดไปอยู่หยก ๆ ว่ามีของดีอยู่กำลังจะเอาไปให้น่ะ”

“อาสะใภ้สี่ วันนี้มีเรื่องมาปรึกษาอาค่ะ อยากรู้ว่าอาสนใจหรือเปล่า”

“มีเรื่องดีอะไรหรือ? เสี่ยวเถียนมาหาแบบนี้ต้องดีแน่เลย!” สะใภ้จู้จื่อเอ่ยอย่างมีความสุข ก่อนเทน้ำหวานให้เด็กสาว

เสี่ยวเถียนไม่ได้อยากดื่ม แต่เพราะเขาตั้งใจทำมาให้จึงรับมาดื่มด้วยรอยยิ้ม

“หวานหรือเปล่าเสี่ยวเถียน ถ้าไม่หวาน ให้อาเติมน้ำตาลอีกไหม?”

เด็กสาวโบกมือ “หวานมากค่ะ!”

หวานจริง ๆ นะ แสดงว่าแกใส่น้ำตาลเยอะแน่นอน!

เสี่ยวเถียนวางถ้วยไว้ข้าง ๆ หลังดื่มเสร็จ จากนั้นก็เอ่ยถาม

“อาสะใภ้สี่ แม่รองอยากเปิดร้านไข่พะโล้ในเมืองค่ะ แต่หัวหน้าซูบอกว่าจะเปิดในอำเภอเพราะปัญหาเรื่องฟาร์มไก่ค่ะ หนูเลยคิดว่าถ้าเปิดในอำเภอด้วยอีกที่อาจะสนใจหรือเปล่าคะ?”

เสี่ยวเถียนไม่คิดปิดบังแล้วเอ่ยจุดประสงค์ออกไปตรง ๆ