ตอนที่ 633 เจ้าจะมาเป็นศิษย์ข้ารึเปล่าล่ะ

My Disciples Are All Villains

ตอนที่ 633 เจ้าจะมาเป็นศิษย์ข้ารึเปล่าล่ะ?

ชายผู้แต่งกายดีไม่ได้สนใจอะไรความโกรธแค้นที่ชาวบ้านมี เขาเหลือบมองอาไร่ด้วยความ เย็นชาแทน “ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ลุกขึ้นยืนใหม่ เจ้าจะมากับข้ารึเปล่า?”

อาไห่เงยหน้าขึ้นก่อนที่จะสบสายตาชายผู้แต่งกายดี ตัวเขายังคงนิ่งเงียบ

ชายคนเดิมพูดต่อไป “ข้าสามารถให้เจ้ากลายเป็นชาวรั่วหรี่ได้ เมื่อเป็นแบบนั้นชาวบ้านที่นี่ก็จะไม่ทําให้เจ้าล่าบากอีกต่อไป…เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ? หรือเจ้ายินดีที่จะใช้ชีวิตเป็นทาสที่นี่ตลอดไป?”

อาไฟไม่ตอบ เขาเลือกที่จะถ่มน้ําลายกลับไปแทน

ชายแต่งกายดีไม่ได้รู้สึกโกรธ เขาส่ายหัวก่อนที่จะถามอีกครั้ง “ข้าจะถามเป็นครั้งสุดท้าย จะไปด้วยกันกับข้าไหม?” ที่แววตาของเขาเปลี่ยนไป มันเต็มไปด้วยจิตสังหาร

ในตอนนั้นเอง

โฮร็กก!

เสียงร้องของอะไรบางอย่างดังมาจากทางทิศตะวันตก

ชาวบ้านที่มีอาชีพล่าสัตว์ต่างก็หันไปมอง

“สัตว์ร้ายอย่างงั้นเหรอ?”

“นายท่าน…มีสัตว์ร้าย!”

เมื่อได้ฟังแบบนั้นชายผู้แต่งกายดีก็ได้แต่สงสัย “ที่นี่เป็นสถานที่อันห่างไกล มันอยู่ห่างจากหุบเหวแสนฟุตเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ที่แบบนี้จะไปมีสัตว์ร้ายอยู่ได้ยังไงกัน?”

ทันทีที่พูดจบ สัตว์ร้ายที่ดูคล้ายกับเสื้อก็บินมาจากทิศตะวันออก มันจ้องไปที่ทุกคนในขณะที่คาบฝักดาบที่เปื้อนโคลนเอาไว้ในปาก

ในเวลาเดียวกันก็มีใครบางคนปรากฏตัวจากป่า

คนที่ปรากฏตัวออกมาคนแรกก็คือลู่โจวนั่นเอง เขากําลังยืนไขว้หลังในขณะที่เหลือบมองมา

ทุกๆ คนตามมาติดๆ

ทุกคนก่าลังตามสัตว์ร้ายที่คาบฝักดาบจนมาถึงที่นี่

สัตว์ร้ายที่ว่าไม่ได้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว มันเลือกที่จะเดินเร็วตรงมาเท่านั้น

ไม่นานนักสัตว์ร้ายก็นําทางพวกเขาทุกคนมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน

เมื่อลู่โจวมาถึงตัวเขาก็ได้กวาดตามองชาวบ้านกลัวทั้งหลาย ชายผู้แต่งกายดูดีที่กําลังถือไม้เท้าเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีหมาป่าตัวใหญ่สองตัว มีเพียงยู่เฉิงไห่เท่านั้นที่นอนขดตัวอยู่บนพื้น พร้อมกับเอามือป้องกันศีรษะเอาไว้

สาวกของลู่โจวทุกคนไม่เคยเห็นยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มมาก่อน แต่ในฐานะที่ลู่โจวเป็นอาจารย์ เขาจะจดจําลูกศิษย์ไม่ได้ได้ยังไงกัน

รูปลักษณ์ของยู่เฉิงไห่ในตอนนี้อยู่ในความทรงจําขอจเทียนเดําที่มีเมื่อสามร้อยปีก่อน

ลู่โจวเหลือบมองชาวบ้านอีกครั้ง ด้วยพลังวรยุทธที่มีในตอนนี้การจะกวาดล้างชาวบ้านไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่เพราะเห็นแก่สาวกของเขาลู่โจวจึงไม่เลือกที่จะลงมือ มันมีวิธีที่ดีกว่านั้น

เนื่องจากลู่โจวยังคงนิ่งเงียบ ทุกๆคนเลยไม่กล้าพูดอะไร

ลู่โจวเดินไปหายู่เฉิงไห่ ในตอนนั้นเองเขาก็ได้เห็นสีหน้าอันสับสนของยู่เฉิงไห่ “เจ้าชื่ออะไร?”

ลู่โจวถามคําถามเดียวกันกับคนคนเดิมเมื่อสามร้อยปีก่อน เขาสงสัยว่าค่าถามนี้จะกระตุ้นความทรงจําของยู่เฉิงไห่ในวัยหนุ่มได้รึเปล่า

ยู่เฉิงไห่มองไปรอบตัวก่อนจะตอบกลับมาอย่างสับสน “อา…ไร่”

ลู่โจวมองลงมาก่อนที่จะยืนฝ่ามือไปทางยู่เฉิงไห่

ทุกคนที่เห็นแบบนั้นได้แต่สับสน ไม่มีใครรู้ว่าลู่โจวต้องการท่าอะไร

สาวกทุกคนไม่เข้าใจเลยว่าทําไมผู้เป็นอาจารย์ถึงต้องทํากับชายหนุ่มที่ไม่รู้จักกันแบบนั้น

สี่ว์หยาเป็นผู้ใช้เวลาอยู่กับศิษย์พี่ใหญ่มานานแต่ก็ยังไม่เข้าใจ เมื่อสบตาของชายหนุ่มที่ดูสกปรก เขาก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาในใจ

ไม่มีใครเคลื่อนไหว

ลู่โจวเหยียดแขนออกไปก่อนที่จะรอให้ยู่เฉิงไห่จับมือเขา

ยู่เฉิงไห่ยกมือที่สั่นเทาขึ้นมา

เมื่อลู่โจวมองเห็นความสับสนบนใบหน้าของยู่เฉิงไห่ ตัวเขาก็ยิ้มจางๆ ให้ จากนั้นเขาก็ดึงยู่เฉิงไห่ให้ลุกขึ้นยืน

เมื่อมือของยู่เฉิงไห่จับไปที่มือของลู่โจว ในตอนนั้นภาพที่ดูพร่ามัวทั้งหลายก็ลอยผ่านความคิดของยู่เฉิงไห่ ในจิตใจของเขาเกิดความสับสนกว่าเดิม ชายชราคนนี้เป็นใครกัน?”

ในตอนนั้นเองชายผู้แต่งกายดูดีได้พูดขึ้น “ช้าก่อน”

ลู่โจวเหลือบมองชายคนนั้นอย่างไร้ความหมาย “ผู้ฝึกยุทธชาวรั่วหรือย่างงั้นเหรอ?”

“นี่คือดินแดนชาวรั่วหรี่ เป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะเป็นชาวรั่วหรี่” ชายที่แต่งกายดูดีพูดต่อ “ข้ามีชื่อว่าเกาหลง ข้าสนใจในตัวเด็กคนนี้ ข้าจะรับเขาเป็นศิษย์ของข้า”

“รับเป็นศิษย์อย่างงั้นเหรอ?”

เกาหลงพยักหน้า “เขามีพื้นฐานที่ดีและยังมีความสามารถ เขาจะต้องเป็นผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือในภายภาคหน้าได้แน่”

“เจ้ามีสายตาที่ดีใช้ได้” ลู่โจวตอบกลับ

ในตอนนั้นเองอาดงที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านก็ได้พูดแทรก “นายท่าน พวกมันมาจากดินแดนหยาน! กําจัดพวกมันเถอะ!”

ชาวบ้านทั้งหลายเคยเห็นความแข็งแกร่งของเกาหลงมาก่อน แต่น่าเสียดายที่เกาหลงไม่ตอบโต้อะไร เขามองไปที่ทุกคนก่อนจะพูดขึ้น “ข้าจะพาชายหนุ่มคนนี้ไปด้วย”

“งั้นก็มาดูกันว่าเจ้าจะทําได้รึเปล่า”

“หมายความว่ายังไงกัน?” เกาหลงถาม ในตอนที่กําลังจะโจมตีตัวเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังลึกลับจากด้านหลังชายชราได้ พลังวรยุทธของชายชราคนนี้ลึกล่าจนยากจะหยั่งถึง

เป็นธรรมดาที่ชาวบ้านจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังวรยุทธของแขกทั้งหลายได้ ทุกคนทําได้เพียงเฝ้าดูต่อไปเท่านั้น

ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไร เขาได้ปล่อยพลังลมปราณเข้าสู่ร่างกายของยู่เฉิงไห่เพื่อเป็นการตรวจสอบร่างกายแทน

เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ!” ดวงตาของยู่เฉิงไห่เบิกกว้าง จากสัญชาตญาณที่ตัวเขามี ยู่เฉิงไห่คิดว่าตัวเองจะต้องถูกช่วยไว้แน่

ลู่โจวมองไปที่ยู่เฉิงไห่ก่อนที่จะชี้ไปยังหมู่บ้านคู่ลั่ว “เจ้าต้องการจะเอาชนะพวกมันรึเปล่าล่ะ?”

ยู่เฉิงไห่พยักหน้าอย่างฉุนเฉียว แม้ว่าจะสับสนแต่เรื่องนี้ไม่เคยสั่นคลอน ยู่เฉิงไห้ไม่รู้เลยว่าลู่โจววางแผนที่จะทําอะไร เป้าหมายที่อยากจะเอาชนะทุกคนยังอยู่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด ยู่เฉิงไห่เกลียดความพ่ายแพ้ เขาต้องการที่จะฆ่าทุกคนให้หมด!

“ใช่” ยู่เฉิงไห่ตอบกลับ

“เอาล่ะ” ลู่โจวพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ถ้าหากเจ้าปรารถนาแบบนั้น ข้าก็จะสอนเจ้าเอง เจ้าเต็มใจที่จะเรียนรู้รึเปล่าล่ะ?”

ยู่เฉิงไห่พยักหน้า “ข้าสนใจ”

“มีคนมากมายในโลกต้องการให้ข้าสั่งสอน..ถ้าหากเจ้าต้องการจะเรียนรู้จากข้า เจ้าจะเต็มใจยอมเป็นสาวกของข้ารึเปล่าล่ะ?”

สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าตื่นตกใจ วันนี้ลู่โจวเป็นอะไรไปกันแน่ ทําไมถึงได้รับชายหนุ่มที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าแบบนี้ให้กลายเป็นศิษย์? ทําไมกัน?

ยู่เฉิงไห่หันไปสบตากับลู่โจว

ชายชราและชายหนุ่มตรงหน้ากําลังสบตากัน

300 ปีที่แล้วจเทียนเด่ไม่ได้ถามคําถามนี้ ตอนนี้ลู่โจวได้เติมเต็มความปรารถนาของยู่เฉิงไห่แทนเทียนเด่แล้ว

บางทีอาจจะเป็นเพราะความคุ้นเคยที่คลุมเครือ เพราะแบบนั้นยู่เฉิงไห่จึงเชื่อใจชายชราที่อยู่ตรงหน้าตามสัญชาตญาณ ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขายังอยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แม้ว่าจะเห็นด้วยกับลู่โจวแต่ยู่เฉิงไห่ก็ยังลังเลอยู่ ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะยู่ฉางตง ศิษย์พี่ของเขาได้บอกเอาไว้ว่าเขามีอาจารย์ที่ดีกว่ารออยู่ในดินแดนหยาน ท้ายที่สุดแล้วยู่เฉิงไห่ก็ตอบกลับมา “แต่…ข้ามีอาจารย์อยู่แล้ว”

เมื่อได้ยินแบบนั้นชาวบ้านหลายคนก็หัวเราะเยาะ

อาดงยิ้มเยาะ “เจ้าหมูสกปรกได้ประโยชน์ อาไห่ เจ้าจะไปมีอาจารย์ได้ยังไงในเมื่อเจ้ายังเอาชนะข้าไม่ได้ด้วยซ้ํา!”

“อย่างมากเจ้าก็แค่เคลื่อนย้ายของได้ นายท่านบอกว่าเจ้ามีความสามารถและพื้นฐานที่ดี ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะได้ใจแบบนั้น”

“เจ้าไม่สามารถที่จะเอาชนะหมาป่าสองตัวในหมู่บ้านได้ซะด้วยซ้ํา!”

ลู่โจวพูดอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ถ้าหากเจ้าสามารถเอาชนะเจ้าพวกนั้นได้ ข้าจะช่วยเจ้าตามหาอาจารย์เอง”

สุดท้ายแล้วก็ฉันนี่แหละอาจารย์

ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกยินดีอย่างที่ไม่เคยเป็น ตัวเขาไม่ลังเลอีกต่อไป ตัวเขาคุกเข่าลงก่อนจะคารวะให้กับลู่โจวถึงสามครั้ง มันเป็นการโค้งคํานับที่จริงใจอย่างไม่ต้องสงสัย

ทุกๆคนยังคงไม่เข้าใจ มีเพียงสี่ว์หยาเท่านั้นที่ต่างออกไป ในใจของเขามีแต่ความคิดอันซับซ้อนผุดขึ้นมา

อาดงชาวบ้านรัวหรี่หัวเราะอีกครั้ง “เจ้านั่นน่ะเหรอ? ถ้าหากเขาชนะข้าได้ ให้ข้าฆ่าตัวตายซะยังดีกว่า”

ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรชาวบ้านคนนั้น เขามองไปที่ยู่เฉิงไห่ที่กําลังลุกขึ้นยืน “ลงมือเถอะ”

“ครับ ท่านอาจารย์

ลู่โจวมองไปที่ยู่เฉิงไห่ก่อนที่จะยื่นแขนไปทางด้านข้าง “เอากระบี่มาให้ข้า”

“ฮะ?” ฝานซงสับสน

สีหยาสะบัดแขนเสื้อ

สุดท้ายแล้วฝานซงก็เดินมาหาก่อนที่จะวางกระบี่นิลโลหิตที่ได้มาให้กับลู่โจว

ลู่โจวพูดต่อ “ในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์ของข้า ข้าก็จะมอบกระบี่เล่มนี้ให้กับเจ้า จงใช้มันให้ดีล่ะ!”

ยู่เฉิงไห่สับสน ทันทีที่สัมผัสกับกระบี่ตัวเขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็น แม้จะรู้สึกแบบนั้นแต่ยู่เฉิงไห่ก็ยังรู้สึกคุ้นเคยกับกระบี่เล่มนี้ดีเขารู้สึกว่ากระบี่เล่มนี้เป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งของร่างกาย ความรู้สึกนี้ทําให้ยู่เฉิงไห่สั่นไปทั้งตัว แม้จะไม่พูดอะไรออกมาแต่ยู่เฉิงไห่ตกใจอย่างเห็นได้ชัด

ลู่โจวโบกฝ่ามือ ในตอนนั้นก็มีท่อนไม้ตกลงบนฝ่ามือของเขา “ข้าจะสอนเพลงกระบให้กับเจ้าเอง”

ชาวบ้านหัวเราะดังสนั่น

ยู่เฉิงไห่พยักหน้า “อั้ม”

“ตั้งใจฟังให้ดี” ลู่โจวหันกลับมาก่อนจะก้าวไปยังพื้นที่ที่ว่างอยู่ “วิชากระบี่ที่ข้าจะสอนให้ใจความสําคัญอยู่ที่การสะสมกระบี่พลังงานเป็นพันเล่ม เจ้าจะต้องเคลื่อนไหวโดยการสะบัดนิ้ว…” ลู่โจวกวัดแกว่งท่อนไม้ที่อยู่ในมือ เขาได้กวัดแกว่งมันไปทางซ้ายและขวา การเคลื่อนไหวของลู่โจวลื่นไหล เรียบง่าย และทั่วถึง

ทุกๆคนมองดูลู่โจวด้วยความเคารพ เขากําาลังสอนวิชากระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกให้กับชายหนุ่มตรงหน้า การเคลื่อนไหวของลู่โจวดูงดงามจนไม่อาจละสายตาได้

ปากของยู่เฉิงไห่อ้าออกมาด้วยความตื่นตกใจ ทั้งกระบี่และวิชากระบี่ที่เห็นมันคุ้นเคยกับตัวเขามาก มันเป็นเหมือนกับสิ่งที่ถูกปลูกฝังอยู่ในสายเลือดและจิตวิญญาณ ยู่เฉิงไห่ทําตามการเคลื่อนไหวของลู่โจวตามสัญชาตญาณด้วยกระบีนิลโลหิต

ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นดูพอใจ เขายังคงกวัดแกว่งท่อนไม้ต่อไป

“สายลมอันเงียบงัน พลังก็เป็นดั่งสายน้ํา แสงที่ไร้เงา กระบี่ที่รวดเร็ว…”

ชาวบ้านทั้งหลายเริ่มคิดว่าชายชราตรงหน้าเป็นพวกบ้า บางทีอาจจะเป็นเพราะสัมผัสพลังลมปราณไม่ได้ เพราะแบบนั้นชายชราจึงดูน่าขันมากกว่าที่จะดูน่านับถือ

แม้แต่เกาหลงผู้ฝึกยุทธก็ยังสับสน ชายชราคนนี้กําลังทําอะไร? ทําไมเขาถึงสอนชายหนุ่มที่เพิ่งจะพบหน้ากัน?”

“สายน้ําถ้าหากมารวมตัวกันก็จะเป็นแม่น้ําได้” ลู่โจวขยับแขนเร็วกว่าเดิมก่อนที่จะพุ่งไปยังต้นไม้ด้านหน้า เขาแทงต้นไม้ต้นนั้นด้วยท่อนไม่ในมือ

ตุ้ม!

ท่อนไม่เจาะทะลุต้นไม่ใหญ่ไปได้

ทุกคนต่างก็เบิกตากว้าง

“ผสานกันเป็นหนึ่งเดียว” ลู่โจวเคาะปลายเท้า ตัวเขาปลดปล่อยพลังลมปราณออกมาแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ลู่โจวพยายามที่จะเคลื่อนไหวให้ช้าลงเพื่อให้ยู่เฉิงไม่ได้เก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด เมื่อสิ้นสุดเพลงกระบี่ลู่โจวก็กระโดดขึ้นก่อนที่จะโยนท่อนไม้ “นี่ก็คือวิชาอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืด

ท่อนไม้ที่ถูกโยนได้ปลดปล่อยกระบี่พลังงานเล่มเล็กๆ อย่างต่อเนื่อง
ตู้ม! ตุ้ม! ตุ้ม!

ต้นไม้กว่าหลายสิบต้นรอบรัศมีกว่าสิบเมตรถูกพลังแสงดาวสรวงสวรรค์แห่งความมืดหักโค่น!

แม้ว่าสายลมจะหยุดพัดผ่านแต่กระบีพลังงานก็ยังคงถูกปลดปล่อยออกมา

ติดตามข่าวสาร/พูดคุยเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปล ไทย