บทที่ 496 การโต้กลับอันแสนรุนแรง

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 496 การโต้กลับอันแสนรุนแรง

ไม่ใช่ทหารทุกคนจะรู้จักดินระเบิด ทหารส่วนมากแม้แต่ได้ยินยังไม่เคยได้ยินมาก่อน และต่อให้เคยได้ยินมาก่อนก็ไม่เคยเห็นของจริงกันทั้งนั้น

ทหารแคว้นเฉินถูกระเบิดจนมึนงงไปหมด!

ทหารม้าที่เดิมทีเป็นระบบระเบียบพลันโกลาหลวุ่นวาย ครานี้คนนำทัพคือแม่ทัพที่มาจากตระกูลหรง แซ่หรงเช่นเดียวกัน นามว่าหรงเซิน

หรงเซินเป็นคนจำนวนน้อยที่เคยเห็นระเบิดมาก่อน ตอนที่เขาติดตามหรงเหยาไปเยี่ยมเยือนแคว้นเยี่ยน เจอชาวแคว้นเยี่ยนแสดงดินระเบิดของพวกเขาให้ดู จนใจที่เขายืนอยู่ไกลจึงได้ยินแต่เสียง ไม่ได้เห็นอานุภาพตอนที่ใช้

หลังจากนั้นหรงเหยาก็เล่าให้พวกเขาคนตระกูลหรงฟัง แต่พวกเขาไหนเลยจะจินตนาการออกมาได้

ยามนี้ แม้แต่หรงเซินยังทึ่ง

ทว่าเขาพยายามข่มความกลัวเอาไว้สุดกำลัง จึงไม่ทำให้พวกทหารสังเกตเห็นความผิดปกติ เขาดึงบังเหียน ตะโกนลั่น “ทุกคนอย่าแตกตื่น ก็แค่ก้อนหินก้อนหนึ่งเท่านั้น! ไม่ร้ายแรง…”

กึก กึก!

ก้อนหินยักษ์อีกก้อนกลิ้งลงมาอีกแล้ว คำพูดของหรงเซินถูกกลบด้วยเสียงอันน่าหวาดผวานี้

หรงเซินไม่ค่อยรู้จักดินระเบิดเท่าใดนัก แน่นอนว่าก็อาจจะเป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาได้เห็นการโจมตีที่มีการบาดเจ็บล้มตายอันร้ายกาจเช่นนี้ จู่ๆ จึงคิดหาวิธีที่ควรไม่ออก

เพื่อยืนยันกับเหล่าทหารว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่น่ากลัว เขาจึงชักดาบออกจากบั้นเอว ผ่าก้อนหินที่กลิ้งลงมา!

เสียงระเบิดกัมปนาถดังขึ้น หรงเซินถูกระเบิดกระเด็น!

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าตื่นตกใจเพียงพอ กู้เจียวจึงใช้ลูกระเบิดทั้งหมด อันที่จริงให้นางระเบิดครั้งที่สามก็ไม่ค่อยจะเป็นไปได้แล้ว

สัดส่วนของดินระเบิดมีพลังมากพอแต่ก็ยังด้อยกว่าวัตถุระเบิดในชาติก่อน พูดให้เข้าใจก็คือพลังสังหารและการสร้างความบาดเจ็บเป็นรอง หลักๆ แล้วจะทำให้ตื่นตระหนกตกใจเสียมากกว่า

ว่ากันตามตรง ถังเย่ว์ซานกับกองทัพของเขาค่อนข้างจะทึ่งเช่นกัน นี่มันตัวอะไรกันเนี่ย ระเบิดไม้ไผ่อย่างนั้นรึ ก็ไม่เหมือนนี่นา…

ถังเย่ว์ซานได้สติกลับมาคนแรก สถานการณ์ในสนามรบพลิกผันได้ตลอด ขวัญกำลังใจเดี๋ยวมากเดี๋ยวน้อยภายในชั่วพริบตา

ถังเย่ว์ซานไม่สนว่าไอ้สิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่ เขาดึงสายตากลับมา ชักกระบี่ยาวชี้ไปเบื้องหน้า ตะโกนขึ้น “กองกำลังของราชสำนักมาถึงแล้ว! กองทัพตระกูลกู้มาถึงแล้ว! ทุกคนบุก!”

ทุกคนต่างตกตะลึงกับระเบิดสองหนนี้ ไม่มีสติปัญญาไปคิดว่าที่ถังเย่ว์ซานว่ามามันจริงหรือเท็จ

ทหารม้าแคว้นเฉินที่ไร้ผู้นำต่างเสียกระบวนทัพ กองทัพของถังเย่ว์ซานเห็นเข้าก็มีขวัญกำลังใจเพิ่มมากขึ้น แม้ร่างกายจะหิวโซมาสามวันก็เหมือนจะมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยมขึ้นมาทันที ทุกคนชูดาบคมในมือขึ้น พร้อมกับวิ่งเข้าใส่ทหารม้าแคว้นเฉินอย่างไร้ปรานี!

แม้แคว้นเจาจะอ่อนแอ แต่บุรุษแคว้นเจาไม่มีใครขี้ขลาด!

ถังเย่ว์ซานบุกนำหน้าสุดกับม้าหนึ่งตัว

ครานี้กลายเป็นกู้เจียวที่เปิดทางให้เขา

กู้เจียวง้างธนู เขาไล่ฆ่าตรงไหน ธนูนางก็ไล่ตามไปที่นั่น

และเขาก็มอบด้านหลังเขาให้กู้เจียวจัดการเช่นกัน

ถังเย่ว์ซานพบว่าฝีมือการยิงธนูของกู้เจียวเป็นพรสวรรค์ที่น่าตกใจ เพียงแต่นางฝึกยิงน้อยมาก อย่างไรเสียก็แม่นสู้ถังเย่ว์ซานไม่ได้ มีหลายครั้งที่เกือบยิงโดนบั้นท้ายถังเย่ว์ซานเข้า

ถังเย่ว์ซานเหงื่อเย็นผุดซึมเป็นระลอกๆ

นางหนูข้าสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าจงใจหรือไม่!

ถังเย่ว์ซานเจอการล้อมโจมตีทั้งสามด้าน โดนบีบให้ลงจากม้า ธนูดอกหนึ่งพุ่งแหวกอากาศ ยิงเฉียดเป้ากางเกงเขาไป!

ถังเย่ว์ซานที่อีกแค่ครึ่งนิ้วก็จะถูกยิงถังถังน้อยเข้า “…”

ลูกธนูทะลุผ่านหว่างขาเขาไปปักเข้าที่ขาของทหารแคว้นเฉินคนหนึ่งที่กำลังลอบทำร้ายเขาอยู่ด้านหลัง ทหารคนนั้นหวีดร้องพลางล้มกับพื้น!

กู้เจียวใช้ธนูได้อย่างใจกล้าทีเดียว จุดนี้แม้แต่มือธนูเก่งกาจมากมายยังเทียบไม่ได้

เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการใหญ่อย่างถังเย่ว์ซาน ก็จะกังวลว่าทักษะการยิงธนูของตัวเองยังไม่เพียงพอยิงพลาดไปโดนเขาได้ เวลายิงจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่กล้า

ทว่ากู้เจียวกลับแตกต่าง

ความเด็ดเดี่ยวของนางทำให้ถังเย่ว์ซานต้องมองใหม่

หากไถ่ถามโลกหล้าจะมีบุรุษสักกี่คนที่ทำได้เช่นนาง

จู่ๆ ความร้อนกรุ่นก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในทรวงอกเขา เขาอธิบายไม่ถูกว่ามันคือความรู้สึกอะไร เขาก็แค่เข่นฆ่าได้กล้าหาญขึ้น และไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อยเท่านั้นเอง

ราวกับว่าบนโลกนี้มีคนเข้าใจเขา

และเขาก็เข้าใจคนคนนั้น

ชั่วขณะนี้เขาลืมไปเลยว่านางเป็นศัตรูของตน

สุดท้ายทหารม้าห้าพันนายก็แตกพ่ายภายใต้การไล่สังหารของพวกถังเย่ว์ซานอย่างห้าวหาญ พวกเขาหนีไปไกลสิบกว่าลี้พร้อมกับทหารที่บาดเจ็บเพื่อรวมตัวกับกองทัพแคว้นเฉินอีกหนึ่งหมื่นห้าพันนาย

ถังเย่ว์ซานนั่งทรุดกับพื้นหอบหายใจหนัก

“เราฆ่าไปกี่คน” เขาถามเสียงหอบเหนื่อย

“หนึ่งร้อยสิบเจ็ดคน”

เสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะถังเย่ว์ซาน

เมื่อถังเย่ว์ซานเงยหน้าขึ้น ก็พบกับกู้เจียวและทหารเมืองเย่คนหนึ่งที่ไต่เชือกลงมาจากเขา คนที่พูดคือทหารคนนั้น

“คารวะท่านจอมพลถัง” หูตงเฉียงคำนับให้

เขาสะพายตะกร้าใบน้อยไว้บนหลัง ถังเย่ว์ซานรู้ดีว่าตะกร้าน้อยนั่นสำคัญกับกู้เจียวมาก เขาได้สะพายมันก็หมายความว่าเขาถูกกู้เจียวเลือกแล้ว

ค่อนข้างช่างสังเกตทีเดียว

ถังเย่ว์ซานแอบพยักหน้าเงียบๆ

กู้เจียวไม่ได้ใส่หน้ากาก ใบหน้านางเปิดเผยใต้ตะวันหมดจด ทุกคนมองนางอย่างตกใจ

เหล่าทหารที่เหี้ยมโหดไม่สนใจปานบนใบหน้านางเลยสักนิด กลับเป็นอายุอานามของนางมากกว่าที่ทำเอาพวกเขาแปลกใจ

ดูเหมือนจะยังเด็กกว่าพวกเขาอีกนะเนี่ย

ทุกคนมองด้านหลังกู้เจียว แล้วมองไปทางภูเขาที่กู้เจียวลงมา มองอยู่นานก็ไม่เห็นคนที่สามลงมาเสียที

พวกเขา…ก็นึกว่ากองกำลังเสริมจากราชสำนักมาแล้วเสียอีก

ที่แท้การเคลื่อนไหวกัมปนาทเมื่อครู่นี้ล้วนเป็นฝีมือของเด็กหนุ่มอาภรณ์ครามคนนี้น่ะรึ

ทวนพู่แดงของเขาน่าเกลียดนัก!

“มีคนได้รับบาดเจ็บหรือไม่” กู้เจียวถามถังเย่ว์ซาน

ถังเย่ว์ซานกับกู้เจียวจัดการผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในกองทัพ บาดเจ็บเล็กน้อยมีหลายร้อย บาดเจ็บสาหัสมีห้าสิบคน ในนั้นต้องรักษาเร่งด่วนตรงนี้เลยยี่สิบสามคน รวมถึงทหารอาการขั้นวิกฤตอีกสามคน

กู้เจียวจงเอ่ยกับถังเย่ว์ซาน “คนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บให้พาคนบาดเจ็บไม่มากกลับไปก่อน ห้าสิบคนรั้งอยู่นี่ อีกเดี๋ยวหามทหารที่บาดเจ็บสาหัสกับขั้นวิกฤตกลับไป”

ถังเย่ว์ซานพยักหน้า ในบรรดาห้าสิบคนนี้ก็รวมเขาอยู่ในนั้นด้วย

“ท่านแม่ทัพ! พวกเราไม่ไป!” มือธนูคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

ถังเย่ว์ซานเอ่ยหน้าเคร่ง “นี่เป็นคำสั่ง!”

มือธนูกัดฟัน “ขอรับ!”

รองแม่ทัพสองนายของถังเย่ว์ซานเสียชีวิตในหน้าที่ไปแล้ว เขาจึงเรียกรองแม่ทัพหลี่หนึ่งในมือธนู และเรียกรองแม่ทัพเฉินหนึ่งในทหารราบให้นำทัพกลับไปก่อน

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ลืมเก็บกวาดสนามรบกันด้วย นำอาหารแห้งและอาวุธกับม้าพันธุ์ดีที่ทหารแคว้นเฉินทิ้งไว้ไปด้วย

“ดึงเกราะออกมาด้วย เอาไปหลอมทำใหม่ได้” กู้เจียวบอก

ถังเย่ว์ซานมองกู้เจียวอย่างลุ่มลึก อยากเอ่ยบางอย่างแต่ไม่ได้เอ่ยออกมา

เสี่ยวหูไต่เชือกขึ้นไปบนเขา สังเกตการณ์เคลื่อนไหวของกองทัพแคว้นเฉินเป็นระยะ

“ข้าต้องการเปลหาม” กู้เจียวบอกถังเย่ว์ซาน

“ต้องการเท่าใด” ถังเย่ว์ซานถาม

“สิบปาก” กู้เจียวบอก “แล้วก็เอาผ้าด้วย ปลดเข็มขัดพวกทหารแคว้นเฉินออกมาซะ”

ถังเย่ว์ซานพาผู้ใต้บังคับบัญชาสี่คนไปหาแผ่นไม้กับกระบองไม้ให้กู้เจียว

กู้เจียวเริ่มรักษาให้ผู้บาดเจ็บขั้นวิกฤตสามคนก่อน มีทหารคนหนึ่งหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว กู้เจียวจึงหยิบอะดรีนาลีนออกมาฉีดให้เขาสองเข็ม หัวใจเขาจึงเต้นอีกครั้ง

ถังเย่ว์ซานมองเข็มฉีดยาแปลกประหลาดเหล่านั้นก็พลันปากอ้าตาค้าง

ไม่ใช่ทหารทุกคนที่สละชีพในสนามรบจะต้องเสียชีวิตในสนามเสมอไป ส่วนใหญ่จะได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ช่วยไปก็ไร้ผลจึงได้เสียชีวิต

ฝีมือการแพทย์ของแคว้นเฉินเก่งกาจกว่าแคว้นเจา ด้วยเหตุนี้ทหารที่บาดเจ็บล้มตายของพวกเขาจึงมีน้อยกว่ากองทัพแคว้นเจา

หากพวกเขาก็มีวิชาการแพทย์ยอดเยี่ยม จำนวนการบาดเจ็บล้มตายของทหารก็จะลดต่ำลงไปด้วย

เด็กสาวคนนี้เพิ่งจะฟื้นชีวิตคนตายไปเมื่อครู่กระมัง

หมอแคว้นเฉินก็คงจะทำแบบนี้ไม่ได้เลยกระมัง

ใจถังเย่ว์ซานเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นอีกหน

คืนเข้าหอยังไม่พลุ่งพล่านเพียงนี้เลย

หูตงเฉียงตะโกนมาจากบนเขา “ใต้เท้า! เร่งมือหน่อยขอรับ! กองทัพแคว้นเฉินจะมาแล้ว! หากผ่านสันเขามาก็จะมาถึงพวกเราตรงนี้แล้ว!”

กู้เจียวถาม “สันเขาใช้เวลานานเท่าใด”

หูตงเฉียงตอบ “ทหารม้าจะเร็วหน่อย เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ส่วนทหารราบหนึ่งชั่วยามขอรับ”

กู้เจียวพยักหน้า การผ่าตัดต้นขาอีกฝ่ายไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่น้อย “เอาตามความเร็วของทหารราบ” เมื่อครู่ทหารม้าขวัญเสียไประลอกแล้ว ไม่มีขวัญกำลังใจเป็นกองหน้าหรอก

“คีมอันที่สามจากทางขวา” กู้เจียวเอ่ย นางปล่อยมือไปหยิบเองไม่ได้

ถังเย่ว์ซานชะงักไปก่อนจะตั้งสติได้ว่านางกำลังคุยกับตน เขาหา…คีมอันที่สามได้อย่างคล่องแคล่ว เขามองแล้วมันเหมือนกรรไกรทีเดียว

“หนีบไว้ตรงนี้” กู้เจียวใช้สายตาบอกถังเย่ว์ซาน

“เจ้าจะตัดเส้นเอ็นเขารึ” ถังเย่ว์ซานขมวดคิ้ว

“นี่เป็นคีมห้ามเลือด” กู้เจียวบอก “เร็วเข้า”

ถังเย่ว์ซาน ‘ตัด’ อย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พบว่าเส้นเอ็นไม่ได้ขาด เลือดบริเวณที่ ‘ตัด’ หยุดลงจริงๆ

ถังเย่ว์ซานไม่กลัวเลือดและไม่กลัวแผลพวกนี้ เขาดูทุกขั้นตอนไปเรื่อยๆ ในใจก็ยิ่งรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา

กู้เจียวห้ามเลือดให้ผู้บาดเจ็บขั้นวิกฤติคนสุดท้ายก็ดึงถุงมือออกพลางเอ่ย “เสร็จแล้ว ยกขึ้นเปลเลย สามคนนี้ไปก่อน”

ถังเย่ว์ซานเรียกทหารสิบนายให้ผลัดกันหามรองแม่ทัพทั้งสามไป

ในบรรดาผู้บาดเจ็บสาหัสยี่สิบสามคนที่เหลือ มีเพียงเจ็ดคนที่ต้องใช้เปล คนที่เหลือยังขี่ม้าได้

กู้เจียวแข่งกับเวลาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เวลาไม่พอ ทำได้เพียงจัดการอย่างง่ายๆ ไปก่อน ถึงกระนั้นเวลาก็ยังผ่านไปทุกวินาทีอยู่ดี

หูตงเฉียงเอ่ย “ใต้เท้า! พวกเขาลงเขามาแล้ว! ห่างจากที่นี่ไม่ถึงหกลี้แล้ว พวกเราต้องรีบแล้ว!”

“ทหารสองคนนี้ยกขึ้นเปลได้เลย”

“ทหารคนนี้เอาขึ้นเปลเลย”

“เอาขึ้นเปล!”

บรรดาทหารที่ได้รับบาดเจ็บทยอยจากไปแล้ว กองทัพแคว้นเฉินก็ประชิดเข้ามาเรื่อยๆ

ยังเหลือทหารบาดเจ็บอีกสองคนสุดท้าย

เมื่อกู้เจียวจะรักษาให้หนึ่งในสองคนนั้น จู่ๆ คนนั้นก็คว้ามือกู้เจียวไว้ เขาได้ยินหูตงเฉียงเรียกนางว่าใต้เท้า เขาจึงเรียกเช่นนั้นด้วย “ใต้เท้า ท่านกับจอมพลถังไปกันก่อนเถิด!”

“หุบปาก” กู้เจียวจับมือเขาออก

ถังเย่ว์ซานไม่ได้เร่งกู้เจียวเลย เขาแค่กระชับธนูในมือไว้เงียบๆ สะพายกระบอกลูกธนูที่บรรจุลูกธนูไว้จนเต็มอีกครั้ง

“มือธนูเตรียมพร้อม” ถังเย่ว์ซานเอ่ยเสียงขรึม

มือธนูเข้าประจำที่ ง้างสายธนูออก ใช้ร่างกายเป็นเกราะกำบัง บังกู้เจียวกับทหารบาดเจ็บไว้ด้านหลัง

“เสี่ยวหู ลงมา!” กู้เจียวจัดการบาดแผลให้ทหารคนสุดท้ายเสร็จแล้ว

หูตงเฉียงรีบไต่เชือกลงมาอย่างรวดเร็ว

ทุกคนพลิกตัวขึ้นหลังม้า เมื่อกองทัพแคว้นเฉินใกล้จะไล่ตามทันนั้น ก็ควบม้าออกจากหุบเขาไปในทันใด!