ตอนที่ 626 ราษฎรสร้างรายได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง
เพราะเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่เพาะปลูกแล้วยังไม่ค่อยเสถียร ถ้าปราศจากคุณสมบัติพิเศษของน้ำพุวิญญาณแล้ว การเพาะปลูกในครั้งต่อไปจะทำให้ผลผลิตลดลงแน่นอน ! อีกอย่างคือหลินเว่ยเว่ยก็เชื่อมั่นว่าจะปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดให้มีผลผลิตสูงยิ่งกว่าเดิมไปเรื่อย ๆ นางจึงไม่กลัวว่าจะโดนแย่ง ‘การค้าเมล็ดพันธุ์’ ไปจากมือ !
องค์ชายเจ็ดก็ทรงงานหนักมาเกือบสี่เดือน พอเห็นยุ้งฉางของที่ว่าการอำเภอสองสามแห่งเต็มไปด้วยเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด ดวงพักตร์จึงเปื้อนยิ้มทันที ขณะเดียวกันพระองค์ก็เหมือนดำริอะไรบางอย่างออก จึงหันไปตรัสถามผู้ติดตามที่อยู่ด้านข้างว่า “ผลผลิตที่ให้เจ้าบันทึกไว้ ได้ข้อสรุปหรือยัง ? ”
ผู้ติดตามรีบเปิดสมุดจดบันทึกของตนอย่างรวดเร็วแล้วรายงานด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ที่ดิน 10 หมู่ซึ่งกระหม่อมสุ่มตรวจ หมู่ที่ได้ผลผลิตต่ำสุดอยู่ที่ 530 ชั่ง สูงสุดทำลายสถิติอยู่ที่ 600 ชั่งพ่ะย่ะค่ะ ! องค์หญิงเว่ยเว่ยตรัสว่าหมู่ที่ให้ผลผลิต 600 ชั่งนี้เป็นไร่ทดลองของนาง ปีหน้าปรับปรุงพันธุ์ต่อไปแล้วเป้าหมายคือทำลายสถิติที่ 650 ชั่งพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“แล้วของชาวบ้านที่อยู่โดยรอบเป็นอย่างไร ? พวกเขาก็ปลูกข้าวโพดไม่ใช่หรือ ? ” องค์ชายเจ็ดอยากรู้ว่าเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่ผ่านการปรับปรุงเหล่านี้จะให้ผลผลิตสูงเหมือนกันหมดหรือไม่ !
ผู้ติดตามพลิกเปิดสมุดอีกหน้า ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “หมู่บ้านคนบาปที่อยู่ใกล้กันนั้น ส่วนใหญ่เพิ่งแผ้วถางใหม่ ปุ๋ยมีจำกัด แต่ก็ได้ถึง 500 ชั่งพ่ะย่ะค่ะ ส่วนหมู่บ้านอื่น ๆ ผู้ที่ได้ผลผลิตน้อยก็เทียบเท่ากับหมู่บ้านคนบาปอยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ ส่วนระดับกลางอยู่ที่ 520-530 ชั่ง ระดับสูงสุดอยู่ประมาณ 550 ชั่งพ่ะย่ะค่ะ…”
“ดี ! ดี ! เปิ่นหวางจะเขียนฎีกาถึงฟู่หวงเดี๋ยวนี้เพื่อให้ประทานอนุญาตให้ส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่ปรับปรุงแล้วไปทั่วทั้งภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ! ” องค์ชายเจ็ดทอดพระเนตรไปโดยรอบและเห็นรอยยิ้มที่สดใสของราษฎรทั่วทุกหนแห่ง ทั้งเต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา เมื่อสองปีที่แล้วพระองค์มาเยือนภาคตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อแจกจ่ายอาหารบรรเทาภัยพิบัติ สภาพจิตใจของผู้คนได้รับการเยียวยาชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ !
“กระหม่อมฝูหรง ขอถวายพระพรองค์ชายเจ็ดและองค์หญิงเว่ยเว่ยพ่ะย่ะค่ะ ! ” ขันทีวัยกลางคนที่ดูใจดีถือบัญชีเล่มหนึ่งลงจากรถม้า แม้ว่าจากเมืองหนิงโจวใช้เวลาเดินทางมายังอำเภอหนิงซีไม่ถึงสองวัน แต่ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อนี้ก็ทำให้คนทรมานใช้ได้ ทว่าคลองของอำเภอหนิงซีกำลังจะสร้างเสร็จ เมื่อถึงเวลานั้นถ้านั่งเรือมาจากเมืองหนิงโจวก็จะประหยัดเวลามากขึ้นกว่าเดิม !
ฝูหรงคือคนที่ฮ่องเต้บัญชาลงมาดูแลการก่อสร้างตำหนักองค์หญิงที่เมืองหนิงโจว แต่ตำหนักองค์หญิงยังไม่ทันสร้างเสร็จ เขาก็ถูกองค์หญิงรับสั่งให้ไปดูการแผ้วถางที่ดินเพาะปลูก ! ไอโหยว เข้าวังตั้งแต่เด็ก ในแต่ละวันรู้จักแค่การดูแลเจ้านาย ไฉนเลยจะเข้าใจเรื่องการเกษตร ? โชคดีที่องค์หญิงส่งคนมาชี้แนะเขา นอกจากนี้เขายังได้รับคำแนะนำมากมายจากชาวบ้านแถวนั้นจึงพอปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงไปได้บ้าง
ลูกน้องเก่าของหมินอ๋องกระโดดลงจากหลังม้า เขาเหลือบมองฝูหรงด้วยความดูแคลนแวบหนึ่ง…ไร้ประโยชน์จริง ๆ นั่งรถม้ามาตลอดทางก็ยังบ่นว่าไม่สบายตัว ก็แค่บ่าวรับใช้เจ้านาย คิดว่าตนเป็นคนโปรดขึ้นมาจริง ๆ แล้วหรือ !
ฝูหรงก็ไม่ชอบตาเฒ่ามือเดียวคนนี้มานานแล้ว…เห็นว่าตนเป็นทหารร่วมเป็นร่วมตายมากับหมินอ๋องแล้วชอบมองคนอื่นด้วยสายตาดูถูก ทำไมหรือ ? ข้าเองก็เป็นคนที่ฝ่าบาทส่งมา จะตีสุนัขต้องดูเจ้านายก่อน ! เจ้าน่ะ…กำลังไม่เคารพต่อฮ่องเต้ !
หลินเว่ยเว่ยเบื่อจะเข้าไปยุ่งเรื่องของสองคนนี้ ช่วงที่นางกลับไปยังเมืองหนิงโจวทั้งสองรอบ พวกเขาทั้งสองชอบทำเหมือนไม่พอใจกันตลอดเวลา เจ้าจ้องข้า ข้าก็จ้องเจ้า…ทำไม ? ผูกแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนหรือไร ?
“ฝูหรงกงกง ทางเมืองหนิงโจวเก็บเกี่ยวเป็นอย่างไรบ้าง ? ” หลินเว่ยเว่ยขัด ‘การจ้องหน้ากัน’ ของทั้งสองคน
ฝูหรงรีบพูดว่า “องค์หญิงทรงยกย่องบ่าวเกินไปแล้ว อย่างไรเรียกบ่าวว่า ‘ฝูหรง’ ก็พอพ่ะย่ะค่ะ…คำสั่งขององค์หญิง ฝูหรงไม่กล้าไม่ทำตาม…ทางฝั่งเมืองหนิงโจวเมื่อนับรวมกันแล้วมีที่ดินรกร้างถูกแผ้วถางประมาณ 1,200 หมู่ แบ่งเป็นดินดำ 400 หมู่ ดินทราย 800 หมู่ ทั้งหมดล้วนปลูกข้าวโพด ผลผลิตโดยรวมอยู่ที่ 600 ชั่ง…”
พอนึกถึงภาพของพวกชาวบ้านที่ดีใจจนน้ำมูกน้ำตาไหลแล้ว ฝูหรงก็รีบสรรเสริญ “ราษฎรหนิงโจวต่างรู้ว่าต่อไปเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดให้ผลผลิตสูงเหล่านี้จะถูกขายให้พวกตนในราคาที่ยุติธรรม พวกเขาต่างคุกเข่ามาทางอำเภอหนิงซีเพื่อสรรเสริญองค์หญิงและเรียกพระองค์ว่าพระโพธิสัตว์ผู้ช่วยเหลือผู้คนให้พ้นทุกข์…”
“พอแล้ว บัญชีนั้นท่านเอากลับไป พอการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ในฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้วท่านก็แจกจ่ายให้ราษฎรที่ยากจนก่อน ส่วนพวกที่มีทรัพย์สินส่วนตัวนั้น…ค่อยว่ากันอีกที ! ” หลินเว่ยเว่ยคำนวณประชากรในเมืองหนิงโจวและจำนวนที่ดินซึ่งพวกชาวบ้านลงทะเบียนไว้ เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดพวกนี้มีเพียงพอ ส่วนพ่อค้าที่มาขอซื้อเมล็ดพันธุ์ในราคาสูงเหล่านั้น นางปฏิเสธไปอย่างเด็ดขาด…ในที่ดินศักดินาของตน นางจะยุติการผูกขาดเมล็ดพันธุ์และสินค้าอื่น ๆ อย่างเด็ดขาด !
ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มเคลื่อนห่างออกไป ต้นฤดูหนาวกำลังจะเข้ามาแทนที่ ราษฎรในอำเภอหนิงซีต่างมารวมตัวที่ริมคลองเพื่อเตรียมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาที่ ‘คลองหนิงเหอ’ เปิดทำการ ประตูเขื่อนกั้นน้ำทั้งสามถูกเปิดพร้อมกัน ปากทางคลองหนิงเหอเป็นประตูเขื่อนกั้นน้ำใหญ่ที่สุดและงดงามที่สุด ราษฎรที่มีรูปร่างสูงใหญ่และพละกำลังมากกว่าคนธรรมดาหลายสิบคนออกแรงเปิดประตูเขื่อนกั้นน้ำ ฟันเฟืองค่อย ๆ ขยับ โซ่เหล็กค่อย ๆ เลื่อน…
สายน้ำพุ่งผ่านประตูเขื่อนกั้นเหมือนม้าศึกที่ดุดัน สายน้ำค่อย ๆ ไหลออกไปอย่างอิสระ…คลองหนิงเหอไหลวนรอบอำเภอหนิงซีและเชื่อมต่อกับโครงการขุดคลองของเมืองหนิงโจวที่จะเริ่มดำเนินการในเร็ววันนี้ เมื่อไหลผ่านไร่นาหลายพันหมู่แล้ว สุดท้ายก็ไหลลงแม่น้ำสายย่อยต้าถง
ขณะมองสายน้ำที่ไหลเชี่ยว ราษฎรในอำเภอหนิงซีก็กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นยินดี คลองหนิงเหอไม่เพียงช่วยเรื่องการบริโภคน้ำของชาวบ้านในอำเภอหนิงซี แต่ยังสะดวกในการใช้ทำไร่ทำนาด้วย…ท่านนายอำเภอทำเรื่องมีประโยชน์ให้อำเภอหนิงซีอย่างแท้จริง !
หลังจากคลองหนิงเหอเชื่อมกับแม่น้ำแล้ว แผ่นหินตั้งตระหง่านสองฟากฝั่งคลองก็สลักชื่อราษฎรที่มาช่วยกันขุดคลองหนิงเหอเอาไว้ แผ่นหินถูกตั้งขึ้นตามจำนวนหมู่บ้าน อำเภอหนิงซีมีทั้งหมด 11 เขต 68 หมู่บ้าน ทุกหมู่บ้านจากทุกเขตมีส่วนช่วยในการสร้างคลองหนิงเหอ ดังนั้นจึงมีแผ่นหินจารึกทั้งหมด 68 แผ่น โครงสร้างเป็นเหมือนศิลา แม้ผ่านลมผ่านฝน สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ศิลาจารึกนี้ก็ยังคงเป็นอมตะ…
ปีแรกที่นายอำเภอเข้ารับตำแหน่งก็สร้างระบบชลประทานให้อำเภอหนิงซีและทำให้ชาวบ้านดีใจกันถ้วนหน้า ปีที่สองของการรับตำแหน่ง ชาวบ้านทั่วทั้งอำเภอหนิงซีได้ปลูกข้าวโพดให้ผลผลิตสูง ดับความหิวโหยที่เกิดขึ้นมาเนิ่นนาน เมล็ดข้าวสาลีที่ภรรยานายอำเภอปรับปรุงพันธุ์ก็ได้ผลผลิตเฉลี่ยแล้วมากถึง 300 ชั่ง
เมื่อมาถึงปีที่สามของการเข้ารับตำแหน่ง ไม้ผลที่ภรรยานายอำเภอตอนกิ่งครานั้นก็เริ่มออกผล ‘โรงงานแปรรูปผลไม้’ จึงกำเนิดขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาก็มีผลไม้เชื่อม ผลไม้อบแห้ง ผลไม้แช่อิ่ม แยมผลไม้ ผลไม้ในโถกระเบื้องเคลือบ ของพวกนี้มีอายุการเก็บรักษายาวนานกว่าครึ่งปี จึงสามารถจำหน่ายให้เมืองต่าง ๆ ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ หรือแม้แต่ทั่วเมืองหลวงได้ด้วย
โรงงานแปรรูปผลไม้เปิดรับสมัครพนักงานเป็นราษฎรในอำเภอหนิงซีกว่า 100 อัตราและคนส่วนใหญ่เป็นสตรี เพื่อปรับปรุงตำแหน่งในครอบครัวของสตรีทั้งหลาย
ภรรยานายอำเภอยังสร้างโรงงานแปรรูปขึ้นมาอีกหนึ่งแห่ง…โรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์โดยใช้ผลิตเนื้อหมูแผ่น เนื้อหมูแดดเดียว ล่าฉาง (กุนเชียง) เนื้อกระต่ายเส้น เนื้อกระต่ายรสเผ็ด…เดิมทีหลินเว่ยเว่ยอยากทำเนื้อวัวแดดเดียวและเนื้อวัวตุ๋นอีกด้วย แต่โดนสามีห้ามไว้
ในสายตาชาวบ้านคือวัวเป็นสัตว์ทุ่นแรง ล้ำค่ายิ่งกว่ามนุษย์ มีครอบครัวสามัญชนตั้งเท่าไรที่ต้องประหยัดกินประหยัดใช้กว่าค่อนชีวิต แต่ยังไม่สามารถซื้อวัวสักตัวมาครองด้วยซ้ำ ส่วนนางจะทำตัวออกนอกกรอบแล้วฆ่ามันเพื่อเอาเนื้อ…เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่ อยากทำลายชื่อเสียงดี ๆ ของตนหรือไร ?