บทที่ 612 ฉินเย่จือเป็นใครกันแน่

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 612 ฉินเย่จือเป็นใครกันแน่

บทที่ 612 ฉินเย่จือเป็นใครกันแน่

เมื่อจางซื่อกล่าวจบ ผู้คนมากกว่าครึ่งถึงกับหัวเราะคิกคัก

กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ จะรุ่งโรจน์อย่างนั้นหรือ หยุดล้อเล่นได้แล้ว!

ยังไม่ได้หย่านม ทั้งยังผอมแห้งราวกับไม้ขีดไฟ ในอนาคตคนเช่นนี้น่ะหรือจะรุ่งโรจน์?

มันก็แค่เรื่องน่าขบเรื่องหนึ่ง

ในเวลานั้น กู้ฉวนลู่หัวเราะและพูดว่า “ได้! ข้าไม่สนใจเด็กเหล่านี้ หากในอนาคตพวกเขาจะมีชีวิตที่รุ่งโรจน์ ข้าก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยว!” หลังจากพูดแล้ว เขามองไปที่เด็ก ๆ ด้านหลังจางซื่อด้วยความรังเกียจและยิ้มอย่างดูถูก

การประชุมหมู่บ้านแบบนี้จบลงอย่างรวดเร็วภายใต้ผลที่เขาคาดไว้

ในเวลานั้น หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจำเด็กเหล่านี้ได้ พวกเขาทั้งหมดสกปรก ผอมแห้ง และมีสายตาหวาดกลัว เด็กเช่นนี้จะทำอะไรได้กัน?

แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็ยังรู้สึกว่าสิ่งที่จางซื่อพูดเป็นเพียงคำพูดเพราะความโกรธแค้น

เป็นเวลากว่าหนึ่งปีให้หลัง หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็เห็นเด็กเหล่านี้เป็นครั้งคราว จางซื่อยังคงให้ความชวยเหลือพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะยังกินไม่พอ แต่พวกเขาก็ยังไม่อดตาย!

กู้เสี่ยวหวานที่เขาเห็นมาโดยตลอดดูสกปรกอยู่เสมอ เมื่อเห็นเขากลัวที่จะก้าวไปข้างหน้า นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางจับมุมเสื้อผ้า ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง ไม่กล้าที่จะก้าวออกมา

แต่ตอนนี้?

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมองอย่างมีความหมายไปที่กู้เสี่ยวหวานซึ่งยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไหล่เล็กบอบบาง แต่ตอนนี้ตั้งตรงเหมือนต้นสนที่แข็งแรง ภายในร่างบางนั้นมีวิญญาณที่ไม่ย่อท้อ

นางเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใด?

ไม่ผิด เมื่อฟังคำพูดของกู้ฉวนลู่ นางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่ถูกกู้ซินเถาผลักนางลงไปในแม่น้ำและได้รับการช่วยเหลือ

นางกลายเป็นคนไม่มีความหวาดหวั่นและความหวาดกลัวอีกต่อไป ถูกแทนที่ด้วยดวงตาที่เฉียบแหลม ความเฉลียวฉลาด และนิสัยที่ไม่ยอมพ่ายแพ้

จากสายตาคู่นั้นทั้งแข็งแกร่งและฉลาด และสายตาคู่นั้นก็ยังบอกอีกว่านางไม่ใช่คนขี้ขลาดอย่างกู้เสี่ยวหวานที่คยเป็นอีกต่อไป

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงขมวดคิ้ว ทำไมเขาถึงไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของนางมาก่อน?

และยังคิดอยู่เสมอว่าเพราะนางตกลงไปในน้ำ นิสัยจึงเปลี่ยนไป

แต่นิสัยของคน ๆ หนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งที่ทำไม่ได้ก็กลับทำได้ นี่เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองโดยไม่มีครูหรือ?

การเขียนและการคิดคำนวณ นี่คือสิ่งที่ผู้ชายควรรู้อย่างชัดเจน แต่นางที่เป็นเด็กหญิงอายุสิบปีก็ทำได้เช่นกัน น่าทึ่งมาก!

คนเช่นนี้ หากยังอยู่ในหมู่บ้านอู๋ซีนั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัวเกินไป

ไม่ต้องพูดถึงว่านางฆ่าเหมียวเอ้อร์หรือไม่ หากเป็นฉินเย่จือฆ่า นางก็คงจะรู้เพราะใช้ชีวิตร่วมกับฆาตกรมานานกว่าครึ่งปี แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว

นอกจากนี้ หากนางฆ่าเหมียวเอ้อร์ แต่นางใช้ชีวิตปกติตลอดหกเดือนที่ผ่านมา จิตใจของนางคงโหดเหี้ยมเกินไป

อย่าลืมว่านี่คือเด็กอายุสิบปี!

การกระทำของนางจะส่งผลกระทบต่อตนเองหรือหมู่บ้านอู๋ซีทั้งหมดหรือไม่?

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงคิดถึงเรื่องนี้ ความกลัวก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ และเขาตะโกนว่า “กู้เสี่ยวหวาน มานี่!”

ฝูงชนยังคงคึกคัก พูดคุยกันถึงเรื่องที่ฉินเย่จือถูกจับ ฆ่าคน สะใภ้ตระกูลเฉียนและสะใภ้ตระกูลจ้าวที่ตบตีกับจนเสื้อผ้าฉีกขาด ทุกคนต่างพูดกันอย่างคึกคักจนกระทั่งได้ยินเสียงของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงที่ทำให้ทุกคนตะลึง

ทุกคนต่างมองหน้ากัน เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า แล้วมองไปที่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงที่กำลังโกรธอยู่กลางลาน แล้วมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่ยืนนิ่งอยู่ข้างนอกลาน ทุกคนรู้ว่าการแสดงกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง!

ดังนั้นทุกคนต่างก็ยืดคอและเบิกตากว้าง เพราะกลัวว่าจะพลาดการแสดงดี ๆ ไป

กู้เสี่ยวหวานยังคงจ้องไปที่ทิศทางที่ฉินเย่จือถูกพาตัวไปอย่างว่างเปล่า และนางเต็มไปด้วยความกังวล

สิ่งที่เกิดขึ้นข้างหลังไม่เกี่ยวอะไรกับนาง ตอนนี้นางมีความคิดเดียวในใจว่าฉินเย่จือจะทำตามสัญญาที่บอกว่าเขาจะกลับมาภายในสามวัน!

เวลาสามวัน เป็นเวลาตั้งสามสิบหกชั่วยาม และทุก ๆ ชั่วยามที่ผ่านไป นั่นเป็นความทรมานที่บรรยายไม่ได้สำหรับนาง

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงเรียกกู้เสี่ยวหวาน นางยังคงไม่ได้ยิน และยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน ไม่แม้แต่จะเปลี่ยนท่าทาง

ความโกลาหลเกิดขึ้นในฝูงชน

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงรู้สึกว่าอำนาจของเขากำลังถูกท้าทาย แต่เขาไม่สนใจว่ากู้เสี่ยวหวานจะได้ยินหรือไม่ แค่คิดว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้ไว้หน้าเขาและกำลังตบหน้าเขา

ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับเด็กสาวที่ชั่วร้ายเช่นนี้

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงโกรธและร้องออกมาอย่างโกรธเคือง “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าไม่ได้ยินข้าหรือ? เจ้าหูหนวกหรือไร?”

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดเสียงดัง ค่ำคืนนี้ช่างเงียบสงบโดยปราศจากการพูดคุยของชาวบ้าน

ในขณะนี้ เมื่อไม่มีเสียง รอบด้านก็เงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มที่ตกกระทบพื้นได้ และทันใดนั้นเสียงของหัวหน้าหมู่บ้านก็ดังขึ้น

ทุกคนประหลาดใจ

พวกเขาหันศีรษะและมองดู

ในขณะนี้ ใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงซีดเซียว และดวงตาของเขาจ้องมองไปที่แผ่นหลังของกู้เสี่ยวหวานอย่างดุดันราวกับว่าเขาจะกลืนกินกู้เสี่ยวหวานทั้งเป็น

เมื่อทุกคนเห็นหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงโกรธเคือง พวกเขาทั้งหมดก็พากันคาดเดา ดูเหมือนว่าคราวนี้กู้เสี่ยวหวานจะโชคร้ายเสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม โชคร้ายก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อครู่ฉินเย่จือที่ถูกจับไป และยอมรับว่าเขาฆ่าคน

นี่คืออะไร? นางให้ที่หลบซ่อนแก่ฆาตกร! หลังจากอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับฆาตกรมานาน กู้เสี่ยวหวานจะต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน!

จากนั้น กู้เสี่ยวหวานก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และเมื่อนางได้ยินเสียงคำรามของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงที่อยู่ข้างหลัง กู้เสี่ยวหวานก็เช็ดดวงตาของนางเบา ๆ ด้วยแขนเสื้อแล้วหันกลับมามองใบหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงที่กำลังโกรธจัด และเอ่ยถามอย่างเย็นชา “หัวหน้าหมู่บ้านเหลียง มีเรื่องอะไรหรือ?”

“มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?” เมื่อเห็นท่าทีไม่แยแสของกู้เสี่ยวหวาน หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็ยิ่งโกรธมากขึ้น มือที่สั่นเทาชี้ไปที่กู้เสี่ยวหวานและสาปแช่ง “กู้เสี่ยวหวาน เจ้าพูดความจริงมาว่าต้นกำเนิดของเด็กหนุ่มตระกูลฉินผู้นั้นคือใครกันแน่ แล้วเรื่องที่เขาฆ่าคน เจ้ารู้หรือไม่?”

“…” กู้เสี่ยวหวานไม่รู้จะตอบอย่างไร นางยังคงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงโดยไม่แสดงอาการอ่อนแอ

ใช่แล้ว ฉินเย่จือฆ่าคน เขาทำเพราะต้องการช่วยเหลือนาง

นางจะพูดเช่นนี้ได้อย่างไร การฆ่าก็คือการฆ่า ไม่ว่าเขาจะฆ่าใครและเพื่อใคร!

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าการฆ่าคนต้องชดใช้ทั้งชีวิต แต่นางไม่ต้องการให้ฉินเย่จือตาย ถ้าจะมีคนต้องตาย คนผู้นั้นก็คือนาง!