บทที่ 621 เอ้อหลางจะมีอันตรายหรือไม่?
บทที่ 621 เอ้อหลางจะมีอันตรายหรือไม่?
เนื่องจากเมื่อวานดึกมากแล้ว เหยาเอ้อหลางจึงไม่ได้กลับจวน สะใภ้รองเหยาจึงนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงตลอดทั้งคืน เมื่อรุ่งสางจึงรบเร้าให้เหยาเฉามาดู ใครจะรู้เล่าว่าลูกชายสุดที่รักของพวกเขาจะนอนหลับฝันหวานอยู่ที่นี่
“เกิดเรื่องขึ้นจริง ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะไปหาท่านเมื่อใด ตอนนี้ท่านก็มาแล้ว” เวลานี้เหยาเอ้อหลางตาสว่างทันใด พร้อมกับมองเหยาเฉาและพูดขึ้น
“เราเข้าไปคุยกันเถอะ” เหยาเฉามองเสี่ยวเวย แล้วพูดกับเหยาเอ้อหลาง
คนกลุ่มนั้นจึงพากันเข้าไปแบบนี้ ให้คนอื่นรออยู่ข้างนอก
เหยาเฉารู้เรื่องของซวีจ้าวมาโดยตลอด และรู้ว่าช่วงนี้เหยาเอ้อหลางมักจะตัวติดกับซวีจ้าวเสมอ แต่เขาสามารถเชื่อใจบุคลิกของซวีจ้าวได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครขวางการเจอกันของเด็กทั้งสองคน
“ว่ามา ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น” เหยาเฉานั่งบนเก้าอี้ แล้วมองเหยาเอ้อหลางพลางพูดขึ้น
เหยาเอ้อหลางเล่าเรื่องที่บอกกับซวีจ้าวเมื่อวานอย่างละเอียดอีกรอบ แต่เสี่ยวเวยที่อยู่ข้างกายยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกไม่กระจ่าง
“ซวีจ้าว ที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือไม่? ที่เจ้าเคยเห็นวิธีการเช่นนี้จากที่ไหน?”
“รายงานใต้เท้า ข้านึกไม่ออกจริง ๆ แต่วิธีการนี้มันช่างโหดร้ายมาก ไม่เหลือช่องทางรอดแม้แต่น้อย ไม่เหมือนแนวทางการต่อสู้ที่นี่ของเรา”
แม้ว่าซวีจ้าวจะไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของเหยาเฉา แต่ตอนนี้การตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างคือสิ่งสำคัญที่สุด
ถ้าไม่รู้ก็เท่านั้น ในเมื่อรู้แล้ว ซวีจ้าวคงไม่มีวันลามือแน่นอน
“เรื่องนี้ข้าเองก็รู้ เจ้ายังต้องคิดอย่างละเอียด ถ้านึกได้จะดีที่สุด ถ้านึกไม่ออกก็ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรีบร้อน”
“ขอรับ”
“เสี่ยวเวย เจ้าว่าอย่างไร?” เหยาเฉามองไปยังเสี่ยวเวยที่นั่งไม่ปริปากออกเสียงอยู่ข้างกายมาตลอด ท่าทางนี้ไม่สอดคล้องกับนิสัยยามปกติของเขา
“เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่ามีการไตร่ตรองมาก่อน อีกทั้งข้าสงสัยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้นยังมีคนรับช่วงต่อ และไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับใคร”
“อาเสี่ยวเวย ที่ท่านพูดเป็นความจริงหรือ? แต่ครานี้คนที่พวกเขาฆ่าตายล้วนเป็นชาวบ้านไร้พักพิงอาศัย ดังนั้นไม่มีทางสร้างคลื่นใหญ่ในเมืองหลวงแน่นอน” เหยาเอ้อหลางไม่เห็นด้วยกับความคิดของเสี่ยวเวย สำหรับเขา ถ้าสิ่งที่เสี่ยวเวยพูดเป็นความจริง แล้วเหตุใดถึงไม่ฆ่าคนที่มีคุณธรรมบารมีสูงส่งล่ะ?
“นี่เป็นเพียงการโหมโรง พี่รอง พี่ยังจำสายลับหญิงผู้นั้นก่อนหน้าได้หรือไม่?”
“จำได้ เจ้ากำลังจะบอกว่าสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกัน?” ถ้าเป็นแบบนี้จริง เช่นนั้นเรื่องนี้คงจะยุ่งยากแล้ว
การเตือนของเจี่ยงเถิงก่อนออกเดินทาง เหยาเฉารู้ว่าสายลับผู้นั้นและขุนนางบางคนในราชสำนักนักมีความเกี่ยวข้องกัน แต่ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกัน น้ำในราชสำนักจะยิ่งขุ่นมัวมากขึ้น
“ไม่ผิด”
“อะไรนะ? อาเสี่ยวเวย สองสามวันก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่?” เหยาเอ้อหลางไม่รู้เรื่องเมื่อสองสามวันก่อน ดังนั้นเวลานี้จึงได้เกิดความสับสน
“เมื่อสองสามวันก่อนเราจับสายลับที่จ้องฉวยโอกาสเข้าวังได้หนึ่งคน สู้บอกนางเป็นสายลับ ไม่สู้บอกเป็นผู้หญิงที่เสียสติคนหนึ่ง นางมีลูกสองคน ทั้งยังคิดจะเป็นสตรีขององค์รัชทายาทอีกด้วย ท่านอาว่าเป็นความคิดเพ้อเจ้อหรือไม่?”
เพราะเหยาเอ้อหลางเป็นลูกของเหยาเฉา ดังนั้นเสี่ยวเวยจึงเห็นเหยาเอ้อหลางเป็นคนของตัวเองเช่นกัน มีเรื่องอะไรจึงไม่เคยปิดบังเขา
“ยังมีเรื่องแบบนี้อีกหรือ?” เหยาเอ้อหลางรู้จักองค์รัชทายาท อายุไม่มากแต่ความคิดลึกซึ้งมาก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่กล้าปฏิสัมพันธ์กับเขามากเกินไป กลัวว่าจะตกหลุมพรางของเขา
“ใช่นะสิ ดังนั้นข้าจึงคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของสองเรื่องนี้อาจจะเป็นคนเดียวกัน” เสี่ยวเวยกล่าวอย่างเนิบช้า แต่ในใจกลับครุ่นคิดไม่หยุด
“มีความเป็นไปได้มาก แต่ถ้าเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าราชสำนักจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ดังนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังจึงกำลังคิดจะกวนน้ำให้ขุ่น” เหยาเฉาเห็นด้วยกับความคิดของเสี่ยวเวย
แม้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะมีความคิดที่ดี แต่พวกเขาไม่ได้กินมังสวิรัติ กลอุบายอาจจะฉลาดเกินไปจนเสียรู้
“แต่ช่วงนี้ยังไม่ได้ยินว่าราชสำนักจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นเลยนะ”
ไหนเลยเหยาเอ้อหลางจะคิดเรื่องเหล่านี้ เขาคิดแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้
“เจ้าลืมแล้วหรือ เจี่ยงเถิงพาเอ้อเป่าออกไปตรวจสอบเรื่องเกลือ เจ้าว่าถ้ามีคนใช้อำนาจในการซื้อขายเกลือเพื่อส่วนตัว เขาจะไม่ร้อนใจหรือ?” มีทิศทางนี้ เรื่องราวมากมายจึงค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ
“ท่านพ่อ ท่านหมายความว่า คนที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้นเห็นว่าเจี่ยงเถิงและเอ้อเป่ากำลังจะกลับมา ดังนั้นจึงร้อนใจและคิดจะปกปิดเรื่องนี้ไว้ จากนั้นก็เปิดศึกกับเมืองจิงจ้าวเช่นนั้นหรือ?”
จากการเตือนของเหยาเฉา เหยาเอ้อหลางก็นึกเรื่องนี้ได้ จึงทนไม่ได้ในทันใด
คนผู้นี้ร้ายกาจเกินไป เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นเรื่องที่ตัวเขาทำผิดก็ยังใช้ชีวิตของผู้อื่นมาปกปิดความผิด อกตัญญูจริง ๆ
“พูดเช่นนี้ก็ได้ ดังนั้นสองสามวันนี้เจ้าต้องระวังตัว คนที่อยู่เบื้องหลังเห็นว่าครานี้ยังไม่บรรลุเป้าหมาย ต่อไปจะต้องลงมือแน่นอน ออกไปข้างนอกก็ต้องพาทหารติดตามไปด้วย”
“ท่านพ่อ เรื่องนี้ท่านวางใจเถอะ เมื่อวานซวีจ้าวบอกเรื่องเหล่านี้กับข้าแล้ว” ครั้นเอ่ยถึงซวีจ้าว เหยาเอ้อหลางก็เพิ่งเห็นซวีจ้าวที่นั่งอยู่ข้างกาย
ในตอนที่คนเหล่านี้กำลังถกเถียงกัน ซวีจ้าวเหมือนอากาศที่อยู่ข้างกายก็มิปาน ไม่พูดไม่ขยับ การฝึกฝนมีประสิทธิภาพจริง ๆ
“เช่นนั้นก็ดี ซวีจ้าว ถ้าเจ้าไม่มีภารกิจ รบกวนเจ้าช่วยอยู่ดูแลเหยาเอ้อหลางในช่วงสองสามวันนี้ได้หรือไม่ นิสัยของเขาเจ้าเองก็รู้ดี เกรงว่าคงมีแค่เจ้าที่สามารถทำให้เขาเชื่อฟังได้”
“ใต้เท้าเหยาวางใจเถอะ ข้ารู้” ซวีจ้าวไม่ได้ปฏิเสธ และตอบรับอย่างตรงไปตรงมา
เหยาเฉาเห็นซวีจ้าวตอบรับ จึงได้วางใจลง
แม้ว่าเสี่ยวเวยจะมีศิลปะการต่อสู้ที่ดี แต่ก็ล้วนติดตามอยู่ข้างกายเขามาตลอด ถ้าให้เขาไปปกป้องเหยาเอ้อหลางก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่จะให้ตัวเองก็คงไม่ชิน
การปรากฏตัวของซวีจ้าวได้เข้ามาแก้ไขเรื่องเร่งด่วนนี้ได้พอดี
“ดี เรื่องของที่นี่ข้ารู้แล้ว ข้าขอตัวก่อน ทหารฝั่งนั้นยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ เอ้อหลาง ถ้าเจ้ามีเวลาก็กลับเรือนสักครั้ง แม่เจ้าเป็นห่วงเจ้ามาก”
“ข้ารู้แล้ว ท่านพ่อ” เหยาเฉาพูดจบก็พาเสี่ยวเวยจากไป
ส่วนเหยาเอ้อหลางได้ขยิบตาให้ซวีจ้าวอย่างอดไม่ได้ ท่าทางลำพองใจมากมายนั้น ดูท่าแล้ว เขาคงจะพอใจกับแผนการของเหยาเฉาไม่น้อย
เหยาเฉาและเสี่ยวเวยค่อย ๆ เดินไปตามถนนที่ไกลออกไปช่วงหนึ่ง ไม่มีใครปริปากพูด สุดท้ายก็ยังเป็นเหยาเฉาที่ทำลายความเงียบของทั้งสองคน
“เมื่อครู่เจ้าอยากพูดอะไร?”
“พี่รอง วิธีการของนักฆ่าผู้นั้น ข้าเคยใช้มาก่อน” ความรู้สึกในตอนนี้ของเสี่ยวเวยสับสนมาก เห็นได้ชัดว่าเขาติดตามอยู่ข้างกายของเหยาเฉา แต่ทำไมถึงมีคนไม่อยากให้เขาอยู่อย่างเป็นสุข
“แล้วอย่างไรต่อล่ะ?”
“พี่รองก็รู้ชัดเจนดี ทำไมถึงไม่บอกเรื่องนี้กับเอ้อหลาง เขาอาจจะมีทางออกสำหรับเรื่องนี้ก็ได้”
“นิสัยของเอ้อหลางเจ้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้ เขาขี้โมโหง่าย”
“ข้ารู้”
“เช่นนั้นก็ถูกแล้ว ถ้าข้าบอกเรื่องนี้กับเอ้อหลาง เจ้ารับประกันไหมว่าเอ้อหลางจะไม่สงสัยเจ้า? ข้าเข้าใจการกระทำของจ้า ดังนั้นจึงไม่เกิดความสงสัยอะไรในตัวเจ้า แต่เอ้อหลางไม่เหมือนกัน เมื่อครั้งยังเด็กเขาเลินเล่อมาก ตอนนี้ถ้าเจ้าบอกเขาว่านี่คือวิธีการที่เจ้าเคยใช้ เขาจะต้องตรวจสอบไปตลอดแน่นอน”
เหยาเฉาเรียกได้ว่าเป็นคนที่เข้าใจเสี่ยวเวยที่สุด แม้ว่าเสี่ยวเวยจะพูดไม่จบ แต่เขาก็รู้ว่าเสี่ยวเวยจะพูดสิ่งใด
“แต่เรื่องแบบนี้ เอ้อหลางจะไม่มีอันตรายหรือ? ไม่เช่นนั้นให้ข้าไปปกป้องเขาเถอะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เหยาเอ้อหลางยังคงทำตัวให้พ่อแม่เป็นห่วงตลอดเวลาเลยนะเจ้าเด็กแสบ
ไหหม่า(海馬)