บทที่ 614 ไปให้เงินใต้โต๊ะ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 614 ไปให้เงินใต้โต๊ะ

บทที่ 614 ไปให้เงินใต้โต๊ะ

ภาพความทรงจำที่ร่างของเหมียวเอ้อร์โดนแทงด้วยไม้ไผ่ยังคงชัดเจนอยู่ในใจราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

หัวใจของกู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหม่าเล็กน้อย หากพบศพของเหมียวเอ้อร์จริง ๆ แสดงว่าฉินเย่จือก็คงจะต้องตาย

ฉินเย่จือกล่าวเช่นนั้นเพื่อปกป้องตนเองใช่หรือไม่?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ตกใจ และใบหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก

และในขณะนั้นก็มีลมกระโชกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้พัดมากระทบร่างกายอย่างเยือกเย็น

เข้าเดือนห้าแล้ว จะมีลมเย็นเช่นนี้ได้อย่างไร?

คนที่กล้าหาญเหล่านั้นรู้สึกหนาวเล็กน้อยยามสายลมพัดผ่าน ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้าน และเมื่อเห็นว่าใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขารู้สึกหวาดกลัวในใจ

แต่ละคนรู้สึกว่าผมของพวกเขาตั้งขึ้น และเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา

จะอยู่ต่อไปได้อย่างไร พวกเขาเหลือบมองกู้เสี่ยวหวานด้วยสายตาแปลกประหลาดแล้วจากไปทีละคน กู้เสี่ยวหวานซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนเมื่อครู่ ในตอนนี้ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังอยู่ที่หน้าประตูบ้านด้วยความประหลาดใจ

นางไม่รู้สึกอะไรเลยเมื่อทุกคนจากไป

ในเวลานี้ กู้หนิงผิงซึ่งอยู่ที่บ้านของป้าจางกลับมาพร้อมกับกู้เสี่ยวอี้ที่กำลังพูดคุยเจือเสียงหัวเราะ

พูดไปหัวเราะไปตลอดทาง โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่บ้านเมื่อครู่นี้

กู้หนิงผิงมาถึงประตูบ้าน มองดูกู้เสี่ยวหวานที่ยืนอยู่ข้างนอกอย่างสงสัย และเอ่ยถาม “ท่านพี่ ทำไมท่านถึงยืนอยู่ข้างนอก ไม่เข้าไปในบ้านล่ะ?”

“หือ? อาจารย์ล่ะ?”

ประตูบ้านไม่ได้ลงกลอนไว้ ท่านพี่กับอาจารย์ยังไม่เข้าบ้านเลยด้วยซ้ำ

ท่าทางตกตะลึงของกู้เสี่ยวหวานในขณะนี้ ดูเหมือนว่าหางตาของนางจะมีหยาดน้ำ ซึ่งทำให้กู้หนิงผิงประหลาดใจ เขารีบจับมือของกู้เสี่ยวหวานและเอ่ยถามอย่างกังวลว่า “ท่านพี่ ท่านพี่เป็นอะไร?”

กู้เสี่ยวหวานไม่รู้สึกอะไร กู้หนิงผิงเรียกหลายครั้งก่อนที่จะดึงกู้เสี่ยวหวานออกจากภวังค์มาได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ กู้เสี่ยวอี้พลันตระหนกตกใจเมื่อเห็นท่าทีตะลึงงันของพี่สาว กู้เสี่ยวอี้ก็จับมือกู้เสี่ยวหวานด้วยความกลัว และเขย่าอย่างต่อเนื่อง เสียงของนางเต็มไปด้วยความกังวล “ท่านพี่ ท่านพี่…”

กู้เสี่ยวหวานกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งด้วยเสียงจากผู้เป็นน้องทั้งสอง เมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจของน้อง ๆ กู้เสี่ยวหวานก็รีบเช็ดน้ำตาออกจากดวงตา และพยายามฝืนยิ้มออกมา แต่มันก็น่าเกลียดกว่าการร้องไห้ “พวกเจ้ากลับมาแล้ว!”

กู้หนิงผิงจะไม่รู้ว่านางกำลังฝืนยิ้มออกมาได้อย่างไร ความกังวลในใจของเขาเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจับมือกู้เสี่ยวหวานไม่ยอมปล่อย และเอ่ยถามอย่างประหม่า “ท่านพี่เป็นอะไรไป? ท่านกลับมาตั้งนานแล้ว ทำไมถึงยังอยู่ข้างนอก? อาจารย์ล่ะ? อาจารย์อยู่ที่ไหน?”

อาจารย์จะไม่ทิ้งพี่สาวไว้ที่บ้านตามลำพัง เรื่องล่าสุดที่เกิดขึ้นกับพี่สาวเกือบทำให้อาจารย์เป็นบ้า ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าพี่สาวจะอยู่ที่ไหน เขาจะอยู่ที่นั่น

เขาอยู่ที่ไหน เขาจะพาพี่สาวไปทุกที่

ตอนนี้มืดแล้ว ทำไมไม่เห็นร่างของอาจารย์เลย มีแต่พี่สาวยืนอยู่ที่ประตูบ้าน ที่น่างงงวยกว่านั้นคือกลอนยังไม่ถูกเปิดเลยด้วยซ้ำ และท่าทางตะลึงของพี่สาว เป็นไปได้หรือไม่ว่าตั้งแต่กลับบ้านมา นางก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูเช่นนี้โดยไม่ได้เข้าไป?

“พี่ใหญ่ฉิน เขา…” เมื่อกู้เสี่ยวหวานเริ่มพูด น้ำตาที่นางกลั้นไว้ในที่สุดก็ไหลลงมาราวกับสร้อยไข่มุกที่ด้ายขาด น้ำตาเม็ดใหญ่ตกลงบนมือของกู้หนิงผิง มันร้อนจนกู้หนิงผิงรู้สึกตกใจ

พี่สาวของเขาไม่ค่อยร้องไห้ อย่างน้อยก็ไม่ร้องเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา!

แต่ตอนนี้ นางร้องไห้อย่างเศร้าสร้อย เป็นไปได้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องใหญ่กับพี่ใหญ่ฉิน?

“เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์? ท่านพี่ อย่าร้องไห้ เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์กันแน่?” กู้หนิงผิงกังวลแทบตาย

“พี่ใหญ่ฉินถูกเจ้าหน้าที่พาตัวไป เจ้าหน้าที่พวกนั้นบอกว่าข้าฆ่าคน แต่พี่ใหญ่ฉินบอกว่าเขาเป็นคนฆ่า เขาจึงถูกเจ้าหน้าที่นำตัวไปแทนข้า!” กู้เสี่ยวหวานปาดน้ำตาและพูดอย่างเคร่งขรึม

มันไม่มีประโยชน์ใดหากจะร้องไห้ ตอนนี้นอกจากรอเขากลับมาตามที่เขาบอกไว้ นางยังต้องวางแผนล่วงหน้า แม้ว่านางจะไม่สามารถช่วยฉินเย่จือได้ อย่างน้อยก็จำเป็นต้องรู้ว่าเขาอยู่ในห้องขังเป็นอย่างไร

“ว่าอย่างไรนะ? ฆ่า… ฆ่า… คน?” กู้หนิงผิงตะลึงกับคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน เขาไม่สามารถหุบปากได้ครู่หนึ่ง และหลังจากคำพูดเหล่านี้ถูกย้ำในใจ เขาก็เอ่ยถามอย่างตื่นตระหนกว่า “เป็นไปได้อย่างไร? พวกเขาบอกว่าท่านฆ่าคน? จะเป็นไปได้อย่างไร? ท่านไม่กล้าแม้แต่จะฆ่าไก่ แล้วท่านจะฆ่าคนได้อย่างไร? เจ้าหน้าที่เหล่านั้นเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า!”

กู้เสี่ยวหวานก้มศีรษะลงโดยไม่พูดอะไร

ฉินเย่จือฆ่าคน แต่ฆ่าเพราะปกป้องนาง นอกจากกู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือแล้ว ก็มีแต่เหมียวเอ้อร์ซึ่งตายไปแล้วเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ นางจะไม่บอกใคร แม้แต่กู้หนิงผิง!

ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงไม่ตอบคำถามของกู้หนิงผิงโดยตรง

“พี่ใหญ่ฉินบอกว่าเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัยในสามวัน แต่ข้ารู้สึกไม่สบายใจ!” กู้เสี่ยวหวานลูบหน้าอกของนางและพูดอย่างกังวลว่า “ไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะบอกว่าข้าฆ่าคนอย่างไร แต่ตอนนี้พี่ใหญ่ฉินถูกพาตัวไปแล้ว ข้าไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าในคุกเป็นอย่างไร และพวกเขาจะทำอะไรกับพี่ใหญ่ฉินบ้าง หนิงผิง พรุ่งนี้เช้าเจ้าไปที่ร้านจิ่นฝูกับข้า ถ้าท่านลุงหลี่รู้จักกับคนของทางการก็ให้เงินพวกเขาสักหน่อย อย่างน้อยพี่ใหญ่ฉินก็ไม่ต้องทนทุกข์อยู่ในห้องขัง!”

กู้หนิงผิงพยักหน้าตอบรับและกล่าวว่า “ได้!”

ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ กู้เสี่ยวหวานเฝ้ารอให้ฟ้าสว่างโดยเร็ว เพื่อที่นางจะได้ออกไปหาหลี่ฝาน แต่ในขณะที่นางกำลังรอรุ่งอรุณ ก็มีใครอีกคนรอรุ่งอรุณเช่นกัน

การสมคบคิดครั้งใหญ่กำลังรอกู้เสี่ยวหวานอยู่ข้างหน้า แต่เพราะเรื่องของฉินเย่จือ นางจึงไม่เคยคิดเกี่ยวกับตัวเองเลย และมันเกือบทำให้นางตายเพราะเรื่องนี้

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงวิ่งกลับบ้านอย่างบ้าคลั่ง ภรรยาของเขาเดินตามหลังไปอย่างอดไม่ได้ พูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง มันทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน

เขายังคงตะโกนว่ามีวิญญาณ มีวิญญาณ กรีดร้องโหยหวน ในช่วงเวลากลางดึก เขาดูน่าหวาดกลัวมาก!

นางคิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านป่วย จึงรีบวิ่งไปที่บ้านของหมอหม่า และดึงหมอหม่าลุกจากเตียงในกลางดึก

หมอหม่ามาพร้อมกับกล่องยาบนหลัง แต่เมื่อเขามาถึงบ้านของหัวหน้าหมูบ้านเหลียง เขาก็ตกใจแทบตาย

ในขณะนี้ เขาเห็นหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงผมยุ่งเหยิงและมีสีหน้าสยดสยอง