ตอนที่ 678 ป่าไผ่ต้องห้าม

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่​ 678 ป่าไผ่​ต้องห้าม​

แม้ว่า​ตอนบ่าย​จะมีเรียน​เพียง​สามคาบ​ แต่​หลังจาก​เลิกเรียน​ก็​ไม่มีอะไร​แล้ว​

หลิน​ม่าย​ต้อง​การเรียน​วิชาเอก​การเงิน​ ดังนั้น​เธอ​จึงขอให้​เพื่อนร่วมชั้น​คน​หนึ่ง​ช่วย​บอก​เพื่อนร่วมห้อง​ของ​เธอ​เตรียม​อาหารเย็น​ให้​เธอ​ด้วย​

หลังจาก​เรียน​เสร็จ​ เธอ​ก็​ตรง​กลับ​ไป​ยัง​หอพัก​เพื่อ​กิน​อาหารเย็น​ จากนั้น​ก็​ไป​เรียน​ด้วยกัน​

หลังจาก​เรียน​วิชาเลือก​เสร็จ​ หลิน​ม่าย​ก็​เดิน​ลัด​กลับ​หอพัก​

เมื่อ​ผ่าน​ป่าไผ่​ จ้าว​ซั่ว​หยาง​ก็​หยุด​เธอ​ไว้​

แม้ว่า​ใน​ป่าไผ่​จะไม่มีใคร​นอกจาก​พวกเขา​สอง​คน​ แต่​หลิน​ม่าย​ก็​ไม่กลัว​ นับตั้งแต่​เรียนรู้​ศิลปะ​การต่อสู้​ ประสิทธิภาพ​การต่อสู้​ของ​เธอ​ก็​ดีขึ้น​มาก​

หาก​จ้าว​ซั่ว​หยาง​กล้า​ที่จะ​ทำร้าย​เธอ​ เธอ​จะทุบ​เขา​จน​แหลก​ละเอียด​อย่าง​แน่นอน​!

จ้าว​ซั่ว​หยาง​ถือ​ช่อดอกไม้​ไว้​ใน​มือ​และ​พูด​อย่าง​รักใคร่​ “หลิน​ม่าย​ ฉัน​ชอบ​เธอ​จริง ๆ​ นะ​ ฉัน​คิดถึง​เธอ​ทุกวัน​จน​กิน​ไม่ได้​นอนไม่หลับ​ เรา​มาเป็น​แฟน​กัน​เถอะ​”

หลิน​ม่าย​มอง​เขา​ดุจ​จ้องมอง​สัตว์ประหลาด​ “นาย​ไม่สบาย​หรือเปล่า​ ไม่รู้​หรือว่า​ฉัน​แต่งงาน​แล้ว​?”

หาก​ขอ​ชื่นชอบ​เธอ​จริง​ เขา​จะต้อง​สนใจ​เธอ​ใน​ทุก​ย่างก้าว​ และ​เป็นไปไม่ได้​ที่จะ​ไม่รู้​ว่า​เธอ​แต่งงาน​แล้ว​

จ้าว​ซั่ว​หยาง​พูด​อย่าง​ชัดแจ้ง​ “การ​แต่งงาน​โดย​ปราศจาก​ความรัก​นั้น​ผิดศีลธรรม​”

หลิน​ม่าย​โกรธ​มาก​จึงเตะ​จ้าว​ซั่ว​หยาง​ออก​ไป​ “นาย​รู้​ได้​อย่างไร​ว่า​ฉัน​และ​สามีไม่ได้​รัก​กัน​? แล้ว​รู้​ได้​ยังไง​ว่า​ฉัน​จะรัก​ตือ​โป๊ยก่าย​แบบ​นาย​?”

จ้าว​ซั่ว​หยาง​พยายาม​ลุกขึ้น​จาก​พื้น​ “อย่า​หลอกตัวเอง​เลย​ สามีเธอ​แก่​กว่า​เธอ​ตั้ง​สิบ​ปี​ จะรัก​กัน​ได้​ยังไง​?”

การ​ใช้เหตุผล​กับ​คน​ไร้เหตุผล​นั้น​เปล่าประโยชน์​ ดังนั้น​หลิน​ม่าย​จึงลงมือ​ทุบตี​เขา​

เขา​บอ​กว่า​เขา​รัก​เธอ​ไม่ใช่หรือ​ ดังนั้น​ต่อให้​เธอ​ทุบตี​เขา​มาก​เพียงใด​ เขา​ก็​จะไม่ตอบ​โต้กลับ​ แต่​หาก​เขา​ตอบ​โต้กลับ​ก็​แสดง​ว่าไม่ได้​รัก​เธอ​จริง​

แม้ว่า​ชาย​คน​นี้​จะสร้าง​ปัญหา​มากมาย​ให้​กับ​ผู้นำ​โรงเรียน​ แต่​หลิน​ม่าย​ก็​ไม่เกรงกลัว​

เธอ​ยืนกราน​จะวางแผน​ต่อต้าน​ชาย​ผู้​นี้​ และ​เลือก​ที่จะ​ปกป้อง​ตัวเอง​ เพราะ​แน่นอน​ว่า​หัวเราะ​ทีหลัง​ดัง​กว่า​

จ้าว​ซั่ว​หยาง​ถูก​ทุบตี​และ​นอน​อยู่​บน​พื้น​ก่อนที่จะ​พยายาม​ลุกขึ้น​

เขา​ด่าทอ​หลิน​ม่าย​ใน​ใจ เขา​ไม่เคย​คาดคิด​มาก่อน​ว่า​หญิงสาว​ที่​ดู​ผอมแห้งแรงน้อย​จะแข็งแกร่ง​และ​มีพละกำลัง​มาก​ถึงขนาด​นี้​

แต่​ยิ่ง​หลิน​ม่าย​ปฏิเสธ​ เขา​ก็​ยิ่ง​เต็มไปด้วย​ความปรารถนา​ที่จะ​พิชิต​ใจเธอ​

ตั้งแต่​ครั้งแรก​ที่​เขา​เห็น​หลิน​ม่าย​ เขา​ก็​ต้องการ​ดึง​เธอ​เข้ามา​ใน​ฮาเร็ม​และ​ตั้ง​เธอ​เป็น​เมียหลวง​

แต่​เขา​ไม่เคย​คาดคิด​มาก่อน​ว่า​ หญิง​ผู้​นี้​จะจ้องมอง​เขา​ด้วย​ความรังเกียจ​

จากนั้น​เขา​ก็​ต้องการ​เอาชนะ​เธอ​และ​ทำให้​เธอ​เชื่อฟัง​เขา​อย่าง​เต็มใจ​เหมือน​สวี​ชิงห​ยา​

แล้ว​เขา​จะทิ้ง​เธอ​ไป​

เขา​ยัง​ต้องการ​กระจาย​ข่าวลือ​ว่า​ เธอ​เป็น​หญิง​ที่​มีสามีอยู่แล้ว​แต่กลับ​พยายาม​ยั่วยวน​เขา​ ดังนั้น​เขา​จะต้อง​แก้แค้น​ทุกอย่าง​

เขา​เป็น​ประธาน​เก่งกาจ​ของ​มหาวิทยาลัย​ชิงหวา​ และ​ไม่เชื่อ​ว่า​ตน​จะไม่สามารถ​เอาชนะ​นักศึกษา​น้องใหม่​ได้​!

หลังจากนั้น​หลิน​ม่าย​ก็​กลับ​ไป​ที่​หอพัก​

บรรยากาศ​ใน​หอพัก​น่าหดหู่​มาก​

สวี​ชิงห​ยา​ทิ้งตัว​ลง​บน​เตียง​และ​ร้องไห้​ไม่หยุด​ ในขณะที่​เพื่อนร่วมห้อง​ของหล่อน​อ่านหนังสือ​อย่าง​เงียบงัน​

หลิน​ม่าย​กิน​อาหาร​ที่​เพื่อนร่วมห้อง​ของหล่อน​ซื้อ​มาให้​

เธอ​หัน​มอง​สวี​ชิงห​ยา​ด้วย​หาง​ตา​พลาง​เอ่ย​ถามเพื่อนร่วมห้อง​อย่าง​เงียบงัน​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​เธอ​

เหมียว​เหมียว​กล่าว​ “หล่อน​ร้องไห้​อีกแล้ว​”

หลังจากที่​หลิน​ม่าย​รับประทาน​และ​ล้าง​กล่อง​อาหาร​เสร็จ​ เธอ​และ​เพื่อนร่วมห้อง​ก็​หิ้ว​กระเป๋า​เพื่อ​ไป​เรียนหนังสือ​ทันที​

ทันทีที่​พวก​หล่อน​จากไป​ เสียง​ร้องไห้​ของ​สวี​ชิงห​ยา​ก็​ดัง​มาจาก​หอพัก​

เธอ​ร้องไห้​เพราะ​เมื่อคืนนี้​เพื่อนร่วมห้อง​ของ​เธอ​ไม่ได้​ชวน​เธอ​ไป​ติว​หนังสือ​ด้วยกัน​ พวก​เธอ​จากไป​โดย​ทิ้ง​สวี​ชิงห​ยา​ไว้​

เพื่อนร่วมห้อง​พูดไม่ออก​เมื่อ​ได้ยิน​เสียงร้อง​ของ​ไห้​สวี​ชิงห​ยา​

เห็นได้ชัด​ว่า​หล่อน​เข้ากับ​คน​ได้​ยาก​และ​มักจะ​ทำตัว​น่าสมเพช​เหมือน​ถูก​รังแก​ แล้ว​ใคร​จะอยาก​ยุ่ง​กับ​หล่อน​!

เสิ่นอวิ้น​กล่าว​ด้วย​ความโมโห​ “การ​ที่​สวี​ชิงห​ยา​ร้องไห้​แบบนี้​ หาก​คนอื่น​ไม่รู้​ก็​จะคิด​ว่า​หล่อน​ถูก​เพื่อนร่วมห้อง​รังแก​ และ​เจ้าหน้าที่​องค์การ​นักศึกษา​ก็​จะมาสอบสวน​เรา​อีกครั้ง​”

หลิน​ม่าย​ถาม “เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​หล่อน​? ฉัน​เห็น​หล่อน​ร้องไห้​ตั้งแต่​ที่​ฉัน​เข้าไป​ใน​ห้อง​”

ฉีเย​ว่​ชิงกล่าว​ “เรา​ซื้อ​อาหาร​มาให้​เธอ​ แต่​เรา​ไม่ได้​ซื้อ​อาหาร​มาให้​หล่อน​ หล่อน​จึงรู้สึก​เสียใจ​และ​บอ​กว่า​เรา​ดูถูก​หล่อน​”

หลิน​ม่าย​ไม่รู้​จะแสดง​สีหน้า​อย่างไร​

ขณะที่​พวก​เธอ​กำลัง​ติว​หนังสือ​ให้​แก่​กัน​ จู่ ๆ เจ้าหน้าที่​ผู้​หนึ่ง​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​พร้อม​นำ​ตัว​หลิน​ม่าย​ไป​ยัง​สำนักงาน​

เมื่อ​มาถึง เธอ​เห็น​เพื่อนร่วมห้อง​หลาย​คน​อยู่​ใน​สำนักงาน​ ยืน​อยู่​หน้า​ที่ปรึกษา​ของ​พวกเขา​

ที่ปรึกษา​รวบรวม​หลิน​ม่าย​และ​เพื่อนร่วมชั้น​มาเพื่อ​สอบถาม​ว่า​พวกเขา​ดูถูก​และ​ปฏิเสธ​ที่จะ​ทำความรู้จัก​สวี​ชิงห​ยา​หรือไม่​

เพื่อนร่วมห้อง​ทุกคน​โกรธ​มาก​ เห็นได้ชัด​ว่า​ทั้งหมด​เป็น​ความผิด​ของ​สวี​ชิงห​ยา​ และ​หล่อน​ยัง​สร้าง​ปัญหา​ให้​กับ​ที่ปรึกษา​อีกด้วย​

เพื่อนร่วมห้อง​รีบ​เล่าเรื่อง​ทั้งหมด​ให้​ที่ปรึกษา​ฟัง

ทุกอย่าง​เป็น​เพราะ​หล่อน​คิด​ไป​เอง​ ไม่มีใคร​ใน​หอพัก​พยายาม​ปลีกตัว​จาก​สวี​ชิงห​ยา​ และ​แน่นอน​ว่า​ไม่มีใคร​ดูถูก​หล่อน​ ทุกอย่าง​เกิด​จาก​จินตนาการ​ของหล่อน​เอง​ทั้งนั้น​

สวี​ชิงห​ยา​กล่าวหา​เพื่อนร่วมห้อง​ของหล่อน​ทุกคน​ ยกเว้น​หลิน​ม่าย​

ใน​สายตา​ของ​ที่ปรึกษา​ เธอ​เป็นกลาง​ และ​ชอบธรรม​ที่สุด​

ที่ปรึกษา​เอ่ย​ถามหลิน​ม่าย​ “สิ่งที่​เถียน​เฟิน​และ​คนอื่น​ ๆ พูด​เป็น​ความจริง​หรือไม่​?”

หลิน​ม่าย​พยักหน้า​ “เป็น​เรื่องจริง​ทั้งหมด​ค่ะ​”

ที่ปรึกษา​หลาย​คน​ตกตะลึง​

ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​เพียง​คนเดียว​ที่​ไม่โดน​สวี​ชิงห​ยา​กล่าวหา​ แต่​หลิน​ม่าย​กลับ​พูดจา​เข้าข้าง​เพื่อนร่วมห้อง​ของ​ตน​ ซึ่งแสดงให้เห็น​ว่า​สวี​ชิงห​ยา​มีแนวโน้ม​ที่จะ​สร้างเรื่อง​ทั้งหมด​ขึ้น​มาเอง​

สวี​ชิงห​ยา​คน​นี้​ไม่ใช่คน​ที่​รับมือ​ได้​ง่าย​ หล่อน​กล้า​ที่จะ​สร้างศัตรู​กับ​เพื่อนร่วมห้อง​รวมถึง​เกือบ​ทุก​คนใน​หอพัก​

เพื่อให้​สวี​ชิงห​ยา​ยอมรับ​ความผิดพลาด​ของ​ตน​ ที่ปรึกษา​หลาย​คน​จึงเรียก​หล่อน​มาเพื่อ​เผชิญหน้า​กับ​เถียนเฟิง​และ​คนอื่น​ ๆ

เพื่อนร่วมห้อง​ต่าง​โกรธเกรี้ยว​และ​ถามสวี​ชิงห​ยา​เสียงดัง​ว่า​ พวกเขา​ต้อง​ไป​ไหน​มาไหน​กับ​หล่อน​และ​ทำ​สิ่งต่าง ๆ​ ตาม​ความต้องการ​ของหล่อน​เพื่อ​ไม่ให้​หล่อน​รู้​โดดเดี่ยว​ ถูก​กีดกัน​ หรือ​ถูก​ดูถูก​อย่างนั้น​หรือ​

สวี​ชิงห​ยา​ยืนยัน​ว่า​เถียน​เฟิน​และ​คนอื่น​ ๆ ปฏิเสธ​หล่อน​ อีก​ทั้ง​ยัง​ดูถูก​หล่อน​ด้วย​

หล่อน​ยกตัวอย่าง​มากมาย​เพื่อ​พิสูจน์​ว่า​สิ่งที่​หล่อน​พูด​เป็น​ความจริง​

หาก​เถียน​เฟิน​และ​คนอื่น​ ๆ เป็นมิตร​กับ​หล่อน​ ทำไม​พวกเขา​ไม่ให้​ขนม​กับ​หล่อน​?

พวกเขา​รู้​ว่า​หล่อน​ยากจน​และ​ไม่สามารถ​ซื้อ​อาหาร​ดี ๆ​ ใน​โรงอาหาร​กิน​ได้​ แต่​ทำไม​ยัง​เลือก​ที่จะ​ไม่ชวน​หล่อน​ทุกครั้งที่​ไป​โรงอาหาร​?

ที่ปรึกษา​หลาย​คน​ตกตะลึง​เมื่อ​ได้ยิน​สิ่งที่​สวี​ชิงห​ยา​กล่าว​ เป็น​สวี​ชิงห​ยา​เอง​ที่​จงใจวิจารณ์​เพื่อนร่วมห้อง​ แต่กลับ​กล่าวหา​พวก​หล่อน​ว่า​ไม่เป็นมิตร​กับ​หล่อน​

ที่ปรึกษา​หลาย​คน​โบกมือ​เป็น​สัญญาณว่า​ให้​หลิน​ม่าย​และ​เพื่อนร่วมห้อง​คนอื่น​ ๆ ออก​ไป​ได้​

หลังจาก​ออกจาก​สำนักงาน​ เพื่อนร่วมห้อง​ต่าง​ก็​สงสัย​ ทำไม​สวี​ชิงห​ยา​ถึงฟ้อง​พวกเขา​ทั้งหมด​ แต่​ไม่ได้​ฟ้อง​หลิน​ม่าย​เพียง​คนเดียว​

หลิน​ม่าย​ยิ้ม​พลาง​กล่าว​ “บางที​ฉัน​อาจ​ดุร้าย​จน​สวี​ชิงห​ยา​กลัว​ฉัน​ก็ได้​”

เพื่อนร่วมห้อง​คนอื่น​ ๆ กล่าว​ “แสดงว่า​สวี​ชิงห​ยา​พยายาม​ทำร้าย​ผู้อ่อนแอ​และ​หวาดกลัว​ผู้​แข็งแกร่ง​ ดูเหมือนว่า​เรา​จะต้อง​ก้าวร้าว​กับ​หล่อน​ให้​มากขึ้น​ในอนาคต​เสียแล้ว​” ​

ใน​สำนักงาน​ ที่ปรึกษา​หลาย​พยายาม​อย่าง​มาก​ที่จะ​สั่งสอน​ให้​สวี​ชิงห​ยา​คิดได้​

พวกเขา​บอก​หล่อน​ว่า​เพื่อนร่วมห้อง​ของหล่อน​ไม่ได้​คิดร้าย​ และ​พยายาม​ช่วย​ให้​หล่อน​ผ่อนคลาย​และ​เข้ากับ​เพื่อนร่วมห้อง​ได้ดี​

สวี​ชิงห​ยา​พยักหน้า​เห็นด้วย​ทั้ง​น้ำตา​

ที่ปรึกษา​รู้สึก​ปวดหัว​ พวกเขา​ไม่ได้​พูด​อะไร​ร้ายแรง​แม้แต่​คำ​เดียว​ ทำไม​ผู้หญิง​คน​นี้​ถึงร้องไห้​?

หลังจาก​ติว​หนังสือ​ หลิน​ม่าย​กลับ​ไป​ที่​หอพัก​พร้อมกับ​เพื่อนร่วมห้อง​สอง​สามคน​

เธอ​เห็น​คน​สอง​คน​เถียง​กัน​อยู่​ใน​มุมมืด​

แม้แสงจะสลัว​เกิน​กว่า​จะมองเห็น​ใบหน้า​ได้​ชัดเจน​

และ​เสียง​ทะเลาะ​กัน​ก็​เบา​มาก​จน​บอก​ไม่ได้​ว่า​เป็น​เสียง​ของ​ใคร​

แต่​เมื่อ​พิจารณา​จาก​รูปร่าง​แล้ว​ ชาย​คน​นั้น​ต้อง​เป็น​จ้าว​ซั่ว​หยาง​แน่​

ผม​ยาว​สลวย​ ใบหน้า​อ้วนท้วน​เหมือน​หมู​นั้น​ เธอ​สามารถ​จด​จำได้​แม้จะอยู่​ใน​ความมืด​

เสียง​ของ​ทั้งสอง​คน​โต้เถียง​กัน​แผ่วเบา​ แต่​การกระทำ​นั้น​รุนแรง​มาก​

ชาย​คน​นั้น​ผลัก​ผู้หญิง​ลง​กับ​พื้น​แล้ว​เดิน​ออก​ไป​

ผู้หญิง​คน​นั้น​ลุกขึ้น​จาก​พื้น​และ​ค่อย ๆ​ เดิน​ออก​มาจาก​ความมืด​ จากนั้น​หลิน​ม่าย​ก็​รู้​ว่า​นั่น​คือ​สวี​ชิงห​ยา​!

หลิน​ม่าย​จินตนาการ​ถึงเรื่องราว​ทั้งหมด​อย่าง​รวดเร็ว​

จ้าว​ซั่ว​หยาง​ทอดทิ้ง​สวี​ชิงห​ยา​เสมอ​ แต่​สวี​ชิงห​ยา​ก็​ยัง​ต้องการ​ที่จะ​ยึด​ติดกับ​เขา​

เสียง​ร้องไห้​ของ​สวี​ชิงห​ยา​ดัง​ขึ้น​ใน​หอพัก​ตลอด​ทั้งคืน​

เสียง​ร้องไห้​ไม่ดัง​นัก​ใน​ตอนแรก​ แต่​สาเหตุ​ที่​สวี​ชิงห​ยา​ร้องไห้​ดัง​ขึ้น​เรื่อย ๆ​ อาจ​เป็น​เพราะ​ไม่มีเพื่อนร่วมห้อง​มาดูแล​หล่อน​

แม้ว่า​หลิน​ม่าย​และ​เพื่อนร่วมห้อง​ของหล่อน​จะรู้​ว่า​สวี​ชิงห​ยา​ร้องไห้​ดัง​ขึ้น​เพราะ​ต้องการ​ให้​พวก​หล่อน​ปลอบโยน​ แต่​หลิน​ม่าย​และ​เพื่อนร่วมห้อง​กลับ​ยังคง​เฉยเมย​

ไม่มีใคร​อยาก​ข้อง​เกี่ยวกับ​สวี​ชิงห​ยา​เพราะ​กลัว​จะไป​สัมผัส​กับ​อารมณ์​อ่อนไหว​ของหล่อน​โดยไม่ตั้งใจ​จน​ทำให้​หล่อน​ร้องไห้​และ​ฟ้อง​อาจารย์​อีกครั้ง​

สวี​ชิงห​ยา​เสียใจ​อย่าง​มาก​ หล่อน​ร้องไห้​เสียงดัง​ แต่​ไม่มีเพื่อนร่วมห้อง​คอย​ปลอบ​ เพราะ​หล่อน​เป็น​คน​ถือตัว​เกินไป​

การร้องไห้​ของ​สวี​ชิงห​ยา​ไม่ได้​ทำให้​หลิน​ม่าย​และ​คนอื่น​ ๆ รู้สึก​สบายใจ​ ไม่นาน​จากนั้น​ผู้คน​จาก​องค์การ​นักศึกษา​รวมทั้ง​หลูเชวี่ย​มาดู​เธอ​

หลูเชวี่ย​กล่าวว่า​เพื่อนร่วมชั้น​ของ​สวี​ชิงห​ยามา​บอ​กว่า​หลิน​ม่าย​และ​คนอื่น​ ๆ กลั่นแกล้ง​สวี​ชิงห​ยา​อีกครั้ง​ พวกเขา​จึงมาที่นี่​เพื่อ​ตรวจสอบ​

สวี​ชิงห​ยา​ตื่นตระหนก​ “หลิน​ม่าย​ไม่ได้​รังแก​ฉัน​”

เพื่อนร่วมห้อง​คนอื่น​ ๆ กล่าว​ “เรา​ก็​ไม่ได้​รังแก​หล่อน​เหมือนกัน​!”

สวี​ชิงห​ยา​จงใจเงียบงัน​

เมื่อ​เพื่อนร่วมห้อง​เห็น​ท่าทาง​ของหล่อน​ ก็​เลือก​ที่จะ​ไม่พูด​อะไร​ต่อ​ อันที่จริง​พวก​หล่อน​เลือก​ที่จะ​เงียบ​เพราะ​ไม่รู้​ว่า​จะทำ​อย่างไร​ต่อไป​

หลิน​ม่าย​ยืน​ขึ้น​และ​เป็น​พยาน​ว่า​ไม่มีเพื่อนร่วมห้อง​รังแก​สวี​ชิงห​ยา​ หล่อน​ร้องไห้​โดย​ไม่มีเหตุผล​เอง​

หลูเชวี่ย​กล่าว​ด้วย​ใบหน้า​สงบ​ “แม้ว่า​เธอ​จะไม่ได้​รังแก​สวี​ชิงห​ยา​ แต่​เธอ​ก็​ไม่ควร​ให้การเท็จ​เพื่อ​เข้าข้าง​เพื่อนร่วมห้อง​คนอื่น​ เพราะ​นั่น​จะถือเป็น​ความผิด​”

แม้หลิน​ม่าย​ย้ำ​หลายครั้ง​ว่า​เธอ​ไม่ได้​ให้การเท็จ​ แต่​หลูเชวี่ย​และ​เจ้าหน้าที่​องค์การ​นักศึกษา​ก็​ไม่เชื่อ​ พวกเขา​ยืนกราน​ที่จะ​ตำหนิ​เถียน​เฟิน​พร้อม​เพื่อนร่วมห้อง​คนอื่น​ ๆ ก่อน​จากไป​

………………………………………………………………………………………………………………………….

สาร​จาก​ผู้แปล​

สร้างเรื่อง​เก่ง​จริง​แม่คุณ​เอ๊ย​ จบ​โรงเรียน​เอก​มโน​โท​จินตนาการ​มาเหรอ​

ไหหม่า​(海馬)