บทที่ 627 อุทิศตัวเพื่อมรรคาสวรรค์ ครึ่งอริยะยอมสยบ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 627 อุทิศตัวเพื่อมรรคาสวรรค์ ครึ่งอริยะยอมสยบ

ฟางเหลียงค่อยๆ ลุกขึ้นมา ค้อมกายคารวะหานเจวี๋ย เอ่ยเรียกอาจารย์ปู่

หานเจวี๋ยเดินมาหยุดตรงหน้าเขา เอ่ยว่า “เจ้ายังจดจำข้าได้ด้วยหรือ”

ฟางเหลียงตอบ “ย่อมจดจำไปชั่วนิรันดร์ หากไม่มีอาจารย์ปู่ ฟางเหลียงไหนเลยจะมีวันนี้ ในใจฟางเหลียง พระคุณของอาจารย์ปู่มากล้นเหลือแสน”

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามา เจ้าชักจูงอริยะคนอื่นๆ มีจุดประสงค์ใด”

ฟางเหลียงเงียบไป

หานเจวี๋ยเอ่ย “การแก่งแย่งชิงดีในหมู่อริยะไม่เกี่ยวข้องกับข้า แต่หากส่งผลกระทบต่อมรรคาสวรรค์ ข้าก็จำต้องลงมือ ข้าอยากฝึกบำเพ็ญอย่างสงบสุข มรรคาสวรรค์สามารถปกป้องข้าไม่ให้ถูกรบกวนได้”

ฟางเหลียงถอนหายใจ กล่าวว่า “สิ่งที่ข้าทำลงไปก็เพราะอยากเกื้อหนุนมรรคาสวรรค์ อาจารย์ปู่ ท่านน่าจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว อริยะเหล่านี้อันที่จริงล้วนเป็นหุ่นเชิดทั้งสิ้น มีแดนเทพหวนปัจฉิมคอยบงการอยู่เบื้องหลัง หากไม่ตัดขาดบ่วงกรรม มรรคาสวรรค์จะกลายเป็นหุ่นเชิดของแดนเทพหวนปัจฉิมไปตลอดกาล”

“ข้าอยากช่วยให้มรรคาสวรรค์หลุดพ้นจากข้อผูกมัด และนี่ก็เป็นเจตนารมณ์ของบรรพชนเต๋าด้วย”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาของฟางเหลียงฉายแววมุ่งมั่น

เขาเปลี่ยนไปหลังจากกลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์

สาเหตุที่เปลี่ยนแปลง ก็เพราะไม่เป็นตัวของตัวเอง

เขาแบกรับความรู้สึกแบบเดียวกับอดีตจักรพรรดิสวรรค์รุ่นก่อน ต่อให้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแดนเซียน ก็ยังเป็นหุ่นเชิดในมือของเหล่าอริยชนอยู่ดี

มีอยู่หลายครั้ง พวกเขาคิดจะลงมือเพื่อมรรคาสวรรค์ แต่ส่งผลกระทบกับผลประโยชน์ของเหล่าอริยะ จึงจำเป็นต้องยอมถอดใจ ความรู้สึกนี้ช่างน่าอึดอัดคับข้องอย่างยิ่ง

หานเจวี๋ยถามว่า “บรรพชนเต๋าสิ้นชีพไปหรือยัง”

หากยังไม่ดับสูญ ไยจึงเรียกว่าเจตนารมณ์

“ขอรับ สาเหตุที่บรรพชนเต๋าหายตัวไป ก็เพื่อทำลายล้างตัวตนอันน่าหวาดกลัวอย่างยิ่งคนหนึ่ง ตัวตนอันน่าหวาดกลัวนั้นต้องการกลืนกินมรรคาสวรรค์และมหามรรค หลังจากเจตจำนงที่หลงเหลืออยู่ของบรรพชนเต๋าเลือกข้า เขาบอกกับข้าว่า แดนเทพหวนปัจฉิมถูกตัวตนอันน่าหวาดกลัวนั้นเข้าแทรกซึมแล้ว หากแดนเทพหวนปัจฉิมกลืนกินมรรคาสวรรค์ สิ่งมีชีวิตน่าพรั่นพรึงนับไม่ถ้วนที่ถูกคุมขังอยู่ในแดนบรรพกาลจะได้รับการปลดปล่อย จากนั้นสิ่งที่จะตามมาก็คือความโกลาหล” ฟางเหลียงเอ่ยเสียงขรึม

“ข้าก็เคยแจ้งเรื่องนี้ต่อแดนเทพหวนปัจฉิม ผลคือเกือบสิ้นชีพอยู่ในแดนต้องห้ามอันธการ หลังจากนั้นข้าถึงได้รู้ว่า แดนเทพหวนปัจฉิมพึ่งพาไม่ได้ หากคิดจะช่วยเหลือมรรคาสวรรค์ ข้าจำเป็นต้องมุมานะพึ่งพาตัวเอง!”

“อาจารย์ปู่ ข้าทราบว่าท่านเพียงอยากฝึกบำเพ็ญอย่างสบายใจ ข้าไม่อยากลากท่านลงน้ำไปด้วย แต่ก็ขอร้องท่านอย่าได้ขัดขวางข้าเลย ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะอุทิศตนเพื่อมรรคา เพื่อมรรคาแล้วต่อให้ร่างกายแตกสลาย ข้าก็ไม่เสียดาย”

น้ำเสียงของฟางเหลียงเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น ไม่เฉยเมยเหมือนก่อนหน้านี้

หานเจวี๋ยใช้ความสามารถวิวัฒนาการดูเงียบๆ สละอายุขัยไปสี่พันล้านปี ถึงได้ทราบว่าฟางเหลียงไม่ได้โป้ปด

มองจากจุดนี้แล้ว ฟางเหลียงห่วงใยมรรคาสวรรค์จริงๆ

บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่มรรคาสวรรค์เลือกเขา

หานเจวี๋ยเอ่ยไปว่า “หวังว่าเจ้าจะทำได้อย่างที่พูด เรื่องอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา เจ้าคิดเห็นเช่นใด”

บรรพชนเต๋ายังไม่ตาย แต่กลับบอกฟางเหลียงว่าตัวเองตายไปแล้ว หานเจวี๋ยรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะยุ่งยากกว่าที่เห็น

แต่เขาก็ไม่อาจเปิดโปงได้ ตอนนี้บรรพชนเต๋าคือตัวตนที่เขาหาเรื่องไม่ได้ ต่อให้เขาพูดออกไป ฟางเหลียงก็คงไม่เชื่อ ฟางเหลียงตัดสินใจจะสร้างกลุ่มอิทธิพลของตนขึ้นแล้ว

ฟางเหลียงเอ่ย “จำเป็นต้องยับยั้ง เขาคือไส้ศึกที่แดนเทพหวนปัจฉิมคัดสรรมา และมิใช่ไส้ศึกคนสุดท้ายแน่นอน หลังจากมรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่ แดนเทพหวนปัจฉิมจัดวางไส้ศึกไว้ในมรรคาสวรรค์สามรายแล้ว พูดไปก็น่าขัน พวกเขาไม่ได้มาจากการคัดเลือกของสรรพสิ่ง แต่มาจากคำสั่งของแดนเทพหวนปัจฉิม เจตนาก็ชัดเจนแล้ว บางทีในมุมมองของพวกเขา มรรคาสวรรค์ในยามนี้ไม่ควรค่าให้ยำเกรง ไม่จำเป็นต้องปกปิดซ่อนเร้น ถึงอย่างไรบรรพชนเต๋าก็ไม่อยู่แล้ว”

หลังจากหานเจวี๋ยทราบความคิดของฟางเหลียงก็รู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว

เขากลัวว่าฟางเหลียงจะไปสมคบคิดกับอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา

สองศิษย์อาจารย์สนทนากันต่ออีกสักพัก ยามที่หานเจวี๋ยจากไป ฟางเหลียงก็ออกมาส่งที่ประตูวังด้วยตัวเอง

เมื่อกลับถึงเขตเซียนร้อยคีรี หานเจวี๋ยนั่งขัดสมาธิบนบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร สิ่งแรกที่ทำคือเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบ ต่อสู้กับอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา

ครึ่งชั่วยามต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วแน่น

เขาสังหารอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาไม่ได้!

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพามิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย แต่เมื่ออยู่ภายใต้มรรคาสวรรค์ ดวงชะตามรรคาสวรรค์อันล้นเหลือกลับเกื้อกูลเขา หานเจวี๋ยสังหารเขานับหมื่นครั้ง เขาก็ฟื้นคืนชีพนับหมื่นครั้ง

ยุ่งยากอยู่บ้าง

หากหานเจวี๋ยจะเปิดศึกกับอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา ก็ทำได้แค่ล่อเขาออกไปนอกมรรคาสวรรค์เท่านั้น

แต่ถ้าออกไปข้างนอก ก็อาจต้องเผชิญกับการลงมือสังหารจากเหล่าผู้ทรงพลังแห่งแดนเทพหวนปัจฉิม

หานเจวี๋ยเริ่มทดลองปราบอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาอีกครั้ง จนปัญญาที่พลังวิเศษของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพามหาศาลนัก ยากจะกำราบได้ หานเจวี๋ยต้องทุ่มพลังสุดตัวถึงจะสังหารเขาได้ แต่เขาก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก วนเวียนเช่นนี้ไม่หยุด

ไม่ได้การ

ต้องคิดหาทางเพิ่มพลัง วันหน้าจะได้จับอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาขังคุกสวรรค์อนธการเสีย

ระดับเสรีมรรคาสวรรค์แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ ต่อให้อริยะรายอื่นร่วมมือกันก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา หานเจวี๋ยไม่มีทางปล่อยให้ตัวตนเช่นนี้ควบคุมชะตาของมรรคาสวรรค์เพียงผู้เดียว

ทันใดนั้นหานเจวี๋ยนึกถึงชิ้นส่วนมหามรรคขึ้นมา

เมื่อรวบรวมชิ้นส่วนมหามรรคครบเก้าชิ้น จะสามารถสรรสร้างพลังวิเศษระดับมหามรรคสักแขนงสำหรับกดข่มศัตรูโดยเฉพาะได้

ตอนนี้เขาสะสมชิ้นส่วนมหามรรคได้หกชิ้นแล้ว ยังขาดอีกสามชิ้น

แต่เมื่อตบะของเขากล้าแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้รับตัวเลือกจากระบบยากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

พลังวิเศษที่เขาสรรสร้างขึ้นโดยใช้ชิ้นส่วนมหามรรคได้แก่มหามรรควัฏจักรอนธการ มหามรรคต้นกำเนิด ความฝันอันธการ โทสะเทพอนธการ ล้วนเป็นโอกาสวาสนาอันยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น

หลังจากกำหนดเป้าหมายแล้ว หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ

….

ผ่านไปกว่าสองพันปี หานเจวี๋ยอายุเกินหนึ่งแสนสี่หมื่นปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับตัวเลือกจากระบบ คาดว่าคงต้องรอให้ครบแสนปีจริงๆ ถึงจะได้รับตัวเลือกสักครั้ง

ในวันนี้

มีแขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งมาเยือนเขตเซียนร้อยคีรี

“ข้าน้อยต้าซั่นเทียน มาเพื่อคารวะเจ้าสำนักซ่อนเร้นโดยเฉพาะ!”

เสียงของต้าซั่นเทียนแว่วเข้าสู่เขตเซียนร้อยคีรี เป็นเหตุให้เหล่าศิษย์แตกตื่น

สำหรับพวกเขาแล้วนามของต้าซั่นเทียนเรียกได้ว่าโด่งดังคุ้นหูนัก หลับตาลงก็เห็นนามของต้าซั่นเทียนบนทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์แล้ว ซ้ำยังอยู่ในลำดับต้นๆ ด้วย

หลังจากหลี่เต้าคง สือตู๋เต้าและฟางเหลียงพิสูจน์มรรคสำเร็จ รายชื่อก็เลือนหายไป ต้าซั่นเทียนนับว่าไร้คู่ต่อสู้ชั่วคราว

แน่นอน สาเหตุสำคัญคือทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์กลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ไปแล้ว สรรพสิ่งต่างไม่ให้ค่าอีก

ใต้ต้นฝูซัง สวินฉางอันถามด้วยความสงสัย “เหตุใดเขาถึงบากหน้ามาหาพวกเรา”

ฉู่ซื่อเหรินกล่าวว่า “ยังต้องพูดอีกหรือ ถูกอริยะหลอกเล่น อับจนหนทางแล้ว ด้วยตำแหน่งและตบะของตัวเขาในตอนนี้ หากไม่อาจสำเร็จเป็นอริยะได้ แล้วจะแก่งแย่งดวงชะตาไปไย ในแดนเซียนแห่งนี้ไหนเลยจะยังมีคนที่สามารถสังหารเขาได้”

ชาติก่อนฉู่ซื่อเหรินคือบรรพชนพุทธภควัต ย่อมรู้แจ้งดี

แค่คำพูดประโยคเดียวจากอริยะ ก็ทำให้สรรพสิ่งต่อสู้แย่งชิงกันได้แล้ว

แต่คำพูดของอริยะไม่ได้แน่แท้น่าเชื่อถือเลย!

หานเจวี๋ยไม่ได้ตอบรับ

ต้าซั่นเทียนคุกเข่าอยู่หน้าเขตเซียนร้อยคีรี ท่าทางคล้ายตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่จากไป

สิ่งมีชีวิตที่สัญจรผ่านไปมาล้วนได้เห็นภาพนี้ หลายสิบปีต่อมาข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วแดนเซียน ทำให้สรรพสิ่งต่างตกตะลึง

สำนักซ่อนเร้นกลับมาอยู่ในสายตาของสรรพสิ่งอีกครั้ง!

ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

ภายในตำหนักเอกภพ

เทพสูงสุดหนานจี๋เอ่ยหยอกเย้า “ต้าซั่นเทียนคนนี้ช่างอดกลั้นต่อความอับอายได้ดีจริงๆ แต่ทำไปก็ไม่มีประโยชน์ หากอยากสำเร็จเป็นอริยะ มิใช่ว่าพึ่งพาผู้ใดก็สำเร็จได้ทั้งสิ้น เว้นแต่จะไปพึ่งพาบรรพชนเต๋าเท่านั้น”

เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยพยักหน้ารับ

พวกเขาต่างรู้สึกผิดต่อต้าซั่นเทียนยิ่งนัก จนปัญญาที่พวกเขาเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย พวกเขาเคยเสนอสิ่งชดเชยให้ต้าซั่นเทียนแล้ว แต่ต้าซั่นเทียนไม่ยอมรับ กลับทำให้พวกเขาขุ่นเคืองใจแทน

ในสายตาของอริยะ ต้าซั่นเทียนยึดมั่นถือมั่นในตัวเองเกินไป

ไม่สำเร็จเป็นอริยะ สุดท้ายก็เป็นเพียงมดปลวกในโลกโลกีย์อยู่วันยันค่ำ จะมีชีวิตรอดไปได้อีกกี่มหาเคราะห์กัน

ไม่จำเป็นต้องให้อริยะลงมือ สถานการณ์ในมหาเคราะห์ก็ทำให้ต้าซั่นเทียนตายได้แล้ว!

………………………………………………………………