บทที่ 629 แทนคุณปรมาจารย์

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 629 แทนคุณปรมาจารย์

หานเจวี๋ยได้ฟังคำพูดของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาก็พลันมีสีหน้าแปลกพิกล

ช่างวางตัวผ่าเผยชอบธรรมเหลือเกิน!

ที่ผ่านมาอริยะล้วนประกาศว่าจะทำอย่างไรในมรรคาสวรรค์บ้าง อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพากลับตั้งเป้าหมายว่าจะยกระดับมรรคาสวรรค์สู่ภายนอก

ความกดดันจากการต่อสู้ชิงอำนาจกันภายใน ไหนเลยจะเทียบชั้นกับการขยายขอบเขตอำนาจได้!

ทว่าอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาคิดเช่นนี้จริงๆ หรือ

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลย

อริยะที่แดนเทพหวนปัจฉิมส่งมาล้วนกลายเป็นต้นหญ้าไหวลู่ลมทั้งสองครั้ง ล้มเหลวอยู่ร่ำไป จอมอริยะเสวียนตูก็เอาใจออกห่างแล้ว อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาต้องคิดทำลายล้างมรรคาสวรรค์แน่นอน หรืออย่างน้อยก็คิดควบคุมแนวทางพัฒนาการของมรรคาสวรรค์

เมื่อคิดได้เช่นนี้ คำประกาศของอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาก็เพียงแค่อยากชักจูงสิ่งมีชีวิตให้มาเข้าร่วมเผ่าปีศาจมากขึ้นเท่านั้น สร้างอิทธิพลองค์รวม

“ข้าคือจอมอริยะเสวียนตูแห่งนิกายเหริน เผ่าปีศาจมิใช่เผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์มานานแล้ว หากมีชีวิตอยู่ต่อไป มีแต่จะขัดขวางความเจริญของมรรคาสวรรค์ นับตั้งแต่วันนี้ไป เผ่าปีศาจจะถูกล้มล้าง หากยังเหลือปีศาจอยู่ สรรพสิ่งต่างสามารถกำจัดทิ้งได้!”

“ข้าคือฟางเหลียงแห่งสำนักวิถีสวรรค์ วิถีสวรรค์สัมผัสได้ว่า เผ่าปีศาจขัดขวางความเจริญของมรรคาสวรรค์ จำเป็นต้องกวาดล้าง ผู้ที่เข้าร่วมเผ่าสวรรค์จงถอนตัวทันที ผู้ที่ขัดขืนดื้อรั้น จะได้รับบทลงโทษจากวิถีสวรรค์ ไม่อาจกลับสู่สังสารวัฏได้!”

“ข้าคือเทพสูงสุดหนานจี๋แห่งนิกายฉ่าน…”

“ข้าคือเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยแห่งนิกายเจี๋ย…”

“ข้าคือฉิวซีไหลแห่งสำนักพุทธ…”

ห้าอริยะประกาศตามกันมาอย่างต่อเนื่อง แข็งข้อท้าชนกับอริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพา สรรพสิ่งล้วนแตกตื่นฮือฮา

เมื่อครู่เผ่าปีศาจเพิ่งลิงโลดปรีดา คิดว่ามีอริยะหนุนหลัง ต่อไปต้องผงาดเรืองอำนาจเป็นแน่ ผลคือต่อมาถูกห้าอริยะประกาศกวาดล้างเผ่าปีศาจ

พวกเขาล้วนสิ้นหวังกันถ้วนหน้า

อริยะเพียงท่านเดียวไหนเลยจะทัดทานอริยะทั้งห้าได้

หานเจวี๋ยอดปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อจอมอริยะเสวียนตูไม่ได้ เรื่องนี้น่าจะมิใช่การสมคบคิดเล่นละคร ดูเหมือนจอมอริยะเสวียนตูต้องการปกป้องมรรคาสวรรค์จริงๆ

เขาเงยหน้ามองขึ้นไปยังชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ไม่มีการต่อสู้อุบัติขึ้น ทุกอย่างเงียบสงัด แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาไม่มีทางยอมอยู่เฉย

ภายในขอบเขตมรรคาสวรรค์ อริยะมรรคาสวรรค์ไม่มีทางถูกฆ่า อริยะสวรรค์จักรพรรดิบูรพาทำอันใดเหล่าอริยชนไม่ได้ คาดว่าคงต้องให้เหล่าผู้ทรงพลังของแดนเทพหวนปัจฉิมออกโรง

ด้วยคำประกาศอันแกร่งกร้าวของเหล่าอริยชน คลื่นลมในแดนเซียนพลันเปลี่ยนแปลง เผ่าปีศาจได้รับผลกระทบมากที่สุด หลายเผ่าพันธุ์ที่สวามิภักดิ์ต่อเผ่าปีศาจก็พากันตีตัวออกห่าง ในชั่วขณะนั้น เผ่าปีศาจส่อเค้าว่าจะล่มสลาย

….

นิกายเจี๋ย ภายในอารามเต๋าเจ้านิกาย

หวงจุนเทียนค่อยๆ วางหยกวิเศษในมือลง เมื่อครู่เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยถ่ายทอดคำสั่งมาหาเขา ต้องกวาดล้างเผ่าปีศาจให้ได้ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใด

“เหตุใดศึกแห่งอริยะถึงเด่นชัดถึงเพียงนี้เล่า” หวงจุนเทียนรู้สึกแปลกใจ

ในอดีตที่ผ่านมาเหล่าอริยชนล้วนวางแผนกันอย่างลับๆ ไหนเลยจะเหมือนครานี้ ทั้งหมดล้วนเผยออกมาตรงๆ

หวงจุนเทียนสังหรณ์ใจว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่

เขาจมอยู่ในภวังค์ความคิด

เขาคิดจะติดต่อไปหาหานเจวี๋ย ทำความเข้าใจสถานการณ์จริง มิเช่นนั้นหากบุ่มบ่ามพุ่งเป้าไปที่เผ่าปีศาจ เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยรับผลกระทบไหว แต่เขารับไม่ไหว

ยามนี้เผ่าปีศาจมีอริยะเกื้อหนุน อริยะสังหารเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยไม่ได้ แต่ถ้าคิดสังหารเขาก็ง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ

หวงจุนเทียนรู้สึกปวดหัวนัก

เขายังคงอยากฝึกบำเพ็ญให้ดี พัฒนาตบะไปทีละขั้น

หวงจุนเทียนคิดดูเล็กน้อย ตอนนี้ยังไม่ได้ หากหานเจวี๋ยมีความประสงค์ ต้องเป็นฝ่ายติดต่อมาหาเขาแน่ ถ้าติดต่อไปหาหานเจวี๋ยตอนนี้ อาจทำให้ศัตรูล่วงรู้แล้วจับจุดได้

ในเวลาเดียวกันนี้ นิกายเหริน นิกายฉ่าน เผ่าสวรรค์และวังสวรรค์ กลุ่มอิทธิพลที่ห้าอริยะให้การสนับสนุนเริ่มปิดล้อมกวาดล้างเผ่าปีศาจตามคำสั่งแล้ว

เรื่องนี้ไม่อาจรั้งรอได้ หากล่าช้านานไป เผ่าปีศาจจะคิดว่าเหล่าอริยชนเพียงหยอกเล่นเท่านั้น

จุดจบของเผ่าปีศาจถึงได้เริ่มขึ้นอย่างแท้จริง

….

พริบตาเดียว เวลาผ่านไปอีกหนึ่งพันปี

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น

เขาเหลือบมองต้าซั่นเทียนที่อยู่ตรงมุมอารามเต๋าแวบหนึ่ง ในใจรู้สึกพอใจอยู่นิดๆ

ความมุ่งมั่นเพียรบำเพ็ญของต้าซั่นเทียนแข็งแกร่งยิ่ง หลังจากจัดการเรื่องราวภายในสำนักแยกนภาเรียบร้อยแล้ว เขาก็มายังเขตเซียนร้อยคีรีสงบใจฝึกบำเพ็ญ หลายปีมานี้ ถ้าหานเจวี๋ยไม่เปิดปากพูด เขาก็ไม่รบกวนเลย

หานเจวี๋ยเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู

[มหาจักรพรรดิเซียวสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[หยางตู๋สหายของท่านเข้าสู่แดนต้องห้ามอันธการ]

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านแปรเปลี่ยนสู่ความมืดมิด ได้รับการชี้ทางเบิกปัญญาจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[สือตู๋เต้าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน]

[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ] x129

[เทพมารขุนพลสวรรค์สหายของท่านตระหนักรู้พลังวิเศษ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[ฟางเหลียงสหายของท่านเข้าสู่แม่น้ำกาลเวลา วิญญาณข้ามสู่บรรพกาล]

[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

….

ปรมาจารย์ได้รับบาดเจ็บ!

หานเจวี๋ยอ่านแล้วพลันรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงคือนักพรตเต๋าผู้หลุดพ้น จนถึงตอนนี้หานเจวี๋ยลองสู้กับเขาในแบบจำลองการทดสอบก็ยังทำอันตรายอีกฝ่ายไม่ได้เลย

หานเจวี๋ยใช้ความสามารถวิวัฒนาการสอบถามอย่างเงียบเชียบว่าเป็นผู้ใดที่ทำร้ายปรมาจารย์ลัญจกรสรวง

[อินกั่วเทียน: ดวงจิตมหามรรค จำแลงมาจากมหามรรคแห่งกรรม ภายหลังถูกปรมาจารย์ลัญจกรสรวงควบคุม ชิงต้นกำเนิดมหามรรคไป เกลียดชังอาฆาตมรรคาสวรรค์ เนื่องจากท่านขัดขวางแผนการทำลายมรรคาสวรรค์ จึงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

เป็นเขา!

หานเจวี๋ยอดเห็นใจปรมาจารย์ลัญจกรสรวงไม่ได้

ถูกศัตรูตัวฉกาจหมายหัว เกรงว่าคงมิใช่แค่บาดเจ็บสาหัสอย่างธรรมดาทั่วไปแน่

หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตี้จวิน อวี้ผูถี อริยะเจ็ดวิถี นึกถึงก่อนหน้านี้ ทั้งสี่ล้วนมีความประทับใจในตัวหานเจวี๋ย ความสัมพันธ์ดียิ่ง ไม่นึกเลยว่าจะแทงข้างหลังปรมาจารย์ลัญจกรสรวง

ชะตากรรมอันน่าเวทนาของปรมาจารย์ลัญจกรสรวงทำให้การตัดสินใจว่าจะไม่ออกจากมรรคาสวรรค์ของหานเจวี๋ยแน่วแน่ยิ่งขึ้น

หานเจวี๋ยมองต้าซั่นเทียน เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไปฝึกบำเพ็ญนอกอารามเต๋าเถอะ ถือโอกาสทำความเข้าใจเขตเซียนร้อยคีรีด้วย”

ต้าซั่นเทียนได้ฟังก็ลืมตาขึ้น คารวะขอตัวลาไป

เขาก็สนใจใคร่รู้ในเขตเซียนร้อยคีรีมากเช่นกัน แต่อารามเต๋าของหานเจวี๋ยปิดกั้นจิตรับรู้ เขาไม่สามารถสอดส่องได้

หลังต้าซั่นเทียนออกไป หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา

เขาคิดจะให้การสนับสนุนปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสักหน่อย เพราะอินกั่วเทียนหมายหัวเขาไว้เช่นกัน

หากปรมาจารย์ลัญจกรสรวงยังอยู่ระหว่างต่อสู้กับอินกั่วเทียน เช่นนั้นก็ยิ่งดี

ห้าวันต่อมา

อายุขัยของหานเจวี๋ยเริ่มลดฮวบลง เขาเรียกหน้าต่างค่าสถานะกับกล่องจดหมายออกมา ก่อนจะจ้องอย่างไม่ละสายตา

หนึ่งหมื่นล้านปี!

หนึ่งแสนล้านปี!

หนึ่งล้านล้านปี!

สิบล้านล้านปี!

อารมณ์ของหานเจวี๋ยยังนับว่าสงบราบเรียบ อาจเป็นเพราะเคยตัวแล้ว อายุขัยยังเสียไปไม่ถึงหนึ่งแสนล้านปี เขายังไหวอยู่

อายุขัยลดฮวบลงอย่างต่อเนื่อง!

ห้าหมื่นล้านล้านปี!

หกหมื่นล้านล้านปี!

[อินกั่วเทียนศัตรูคู่อาฆาตของท่านมรรคจิตสั่นคลอน เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]

[อินกั่วเทียนศัตรูคู่อาฆาตของท่านเผชิญกับการโจมตีจากปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

หานเจวี๋ยหยุดมือทันที

เขาถอนหายใจเงียบๆ ‘ปรมาจารย์ น้ำใจที่เทศนาธรรมให้ในปีนั้นนับว่าชดใช้คืนแล้ว’

หลังจากพักผ่อนอยู่หลายวัน หานเจวี๋ยเริ่มสาปแช่งโพธิสัตว์จุนทีต่อ

เขาสาปแช่งตามระดับความเกลียดชัง ยิ่งระดับสูงย่อมต้องสาปแช่งก่อน ส่วนระดับความเกลียดชังที่ต่ำกว่าสามดาวลงไปไม่ควรสาปแช่งรุนแรงนัก

หนึ่งเดือนผ่านไป

หานเจวี๋ยผลาญอายุขัยไปกับโพธิสัตว์จุนทีและเทพบุพกาลคนละหนึ่งแสนล้านล้านปี ผู้ทรงพลังทั้งสองต่างถูกสาปแช่งจนมรรคจิตได้รับความเสียหาย

หานเจวี๋ยมีอายุขัยนับแสนล้านล้านล้านปี ตอนนี้ยังใช้ไปไม่ถึงจุดทศนิยมด้วยซ้ำ

เอาออกมาเล่นสนุกสักหนึ่งล้านล้านล้านปีดีหรือไม่

ต่อให้สาปแช่งเทพบุพกาลจนตายไม่ได้ อย่างน้อยก็เล่นงานจนบาดเจ็บสาหัสได้

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา หัวใจหานเจวี๋ยก็เริ่มเต้นแรง

ลองดูแล้วกัน!

เทพบุพกาลมีระดับความเกลียดชังต่อหานเจวี๋ยถึง 6.5 ดาว ยิ่งกำจัดได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี!

หานเจวี๋ยปรับสภาวะอยู่หลายวัน จากนั้นก็หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาอีกครั้ง

………………………………………………………………