War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1979
ตอนที่ 1,979 : แตกตื่น
“หงชวี…”
ต้วนหลิงเทียนเพิกเฉยการมาถึงของอาวุโสเขตลงทัณฑ์ทั้ง 4 อย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ในสายตาของเขาคล้ายโลกหล้าจะเหลือเพียงแต่ร่างของหงชวีเท่านั้น
กล่าวให้ชัด เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณของหงชวี
ในขณะที่เหม่อมองศพของหงชวี เสียงของอีกฝ่ายก็คล้ายจะดังก้องวนซ้ำในใจ
เขาย่อมสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นและความอับจนของหงชวีได้ชัดเจนยามอีกฝ่ายกล่าวถึง ‘หลี่อัน’ และเขายังสัมผัสได้ว่า…อีกฝ่ายสิ้นไร้หนทางเพียงใดเมื่อถูกหลี่อันบีบคั้นแบบนี้!
เรื่องของหงชวีนับว่าส่งผลกระทบต่อเขาไม่น้อย
หงชวีคนนี้เดิมทีพลังฝึกปรือก็บรรลุถึงเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญอยู่แล้ว และอีกไม่นานอีกฝ่ายไม่พ้นต้องสามารถผ่านการทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จนสามารถเป็นศิษย์ฝ่ายในได้อย่างภาคภูมิใจคนหนึ่ง!
อย่างไรก็ตามเพียงเพราะหลี่อันเลือกที่จะบีบคั้นหงชวีให้มาฆ่าเขา อนาคตที่สดใสทั้งมวลของหงชวีก็ดับวูบลงทันใด คงเหลือแต่เพียงหนทางอันมืดมิดตีบตันเท่านั้น…
ยิ่งมองศพหงชวีเท่าไหร่ แววตาของต้วนหลิงเทียนก็เผยความสะทกสะท้อนออกมาด้วยอารมณ์มากเท่านั้น
‘เจ้าวางใจเถอะ…ข้าจะช่วยแจ้งข่าวให้ครอบครัวของเจ้าเอง’
สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ลอบให้คำมั่นกับหงชวีในใจ
แน่นอนว่าตอนนี้ตัวเขาไม่อาจออกจากเขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 ได้ ทว่าเรื่องแจ้งข่าวให้ครอบครัวของหงชวีนั้นไม่อาจรอได้…เช่นนั้นเขาต้องให้คนอื่นไปส่งข่าวแทน!
สำหรับผู้ที่จะกระทำหน้าที่นี้ เขามีอยู่ในใจแล้ว
“ต้วนหลิงเทียนกลายร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ?”
“เผชิญหน้ากับท่าไม้ตายของหงชวีที่หลังใช้โอสถต้องห้ามแล้วถึงขั้นเทียบได้กับครึ่งก้าวเซียนสวรรค์ แต่ต้วนหลิงเทียนยังทำลายมันได้โดยง่าย?”
“สุดท้ายหงชวีทนรับแรงกดดันจากต้วนหลิงเทียนไม่ไหว จึงเลือกฆ่าตัวตาย?”
…
ในช่วงที่ต้วนหลิงเทียนกำลังเหม่อมองศพของหงชวีด้วยอารมณ์สะท้อน อาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 4 ของเขตลงทัณฑ์ ก็ได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากเหล่าศิษย์โดยรอบ
หลังจากได้รู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นมาอย่างไร ใจพวกมันอดไม่ได้ที่จะสะท้านสั่นไหว
หงชวีคนนี้ เพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนแล้วกลับไม่ลังเลที่จะใช้โอสถต้องห้าม?
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็ยังก่อการล้มเหลว
เพราะมันไม่เคยคิดไม่เคยฝันจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนนั้น จะสามารถแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้!
หาไม่แล้ว มันคงก่อการสำเร็จ!
จังหวะนี้สายตาของอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 4 ที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็แปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง
ร่างเบื้องหน้าของพวกมันคนนี้…คือนักรบมังกร 9 กรงเล็บ!
ตัวตนระดับนี้ถึงแม้จะอยู่ในเผ่าพันธุ์มังกร ก็ย่อมเป็นตัวตนผู้ยิ่งใหญ่!
แน่นอนว่าเผ่าพันธุ์มังกรที่ว่า ไม่ใช่เผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องล่าง แต่เป็นเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องบน
“เป็นไปได้หรือไม่…เพราะเรื่องนี้ทางหอคุมกฏในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จึงเลือกที่จะปกป้องมัน?”
จังหวะนี้ อาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 4 อดไม่ได้ที่จะจินตนาการไปแบบนั้น
ขณะเดียวกันด้านต้วนหลิงเทียนตอนนี้ที่สติกลับมาอยู่กับร่องกับรอยแล้ว พอเห็นอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 4 มาถึง เขาก็มองทักด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย “อาวุโสทั้ง 4”
หากเป็นปกติ เห็นต้วนหลิงเทียนทักทายแบบขอไปที พวกมันคงรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนไม่เห็นหัวพวกมัน และต้องฟาดงวงฟาดงาเป็นแน่
อย่างไรก็ตามพอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ พวกมันก็ล้างความคิดพรรค์นั้นออกไปจากหัวทันที!
นักรบมังกร 9 กรงเล็บ เป็นตัวตนที่ดำรงอยู่ก็แต่ในตำนานเท่านั้น!
กระทั่งในเผ่าพันธุ์มังกรยังมีฐานะสูงส่งนัก!
“อาวุโสทั้ง 4 ข้าอยากพบอาวุโสเผิงฮั่ว”
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ลืมเรื่องที่หงชวีร้องขอความช่วยเหลือจากเขาทั้งด้วยความที่เรื่องนี้เร่งด่วนไม่น้อย ต้วนหลิงเทียนจึงรีบถามอาวุโสทั้ง 4 ออกไปทันที
เผิงฮั่วเป็นอาวุโสในเขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 แห่งนี้ และวันที่อาวุโสกัวฉงมาส่งเขาที่เขตลงทัณฑ์วันแรก ก็ได้เจออีกฝ่ายกำลังลาดตระเวน จนได้ทำความรู้จักกันเล็กน้อย
ด้วยความที่เขาพึ่งมาอยู่ในเขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1 เขาจึงไม่รู้จักใครเลย
ตอนนี้พอเขาคิดจะติดต่อกัวฉง เขาจึงนึกถึงอีกฝ่ายก่อนใคร
“เจ้าอยากพบอาวุโสเผิงฮั่วรึ? ย่อมได้ ข้าจะพาเจ้าไปเอง”
ในบรรดาอาวุโสของเขตลงทัณฑ์ทั้ง 4 เป็นอาวุโสเพลิงทองแดงที่มาจากแท่นบูชาเต่าทมิฬ เสนอตัวกับต้วนหลิงเทียนก่อนใคร
ต้วนหลิงเทียนย่อมค้นพบได้ไม่ยากจากชุดแต่งกายของอีกฝ่าย ว่าอีกฝ่ายสมควรเป็นอาวุโสเพลิงทองแดงจากแท่นบูชาเต่าทมิฬ เขาจึงพยักหน้ารับทันที
“อาวุโสทั้ง 3 เรื่องตรงนี้รบกวนพวกท่านแล้ว”
อาวุโสแท่นบูชาเต่าทมิฬคนนั้น หันไปกล่าวแจ้งกับอาวุโสอีก 3 คนก่อนจะเหินร่างนำต้วนหลิงเทียนออกไป คล้ายในบรรดาทั้ง 4 มันจะเป็นผู้นำ
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ติดตามอีกฝ่ายจากไปทันที
ไม่ทันไรเหนือน่านฟ้าของเขตที่พัก ก็คงเหลือเพียงร่างอาวุโสเพิลงทองแดงทั้ง 3 กับเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ และร่างไร้วิญญาณที่อยู่บนพื้นเกาะลอยของหงชวี…
จนเมื่อแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนหายลับตาไป คนทั้งหมดจึงค่อยฟื้นสติกลับคืน
สำหรับอาวุโสทั้ง 3 นั้น การเก็บกวาดเรื่องราวหลังจากนี้ก็เป็นอะไรที่ง่ายดายนัก
หงชวีเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนแล้วกลับไม่ลังเลที่จะใช้โอสถต้องห้าม…แม้จะลงมือไม่ประสบผลหากแต่นี่ก็ไม่ใช่อาชญากรรมเล็กๆ!
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะลงมือฆ่าอีกฝ่าย แต่ก็ถือเป็นผู้บริสุทธิ์!
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าหงชวีเป็นฝ่ายฆ่าตัวตายเองด้วยซ้ำ!
หลังจากอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 3 จัดการเก็บกวาดศพของหงชวีเสร็จ พวกมันก็เหินจากไปทันที ด้านเหล่าศิษย์พอเห็นอาวุโสทั้ง 3 จากไป สถานที่เกิดเหตุแต่เดิมที่เงียบงันก็กลายเป็นอื้ออึงขึ้นมาอีกครั้ง
ทั้งหมดสนทนากันอย่างออกรส
ในถ้อยคำสนทนา ก็ล้วนวนเวียนอยู่แต่เรื่องของต้วนหลิงเทียน
ขณะเดียวกัน ทางต้วนหลิงเทียนที่ติดตามอาวุโสเพลิงทองแดงของแท่นบูชาเต่าทมิฬมา ในที่สุดก็ได้พบกับอาวุโสเพลิงทองแดงของแท่นบูชาเต่าทมิฬ เผิงฮั่ว อีกครั้ง
“ต้วนหลิงเทียน?”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียน เผิงฮั่ว ย่อมไม่กล้าถือดีในฐานะ เร่งทักทายออกไปด้วยรอยยิ้ม
“อาวุโสเผิงฮั่วที่ข้ามาหาท่านเพราะมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง…ข้าต้องการพบอาวุโสกัวฉง รบกวนท่านช่วยไปตามอาวุโสกัวฉงให้มาหาข้าที”
ต้วนหลิงเทียนเมื่อพบเผิงฮั่ว ก็กล่าวบอกเจตนาออกไปทันที
“มิมีปัญหา!”
เผิงฮั่วมองปราดเดียวก็พบว่าต้วนหลิงเทียนคล้ายรีบร้อนไม่น้อย ท่าทางจะเป็นเรื่องด่วน มันจึงรีบเหินร่างจากไปอย่างไม่กล้ารอช้า
ไม่นานหลังจากนั้นเผิงฮั่วก็กลับมา
และมันยังกลับมาพร้อมร่างอาวุโสกัวฉง อาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬ!
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าตามหาข้าเช่นนี้มีเรื่องด่วนหรือ?”
กัวฉงมาถึงก็มองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย
หากศิษย์ธรรมดาคิดพบตัวมันอาวุโสฉัวกงคงไม่แยแส จะอย่างไรมันก็เป็นถึงอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬ ไหนเลยจะให้ใครมาตามตัวไปพบได้ง่ายๆ?
ทว่าพอได้ยินว่าคนที่กำลังอยากพบตัวมันคือต้วนหลิงเทียน มันก็รีบมาทันทีอย่างไร้ซึ่งความลังเลใดๆ
ไม่ใช่เพราะใดอื่น แต่เป็นเพราะพรสวรรค์รากวิญญาณแต่กำเนิดของต้วนหลิงเทียนก็คือรากวิญญาณสีน้ำเงิน! อนาคตของอีกฝ่ายไร้จำกัดนัก!!
ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ตกตายไประหว่างเติบโตเสียก่อน ความสำเร็จในภายภาคหน้าย่อมไม่ด้อยไปกว่ามัน!
ตัวตนเช่นนี้ควรค่าให้มันผูกมิตรและช่วยเหลือ
“อาวุโสกัวฉง…”
เมื่อพบกัวฉง ต้วนหลิงเทียนก็เล่าเรื่องราวของหงชวีออกไปให้ฟังทันที และยังบอกกัวฉงถึงเรื่องที่หงชวีร้องขอให้เขาไปกระทำ
ด้านกัวฉงยิ่งฟังเรื่องราว สีหน้าก็ยิ่งถมึงทึงมากขึ้นเรื่อยๆ
กลางวันแสกๆ แต่กลับมีศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬคนหนึ่งถูกอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 อย่างหลี่อันบีบคั้นให้มาก่อการอุกอาจ! เรื่องทั้งหมดทำให้กัวฉงมีโมโหไม่น้อย!!
“วางใจได้ ข้าจะคืนความเป็นธรรมให้แก่มันเอง!”
กัวฉงกล่าวออกเสียงเข้ม
“อาวุโสกัวฉงเรื่องคืนความเป็นธรรมให้หงชวียังรอได้…ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือข้าหวังให้ท่านส่งข่าวถึงตระกูลหง เพื่อแจ้งให้ทุกคนอพยพหลบหนีไปให้ไกลที่สุด จะได้พ้นเงื้อมมือของหลี่อัน หากล่าช้าข้ากลัวว่าหลี่อันจะเอาโทสะไปลงกับตระกูลหง!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับกัวฉงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ข้าขอให้อาวุโสกัวฉงช่วยแจ้งข่าวให้สกุลหงทราบด้วย…และครั้งนี้ถือว่าข้าติดค้างท่านเรื่องหนึ่ง!”
เพื่อเรื่องนี้แล้ว ต้วนหลิงเทียนไม่ลังเลที่จะติดค้างบุญคุณกัวฉง
และนี่ทำให้กัวฉงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ “จากที่เจ้าว่ามา…เจ้ากับหงชวีสมควรพึ่งพบหน้ากันครั้งแรกมิใช่หรือ แม้มันจะร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้า แต่ไฉนเจ้าต้องลำบากติดค้างข้าเพื่อช่วยมันด้วย?”
“ขออาวุโสกัวฉง โปรดช่วยเหลือข้าเรื่องนี้ด้วย”
ต้วนหลิงเทียนไม่ตอบ แต่เลือกจะกล่าวต่อออกมาด้วยความจริงจัง
ก็ใช่ไฉนเขาต้องสนใจด้วย?
บางที
ตอนนี้กระทั่งต้วนหลิงเทียนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเขาต้องสนใจหงชวี
อาจเป็นเพราะหงชวีน่าสงสาร
หรือจิตใต้สำนึกมันร้องบอกเขาว่า…ที่หงชวีต้องประสบชะตาอนาถแบบนี้ ล้วนเป็นเพราะความแค้นของหลี่อันที่มีต่อเขาเป็นตัวผลักดันทั้งสิ้น…
“เจ้าวางใจได้…ข้าพอรู้มาว่าสกุลหงของหงชวีอยู่ที่ใด หลังจากที่ข้ากลับไปข้าจะให้คนของข้ารีบไปแจ้งผู้นำตระกูลหงเรื่องอพยพ”
เผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนที่จริงจัง กัวฉงก็ตอบรับด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน
บางทีความตายของหงชวี อาจทำให้มันมีมูลเหตุไปฟ้องร้องเอาผิดหลี่อันได้…
อย่างไรก็ตามสุดท้ายเมื่อเรื่องราวกระจ่าง ‘ความจริงเปิดเผย’ ด้านหอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟก็คงลงโทษหลี่อันทางวินัยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีทางร้ายแรงถึงขั้นฆ่าหลี่อัน…
สำหรับตระกูลหง ต่อให้หลี่อันจะไปเข่นฆ่าล้างตระกูลจริง ทางลัทธิบูชาไฟก็คงไม่แยแส เพราะนี่ไม่นับเป็นการละเมิดกฏของลัทธิ
“ขอบคุณอาวุโสกัวฉง ข้าต้วนหลิงเทียนจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ของท่านไม่ลืม!”
ต้วนหลิงเทียนประสานมือคารวะกล่าวขอบคุณออกไปอย่างจริงใจ และเมื่อเรื่องราวเร่งด่วนอาวุโสกัวฉงก็เร่งรุดจากไปจัดการเรื่องราวทันที
เมื่อได้เห็นกัวฉงรับปากเป็นมั่นเหมาะ ต้วนหลิงเทียนก็ย้อนกลับไปตำหนักเอกอุของเขตลงทัณฑ์เพื่อเร่งตีความเวทย์พลังป้องกันอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟอย่างปราการเต่าทมิฬทันที แน่นอนว่าระหว่างทางกลับก็มีเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์มองทักเขาด้วยความเคารพ
ขณะเดียวกัน
ข่าวเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนได้แปลงกายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ จนมีพลังเหนือกว่าหงชวีที่ใช้โอสถต้องห้ามจนด่านพลังแตะครึ่งก้าวเซียนสวรรค์ ก็ได้แพร่กระจายออกไป
ข่าวนี้ยังแพร่กระจายไปถึงแท่นบูชาจตุรลักษณ์ในเวลาไม่นาน สร้างความปั่นป่วนขึ้นมาไม่น้อย
“อะไร!? ต้วนหลิงเทียนเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บงั้นเหรอ!?”
“ให้ตายเถอะ! ว่าแต่ไฉนนักรบมังกร 9 กรงเล็บถึงได้มาลัทธิบูชาไฟของพวกเราเล่า มิใช่ว่าหากอยู่ในเผ่าพันธุ์มังกรก็ต้องได้รับการดูแลอย่างดีจนสุขสบายไร้กังวลหรือ?”
…
หลังจากได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ ผู้คนทั้งหลายนอกจากจะแตกตื่นแล้ว ยังอดไม่ได้ที่จะสงสัย
จากที่พวกมันรู้มานักรบมังกร 7 กรงเล็บ หากอยู่ในเผ่าพันธุ์มังกร สถานะก็เทียบได้กับมังกรเทพยดา 6 กรงเล็บ หากเป็นนักรบมังกร 8 กรงเล็บ นั่นก็มีฐานะเทียบเท่ามังกรเทพยดา 7 กรงเล็บ!
และนักรบมังกร 9 กรงเล็บก็ย่อมเทียบได้กับมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บ!
ทว่าต้องทราบด้วยว่า ทุกวันนี้ในเผ่าพันธุ์มังกร…มังกรเทพยดา 8 กรงเล็บสักตัวก็ไม่มี!!