บทที่ 589 คำขอโทษของเจสัน

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณียิ้ม “เพราะเราทั้งสามกลุ่มมีความแข็งแกร่งเท่ากัน กล่าวคือ ไม่มีใครมีความมั่นใจที่จะเอาชนะคนอื่นและคว้าแชมป์รอบชิงชนะเลิศได้เลย แล้วประหม่าไปจะมีประโยชน์อะไร? เรายังแสดงความสามารถออกมาไม่ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราขึ้นมาท็อปสามแล้ว และได้รับความสนใจจากคนทั้งโลก เราจะคว้าแชมป์ได้หรือไม่นั้นมันไม่สำคัญแล้ว”

ลีน่าพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “มันก็จริง”

“แน่นอนว่ามันดีกว่าถ้าได้แชมป์มา มันฟังดูดีกว่าในแง่ของชื่อเสียงและตำแหน่ง ถ้าไม่ได้แชมป์ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณคือหนึ่งในสามดีไซเนอร์อายุน้อยที่ดีที่สุดในโลก” วารุณีกล่าว

ลีน่ายิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ ตอนนี้ฉันแทบไม่รู้สึกถึงความเป็นปรปักษ์ของการต่อสู้ครั้งก่อนจากทุกคนเลย มันเหมือนกับฉันกลับไปแข่งรอบแรกใหม่เลย”

“ทำมันออกมาให้ดี” วารุณีตบไหล่เธอ

ลีน่าพยักหน้า

หลังจากนั้นทั้งสองก็เริ่มตั้งใจฟังพิธีกรพูดเกี่ยวกับหัวข้อการแข่งขันรอบนี้

หัวข้อของการแข่งขันรอบนี้ไม่ได้ตายตัวแต่เป็นแบบปลายเปิด

นั่นคือการออกแบบชุดและเครื่องประดับที่มีองค์ประกอบดั้งเดิมของประเทศตนเอง

เพราะองค์ประกอบดั้งเดิมของเสื้อผ้าและเครื่องประดับในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน จึงพูดไม่ได้ว่าเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม ยังไงซะโลกนี้ก็ไม่มีความยุติธรรมที่สมบูรณ์แบบ แทนที่จะคิดถึงความเป็นธรรม ลองไปนึกภาพว่าจะใช้องค์ประกอบของประเทศตัวเองออกแบบชุดและเครื่องประดับยังไงให้ดีขึ้นดีกว่า

ดีไซเนอร์ทั้งสามกลุ่มเริ่มพูดคุยกัน

นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องบังเอิญที่ดีไซเนอร์ทั้งสามกลุ่มมาจากประเทศของตน มาจากสามประเทศพอดี

หากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาจากหลายประเทศก็จะลำบากเพราะองค์ประกอบของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน สุดท้ายชุดและเครื่องประดับที่ออกแบบจะไม่เข้ากันและดูอึมครึม ก็จะถูกคัดออกไปโดยปริยาย

อาจเป็นเพราะเหตุนี้ ผู้จัดงานจึงคิดหัวข้อนี้ขึ้นมา

“วารุณี คุณว่าเครื่องประดับสำคัญๆของประเทศเรามีอะไรบ้าง” ลีน่าเกาหัว “ฉันโตมาที่ต่างประเทศ และงานออกแบบของฉันนั้นโดยพื้นฐานแล้วจะเป็นเครื่องประดับที่ทันสมัย ส่วนใหญ่เป็นเพชรหลากชนิด และเครื่องประดับประจำชาติของเราน่าจะไม่มีเพชร”

“มีคริสทัล” วารุณีกล่าว “ความโปร่งใสของคริสทัลไม่ต่างจากเพชรมากนัก แต่ฉันก็แนะนำว่าอย่าใช้คริสทัลจะดีกว่า ฉันกลัวว่าเมื่อคุณเห็นคริสทัลแล้วจะนึกถึงเพชร แล้วจะวาดเครื่องประดับสมัยใหม่ออกมาโดยไม่รู้ตัว”

“ที่คุณพูดก็ใช่” ลีน่าพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นคุณให้ความเห็นฉันหน่อยสิ”

“ประเพณีก็คือสิ่งที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ สมัยโบราณประเทศเราก็มีเครื่องประดับมากมาย เช่น เครื่องประดับทองคำบริสุทธิ์ และยังมีผ้าขน หินหยก ไข่มุก และมรกต”

“เยอะขนาดนั้นเลย?” ลีน่าทำหน้ากลัดกลุ้ม “มากขนาดนั้นฉันจะใช้อะไรดีล่ะ?”

“มันขึ้นอยู่กับชุดของฉัน องค์ประกอบดั้งเดิมที่สุดของเครื่องแต่งกายในประเทศเราคืองานปัก แต่ว่าที่เราออกแบบคือชุดที่หรูหราที่สุด ถ้าต้องการงานปักละก็ต้องปักด้วยมือ ไม่อย่างนั้นมันจะราคาต่ำ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะปักชุดที่ทำด้วยมือภายในเวลาเพียงครึ่งเดือน หนึ่งเดือน ดังนั้นเราจะออกแบบอย่างไร ต้องคิดให้ดี”

วารุณีจับคางแล้วพูดอย่างครุ่นคิด

ลีน่าก็เริ่มครุ่นคิดและหยุดพูด

ไม่เพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น ดีไซเนอร์อีกสองกลุ่มก็ยังคุยกัน

คุยกันประมาณสิบนาที พิธีกรก็ประกาศให้กลับได้

วารุณีหยิบกระเป๋าแล้วออกจากห้องประชุมกับลีน่า

พอพึ่งจะออกไปก็ถูกเรียกให้หยุด “วารุณี!”

วารุณีหยุดและหันกลับไปพบว่าเขาเป็นดีไซเนอร์ผิวดำหรือก็คือเจสันที่สะดุดล้มเธอเมื่อครั้งก่อน

“มีอะไรเหรอ” วารุณีมองเขาแล้วถามอย่างเย็นชา

ท่าทางของเธอดูไม่ดี เจสันก็ไม่ได้โกรธ แต่เขากลับโค้งคำนับเธอแทน “ฉันขอโทษ!”

วารุณีตกใจมาก

ลีน่าก็อ้าปากอย่างแปลกๆ “วารุณี นึกไม่ถึงว่าเขาจะขอโทษคุณ!”

วารุณีพยักหน้าเห็นแล้วจึงถามว่า “ขอโทษทำไม?”

“คราวที่แล้วฉันตั้งใจทำให้คุณสะดุด” เจสันยืนตัวตรงและตอบอย่างสำนึกผิด

วารุณีเลิกคิ้ว แววตามีความประหลาดใจ

ไม่นึกว่าคนคนนี้จะยอมรับว่าจงใจทำ!

วารุณีกอดอกแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าคุณจงใจทำ แต่เพราะว่าไม่มีหลักฐานฉันเลยเก็บคุณไว้มาจนถึงตอนนี้ ที่จริงคุณปกปิดมันต่อไปได้ไม่ใช่เหรอ? และฉันก็ทำอะไรเธอไม่ได้ ดังนั้นฉันเลยประหลาดใจทำไมจู่ๆคุณถึงยอมรับและมาขอโทษ!”

เจสันก้มหน้าลง “อาจเป็นเพราะจูเลียนฉันกลัวจริงๆ ฉันรู้ว่าตอนนี้พวกคุณไม่มีหลักฐาน คุณทำอะไรฉันไม่ได้ แต่ฉันรับรองไม่ได้ว่าคุณจะไม่ตอบโต้ฉันหลังการแข่งจบ”

“เป็นเพราะว่าคุณกลัวฉันจะตอบโต้คุณหลังจบการแข่งขันเลยมายอมรับผิด และหวังว่าฉันจะปล่อยคุณไปเหรอ” วารุณีหรี่ตา

เจสันพยักหน้า “ใช่”

ลีน่ามองบนแล้วพูดว่า “ที่แท้ก็รักตัวกลัวตายนี่เอง ฉันก็คิดว่าคุณจะรู้สึกผิดจริงๆและไม่สามารถทนต่อความรู้สึกผิดได้เลยจะมาขอโทษซะอีก ที่แท้ฉันมองคุณผิดไป”

เจสันทำหน้าร้อนผ่าว

แต่เพราะว่าผิวคล้ำมาก เลยมองไม่ออกว่าแดงหรือเปล่า

“วารุณี คุณจะยกโทษให้ฉันไหม” เจสันเริ่มประหม่าเมื่อเห็นวารุณีไม่พูด

วารุณีมองเขาอย่างเย็นชา “ทำไมฉันต้องยกโทษให้คุณด้วย คุณไม่รู้หรอก ถ้าไม่ใช่ติ๊นาดึงฉันไว้ บางทีฉันกับลูกในท้องอาจจะตายก็ได้”

เจสันอ้าปากค้างพูดไม่ออก

อันที่จริง เขาไม่ได้คิดที่จะทำร้ายลูกของเธอ แต่ตอนนั้นเขาถูกหลอกให้ลุ่มหลงและอยู่ในสถานการณ์ที่ว่าจะจัดการกับเธอดีหรือไม่

ในขณะนั้นเอง เธอปรากฏตัวต่อหน้าต่อหน้าเขา และจากนั้นเขาก็หัวร้อนและเหยียดเท้าออกไป

เขาแค่ต้องการให้เธอบาดเจ็บและถอนตัวออกจากการแข่ง และเขาก็มองข้ามไปว่าตอนนั้นเธอท้องอยู่

อันที่จริงหลังจากนั้น เขาก็รู้สึกเสียใจที่ใจร้อนแบบนั้น

“ฉันถามคุณหน่อยว่าใครใช้ให้คุณมาทำร้ายฉัน ผู้ชายหรือผู้หญิง” วารุณีจ้องเจสันและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ใบหน้าของเจสันซีดลง และเขาตอบอย่างรวดเร็วว่า “เป็นผู้ชาย”

“ผู้ชายแบบไหน ผู้ชายที่มาจากตะวันออกเหมือนกับฉันไหม?” วารุณีเหล่มอง

เจสันพยักหน้าซ้ำๆ “ใช่ เขาดูเหมือนกับสามีคุณนิดหน่อย และเขายังใส่แว่น”

“เป็นนิรุตติ์จริงๆด้วย” วารุณีบีบฝ่ามือแล้วถามว่า “เขาบอกให้คุณจัดการกับฉันอย่างไร”

เจสันไม่ได้ปิดบังและตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ในเช้าวันนั้น พอฉันออกจากบ้าน เขาก็หยุดฉันไว้ เขาบอกว่าถ้าฉันอยากได้สามอันดับแรก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพาแค่กำลังของตัวเอง เพราะดีไซเนอร์คนอื่นๆนั้นเก่งมาก ดังนั้นถ้าฉันอยากจะอยู่ในสามอันดับแรก ฉันต้องใช้ลูกเล่นเล็กๆน้อยๆ เขาแนะนำให้ฉันตั้งเป้าหมายไว้ที่คุณ”

“แล้วไงต่อ” วารุณีกัดริมฝีปาก

เจสันกล่าวต่อ “เขาบอกว่าคุณมีภูมิหลังที่ดี แม้ว่าจะไม่เก่งแต่ภูมิหลังของคุณก็จะทำให้คุณติดท็อปสามได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงแนะนำฉันว่าให้กำจัดคุณก่อนเป็นคนแรก แล้วฉันก็ทำตามที่บอก ขอโทษจริงๆ”

ตอนที่เขาพูด เขาโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง

วารุณีมองเขาอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไร

ลีน่าขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เธอนี่มันไม่มีสมองจริงๆ คนนั้นพูดอะไรเธอก็เชื่อเหรอ ตอนนี้เธออยู่ในสามอันดับแรกไม่ใช่เพราะพึ่งกำลังของตัวเองเหรอ? อะไรคือต้องใช้ลูกเล่นเล็กน้อยๆถึงจะเข้ามาได้?”

เธอเคยเห็นชุดที่ออกแบบโดยเจสัน และเทียบได้กับวารุณี ถ้ามันไม่ใช่การลอกเลียนแบบ มันก็คือศักยภาพของเธอจริงๆ ดังนั้นตัดทิ้งไปได้เลยที่ว่าถูกเลื่อนขั้นมาเพราะจัดการกับดีไซเนอร์คนอื่นๆ

ยังไงซะดีไซเนอร์คนอื่นๆก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับตัวเองที่ทำให้ถูกพิจารณา ดังนั้น เจสัน มาถึงที่นี่ได้เพราะพึ่งศักยภาพของตัวเอง