กว่า​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​จะ​ตื่นขึ้น​ ​เวลา​ก็​ล่วงเลย​ไป​ถึง​บ่าย​วัน​ถัดมา​ ​และ​ไม่มี​แม้กระทั่ง​ร่องรอย​ของ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ ​ยัง​มี​หลายอย่าง​ที่​ต้อง​จัดการ​ใน​วัง​หลวง​ ​ดังนั้น​เขา​จึง​ไม่​สามารถ​ลอยชาย​อยู่​ที่นี่​ได้​ ​และ​นาง​เข้าใจ​ถึง​เรื่อง​นี้​ดี​ ​ทันทีที่​นาง​ตื่นขึ้น​ ​นาง​ก็​เห็น​เจ้า​เจ็ด​นั่ง​อยู่​ปลาย​เตียง​ ​เขา​กำลัง​ง่วนอยู่กับ​การกัด​ซาลาเปา​ไส้​เนื้อ​เข้า​ปาก​ ​ใบหน้า​เล็ก​ๆ​ ​นั้น​เต็มไปด้วย​ความรู้สึกผิด​ ​”​พี่สะใภ้​สาม​”

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ยิ้ม​พลาง​ลูบ​ศีรษะ​ของ​เด็กชาย​ ​”​มี​อะไร​หรือ​”

“​วันนี้​ข้า​ถาม​พี่​สาม​ว่า​ทำไม​ท่าน​ถึง​นอน​ตื่น​สาย​นัก​ ​แล้ว​เขา​ก็​บอกว่า​เมื่อวาน​นี้​ข้า​ดื้อ​เกินไป​ ​และ​ทำให้​ท่าน​ต้อง​บาดเจ็บ​”​ ​ขา​เล็ก​ๆ​ ​ของ​เจ้า​เจ็ด​ขัดสมาธิ​เข้าหา​กัน​ ​เขา​ก้ม​ศีรษะ​ลง​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ ​”​ข้า​ไม่ได้ตั้งใจ​ขอรับ​ ​ข้า​นึกไม่ถึง​ว่า​ข้า​จะ​เปลี่ยน​ร่าง​ได้​ ​ตอนนั้น​ข้า​ได้ความ​ทรง​จำ​คืน​มา​ ​และ​คิดถึง​แต่​พี่​สาม​ ​ข้ามัว​แต่​สนใจ​การ​ฆ่า​บรรดา​ทหาร​รักษา​พระองค์​ที่​ถือ​คบไฟ​ไว้​ใน​มือ​ ​แต่​ข้า​ไม่รู้​เลย​ว่า​มัน​จะ​กระทบ​ไป​ถึง​ท่าน​ด้วย​”

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​เพิ่ง​สังเกตเห็น​ว่า​เขา​มี​หาง​งอก​ออกมา​ ​และ​ตอนนี้​หาง​ของ​เขา​ก็​กำลัง​กวัดแกว่ง​ไปมา​ใน​ระหว่าง​ที่​เขา​พูด​ ​ทำให้​เขา​ยิ่ง​ดู​น่ารัก​อย่างยิ่ง

แต่​องค์​ชาย​ช่าง​เก่ง​เรื่อง​การโยน​ความรับผิดชอบ​เสีย​จริง​ ​หน้าหนา​เช่นนี้​ถือว่า​เป็นเรื่อง​ดีจริง​หรือ

“​เรื่อง​นี้​ไม่เกี่ยว​กับ​เจ้า​หรอก​ ​เจ้า​เจ็ด​ ​มัน​เป็นฝี​มือ​ของ​คนอื่น​ต่างหาก​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​บีบ​แก้ม​ของ​เจ้า​เจ็ด​แล้วจึง​พูด​ต่อ​ ​”​เจ้า​บอกว่า​เจ้า​ได้ความ​ทรง​จำ​กลับคืน​มา​แล้ว​ ​เจ้า​จำได้​ไหม​ว่า​เจ้า​คือ​อสูร​กลืน​เวหา​”

เด็กชาย​ตัว​น้อย​ยัง​เคี้ยว​ซาลาเปา​เนื้อ​ตุ้ยๆ​ ​พร้อมกับ​บอกว่า​ ​”​อืม​ ​ตอนนี้​ข้า​จำได้​หมด​แล้ว​ขอรับ​ ​แต่​เป็นเพราะว่า​พลัง​ของ​ข้า​ยัง​ฟื้น​คืน​มา​ไม่สมบูรณ์​ ​พี่​สาม​ก็​เลย​ฝัง​ต่างหู​เงิน​ไว้​ที่​ใบ​หู​ของ​ข้า​ ​ดังนั้น​ข้า​จะ​กลายร่าง​เป็น​สัตว์​ศักดิ์สิทธิ์​ก็ต่อเมื่อ​ยาม​ที่​มีเรื่อง​เท่านั้น​ ​ไม่อย่างนั้น​ป่านนี้​ข้า​ก็​คง​พา​พี่สะใภ้​สาม​ออกจาก​วัง​หลวง​ ​แล้วไป​หา​เต้าฮวย​กิน​แล้ว​ขอรับ​ ​แต่​ตอนนี้​พี่​สาม​ห้าม​ไม่​ให้​ข้า​สู้​กับ​ใคร​ ​ข้า​ก็​เลย​เบื่อ​ยิ่งนัก​”

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ ​:​ ​…​สรุป​แล้ว​เรื่อง​ที่​เขา​กังวล​ก็​คือ​เรื่อง​นี้​นี่เอง

“​สมอง​ของ​เจ้า​มี​แต่​เรื่อง​กิน​ ​ต่อสู้​ ​แล้วก็​ฆ่า​คน​หรือ​”

เด็กชาย​ตัว​น้อย​ส่ายหน้า​ ​และ​ตอบ​ว่า​ ​”​แน่นอน​ว่า​ไม่​ขอรับ​ ​ข้า​ยัง​เป็นห่วง​ภาพลักษณ์​ของ​ตัวเอง​อย่างมาก​อีกด้วย​ ​พี่สะใภ้​สาม​ดู​ข้า​ให้​ดี​ๆ​ ​สิ​ขอรับ​ ​หลังจาก​ได้ความ​ทรง​จำ​กลับมา​แล้ว​ ​ข้า​หล่อ​ขึ้น​ใช่​หรือเปล่า​!​”

มุม​ปากของ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​กระตุก​ขึ้น​เล็กน้อย​ ​จากนั้น​นาง​จึง​กล่าวว่า​ ​”​เจ้า​หล่อ​ที่สุด​ใน​โลก​เลย​ล่ะ​ ​เอาล่ะ​ ​ทีนี้​ก็​วิ่ง​ไป​ที่​ห้องเครื่อง​แล้ว​บอก​ให้​คน​เตรียม​เนื้อ​มา​ให้​ข้า​ที​ ​เพราะ​ตอนนี้​พี่สะใภ้​สาม​ของ​เจ้า​หิว​จะ​ตาย​อยู่​แล้ว​”

“​ไม่จำเป็น​ต้อง​ไป​ที่​ห้องเครื่อง​หรอก​ขอรับ​”​ ​เด็กชาย​ตัว​น้อย​ยืน​ขึ้น​ ​หาง​ของ​เขา​ห้อย​ลง​กับ​พื้น​ ​”​ตอนที่​พี่​สาม​ออก​ไป​ ​เขา​สั่ง​ให้​ข้า​รับใช้​เตรียม​อาหาร​ไว้​ให้ท่าน​เยอะแยะ​เชียว​ขอรับ​ ​อีกทั้ง​ยัง​พูด​อย่างชัดเจน​อีกด้วย​ว่า​จะ​กิน​ได้​ก็ต่อเมื่อ​ท่าน​ตื่น​แล้ว​เท่านั้น​”

ใส่ใจ​ถึง​เพียงนั้น​เชียว​?​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ยิ้ม​ ​แล้ว​ใช้​สอง​มือ​จัด​ชุดนอน​ตัวเอง​พร้อมกับ​ลุกขึ้น​อย่าง​เกียจคร้าน​ ​เท้าเปล่า​ของ​นาง​สัมผัส​กับ​พรม​ขนสัตว์​หนา​สีดำ​ ​นาง​บิดขี้เกียจ​พลาง​หาว​ออกมา​ ​แล้ว​มอง​ไป​ที่​โต๊ะ​ไม้จันทน์​ทรงกลม​นั้น​ ​หม้อ​หิน​อุ่นๆ​ ​ใบ​หนึ่ง​ตั้งอยู่​บน​เตา​ ​ใน​นั้น​เต็มไปด้วย​ซี่โครง​หมู​ ​มันเทศ​ ​และ​วุ้นเส้น​ ​รสชาติ​ของ​มัน​จัดจ้าน​เผ็ดร้อน​ ​นอกจากนั้น​ ​บน​จาน​ก็​ยัง​มี​มันเทศ​หวาน​วาง​เพิ่ม​เอาไว้​ด้วย​ ​กลิ่นหอม​อร่อย​ของ​มัน​โชย​อยู่​ใน​อากาศ​ ​ยัง​ไม่ต้อง​พูดถึง​อาหาร​ชนิด​อื่น​ที่​ถูก​เตรียม​เอาไว้​ ​พวก​มัน​มีทั​้ง​เหง้า​บัว​หั่น​ฝอย​ ​ผักกาดดอง​ ​เป็ด​ตุ๋น​แปด​ขุมทรัพย์​ ​เนื้อวัว​ปรุงรส​ ​พระ​กระโดด​กำแพง​ ​และ​ปู​ผัด​พริก

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​หิว​จน​ตาลาย​ ​เมื่อ​เห็น​อาหาร​จาน​โปรด​ ​นาง​ก็​รีบ​คว้า​ตะเกียบ​ไม้​ไผ่​ขึ้น​แล้ว​คีบ​ซี่โครง​หมู​เข้า​ปาก​ทันที​ ​นาง​ไม่ได้​กิน​อย่าง​ตะกละตะกลาม​ ​เพราะ​ได้รับ​การ​สั่งสอน​มารยาท​บน​โต๊ะอาหาร​มา​เป็น​อย่างดี​ ​นาง​ลิ้มรส​ชาติ​ของ​อาหาร​ด้วย​ท่าทาง​เกียจคร้าน​ ​แต่​สิ่ง​เดียว​ที่​สร้าง​ความกังวล​ก็​คือ​ปริมาณ​มื้อ​อาหาร​ของ​นาง​นี่เอง

เจ้า​เจ็ด​คาบ​ก้ามปู​เอาไว้​ใน​ปาก​พร้อมกับ​มอง​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ขณะ​ยกมือ​ข้าง​ซ้าย​ขึ้น​เกา​ศีรษะ​ด้วย​ความ​งุนงง​ ​พี่สะใภ้​สาม​กิน​เก่ง​ถึง​เพียงนี้​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​ ​ดูเหมือน​กระเพาะ​ของ​นาง​จะ​ใหญ่​กว่า​เขา​เสียอีก​ ​นาง​กินข้าว​ไป​แล้ว​ห้า​ถ้วย​ ​แต่​เขา​ยังอยู่​ที่​ถ้วย​ที่สอง​อยู่​เลย​ ​เป็นไปได้​หรือไม่​ว่าความ​สามารถ​ของ​เขา​จะ​ลดลง​ ​อา​ ​ช่างเถอะ​ ​อย่างไร​คน​หล่อ​อย่าง​เขา​ก็​ไม่​ควร​กิน​เยอะ​เกินไป​อยู่​แล้ว

สุดท้าย​เด็กชาย​ผู้​หล่อเหลา​ก็​ยัง​กินข้าว​ไป​เกือบ​สิบ​ถ้วย​…

แต่​พี่สะใภ้​สาม​กลับ​ยัง​สามารถ​เอาชนะ​เขา​ได้​หนึ่ง​ถ้วย​!

นี่​ยัง​ไม่ใช่​ประเด็น​ที่​สำคัญ​ที่สุด​ ​ที่​สำคัญ​กว่านั​้​นก​็​คือ​หลังจาก​พี่สะใภ้​กินข้าว​เสร็จ​ ​นาง​ยัง​มี​กระเพาะ​พอ​จะ​กิน​ส้ม​ต่อ​ได้​อีก​สอง​สาม​ลูก

เด็กชาย​ตัว​น้อย​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ ​หาง​ของ​เขา​สะบัด​ไป​ทางซ้าย​ที​ขวา​ที​ ​เขา​ทำ​จมูก​ฟุดฟิด​ ​และ​รู้สึก​ได้​ว่า​มีบา​งอย​่าง​ผิดปกติ​…

อากาศ​ข้างนอก​วัง​หลวง​เริ่ม​หนาว​ขึ้น​ ​เมืองหลวง​เป็น​เช่นนี้​ทุกครั้งที่​ฤดูหนาว​มา​เยือน​ ​อากาศ​จะ​เย็น​ขึ้น​และ​ทำให้​ทุกคน​รู้สึก​ไม่​อยาก​ออกจาก​จวน​ ​โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​ใน​วันที่​มี​หมอก​ลง​หนา​ ​เพียงแค่​พูด​ก็​ยัง​มี​ไอ​สีขาว​ลอย​ออกมา

เมื่อ​ฮ่องเต้​สวรรคต​ ​ราชสำนัก​ย่อม​มี​การเปลี่ยนแปลง

เสนาบดี​ทุกคน​ล้วนแต่​ตก​อยู่​ใน​อาการ​ตื่นตระหนก​ ​พวกเขา​ยืน​อยู่​กลาง​ห้อง​ทรง​อักษร​ทางทิศใต้​ ​ไม่มีใคร​กล้า​เงยหน้า​ขึ้น​มา​แม้แต่​คนเดียว

ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋​ยนั​่​งอยู​่​บน​ตำแหน่ง​สูงสุด​ ​มือ​ข้าง​หนึ่ง​ยกขึ้น​เท้าคาง​ ​ในขณะที่​มือ​อีก​ข้าง​ถือ​ฎีกา​ที่​มี​ผู้​ส่ง​มา​ ​ทุก​การเคลื่อนไหว​ของ​เขา​ดูรา​วกับ​ได้รับ​การวางแผน​มา​แล้ว​อย่าง​สมบูรณ์

เขา​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​หรือ​แสดง​ความไม่พอใจ​ออกมา​แม้แต่น้อย​ ​ใบหน้า​ด้าน​ข้าง​อัน​หล่อเหลา​และสง่า​งาม​ของ​เขา​ไม่​แสดง​อารมณ์​อัน​ใด​ ​ความจริง​แล้ว​หาก​เทียบ​กัน​กับ​ตอนที่​ฮ่องเต้​คน​ก่อนหน้านี้​ ​เขา​ดู​สุขุม​เยือกเย็น​และ​เป็นธรรมชาติ​มากกว่า

แต่​เสนาบดี​ที่​เข้าร่วม​การประชุม​ราชสำนัก​ใน​วันนี้​ต่าง​รู้สึก​ได้​ถึง​แรงกดดัน​ที่​ไม่เคย​มีมาก​่อน​ ​หน้าผาก​ของ​เขา​ชุ่ม​โชก​ไป​ด้วย​เหงื่อ​เม็ด​โต​ ​เพราะ​ทุกคน​ล้วนแต่​กำลัง​กลัดกลุ้ม​กับ​ชะตากรรม​ของ​ตัวเอง

หลัง​ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​จึง​อ่าน​สิ่ง​ที่อยู่​ใน​มือ​จบ​ ​ตา​ทั้งสอง​ข้าง​ของ​เขา​กวาด​มอง​ไป​ทาง​พวกเขา​ขณะ​กล่าวว่า​ ​”​ข้า​คง​ไม่จำเป็น​ต้อง​พูด​อะไร​อีก​ ​พวก​เจ้า​ทุกคน​ย่อม​รู้ดี​กว่า​ข้าว​่า​ตัวเอง​ทำ​อะไร​ผิด​ไป​ ​พาตัว​พวกเขา​ไป​”

“​องค์​ชาย​ ​องค์​ชาย​ ​ได้​โปรด​ไว้ชีวิต​พวกเรา​ด้วย​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​ ​องค์​ชาย​ ​ไว้ชีวิต​พวกเรา​ด้วย​!​”​ ​เสนาบดี​ทางการทหาร​สาม​นาย​ที่​สนับสนุน​ให้​ฮ่องเต้​ทำร้าย​องค์​ชาย​เจ็ด​ถูก​องครักษ์​เงา​ที่​สวมหน้ากาก​ลาก​ตัว​ออก​ไป​ทันที

คนที​่​เหลือ​ล้วนแต่​เป็น​คนที​่​เคย​อยู่​ฝ่าย​เดียว​กับ​องค์​ชาย​ห้า​ ​เดิมที​พวกเขา​คิด​ว่านี​่​คือ​จุดจบ​ของ​พวกเขา​แล้ว​เช่นกัน

พวกเขา​นึกไม่ถึง​ว่า​หลังจาก​องค์​ชาย​จิบ​ชา​เสร็จ​แล้ว​ ​เขา​จะ​ถาม​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​อัน​ชัดเจน​ว่า​ ​”​ใต้เท้า​หลิว​ ​ฎีกา​ที่​ท่าน​ส่ง​มา​หมายความว่า​อย่างไร​”

หลิว​อวี​้​คิด​ว่า​เขา​อาจจะ​ถูก​ตัดหัว​ได้​ทุกเวลา​ ​ดังนั้น​เขา​จึง​นึกไม่ถึง​ว่า​จะ​ถูก​ถาม​เช่นนั้น​ ​แต่​เพื่อ​ผลประโยชน์​ของ​ประเทศชาติ​แล้ว​ ​เขา​ก็​ยัง​ยืด​หลัง​ตรง​และ​รายงาน​ว่า​ ​”​มี​ข่าว​มาจาก​เมือง​เซ​วี​ยน​หยวน​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​ ​ข่าว​นั้น​บอกว่า​มี​คน​จาก​จวน​ผู้อาวุโส​สังเกตเห็น​ถึง​การเปลี่ยนแปลง​ภายใน​ราชสำนัก​ ​พวกเขา​บอกว่า​ผนึก​ของ​เมืองหลวง​อาจจะ​ถูก​ทำลาย​ลง​แล้ว​ ​และ​หาก​ผนึก​ขับไล่​วิญญาณ​ร้าย​ถูก​ทำลาย​จริง​ ​เช่นนั้น​มนุษยชาติ​ย่อม​มี​อันตราย​ ​ดังนั้น​พวกเขา​จึง​ต้องการ​ส่ง​คน​มาที​่​นี่​เพื่อ​คุ้มกัน​มัน​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

“​ส่ง​คน​มาที​่​นี่​เพื่อ​คุ้มกัน​มัน​หรือ​”​ ​อู่​จิ้ง​ที่​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ ​ถาม​ขึ้น​อย่าง​อดไม่ไหว​ ​”​ทำไม​เจ้า​ไม่​ถาม​พวกเขา​ไปล่ะ​ว่า​ตอนที่​คน​ของ​พวกเขา​สู้​กันเอง​ ​พวกเรา​สามารถ​ส่ง​คน​ของ​เรา​เข้าไป​ไกล่เกลี่ย​สถานการณ์​ให้​ได้​หรือไม่​ ​บัดซบ​!​ ​เห็น​กัน​อยู่​ชัดๆ​ ​ว่า​พวกเขา​มี​จุดประสงค์​อื่น​นอกเหนือจาก​การคุ​้​มกัน​ผนึก​!​”

หลิว​อวี​้​กระแอม​ออกมา​ครั้งหนึ่ง​เพื่อ​เตือน​ให้​เขา​รู้​ว่า​ตัวเอง​ไม่ได้​อยู่​ใน​สถานะ​เดิม​เหมือนก่อน​หน้า​นี้​อีกแล้ว​ ​และ​เขา​ไม่​สามารถ​พูดจา​ขวานผ่าซาก​เช่นนั้น​ได้​ ​อย่างไร​เสีย​องค์​ชาย​สาม​ก็​ไม่ใช่​องค์​ชาย​ห้า​ ​และ​ยัง​ไม่ได้​มี​ความสัมพันธ์​ใกล้ชิด​กับ​พวกเขา​อีกด้วย​ ​นอกจากนั้น​เมื่อ​ดู​จาก​สถานการณ์​ใน​ปัจจุบัน​แล้ว​ ​ถ้า​วันนี้​พวกเขา​รอดไป​ได้​ก็​คง​ต้อง​บอกว่า​น่าประหลาด​ใจ​ทีเดียว

แต่​แล้ว​เขา​ก็​ต้อง​ประหลาดใจ​ ​เพราะ​คนที​่​นั่ง​อยู่​บน​นั้น​กลับ​เอ่ย​ขึ้นรา​วกับ​ไม่ใส่ใจ​ว่า​ ​”​ข้า​เอง​ก็​คิด​เช่นเดียวกัน​กับ​แม่ทัพ​อู่​ ​แต่​ความแตกต่าง​เดียว​ที่​มี​คือ​วิธีการ​ที่​เรา​จะ​ใช้​แก้ปัญหา​นั้น​ ​ข้า​ไม่​ชอบ​ทำ​อะไร​มากความ​เพื่อ​จัดการ​ใคร​ ​ดังนั้น​ปล่อย​ให้​พวกเขา​มาหา​เรา​ที่นี่​ก็แล้วกัน​ ​หาก​เป็น​เช่นนั้น​การ​จะ​ฆ่า​พวก​มัน​ทุกคน​ย่อม​สามารถ​ทำได้​สะดวก​กว่า​มาก​”

อู่​จิ้ง​เป็น​แม่ทัพ​ ​เขา​ใช้เวลา​หลาย​ปี​ไป​กับ​การ​ทำสงคราม​ ​แต่​เขา​ไม่เคย​เห็น​คนที​่​โหดเหี้ยม​เท่ากับ​คนที​่​อยู่​ตรงหน้า​มาก​่อน

แต่​การ​มี​ผู้นำ​เช่นนี้​ ​เวลา​ที่​พวกเขา​ทำศึก​ ​ย่อม​สร้าง​ขวัญ​และ​กำลังใจ​ให้​พวกเขา​ได้​เป็น​อย่างดี​!

ตอนนี้​ความคิด​ของ​เขา​เริ่ม​เอนเอียง​ไป​ทาง​องค์​ชาย​สาม​ ​เขา​อยาก​ให้​คน​คน​นี้​ได้​ขึ้น​ครอง​บัลลังก์​!

หลิว​อวี​้​เป็น​ขุนนาง​ฝ่าย​พลเรือน​ ​และ​เป็น​คน​รอบคอบ​ทีเดียว​ ​เดิมที​นั้น​เขา​คิด​ว่า​หลังจาก​องค์​ชาย​ห้า​พ่ายแพ้​ ​องค์​ชาย​สาม​จะ​กำจัด​พวกเขา​ทันที​เพราะ​เขา​รู้​ถึง​ความโหดเหี้ยม​และ​ชั่วร้าย​ของ​อีก​ฝ่าย​เป็น​อย่างดี

แต่​เมื่อ​เห็น​สถานการณ์​ในเวลานี้​ ​เขา​กลับ​รู้สึก​ว่า​ก่อนหน้านี้​ตัวเอง​ช่าง​ตาบอด​เสีย​ไม่มี​ ​ไม่มีใคร​ควรจะเป็น​ฮ่องเต้​ไปมา​กก​ว่า​คน​ผู้​นี้​อีกแล้ว​!

เมื่อก่อน​หลิว​อวี​้​แค่​อยาก​ช่วย​องค์​ชาย​ห้า​เพื่อ​บิดา​ของ​ตัวเอง​ ​แต่​เมื่อ​ได้มา​เจอ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ ​หลิว​อวี​้​ก็​รู้สึก​เหมือน​ตัวเอง​เพิ่ง​ได้​พบ​กับ​เจ้านาย​ที่แท้​จริง​ที่​เห็นคุณค่า​ของ​เขา​ ​และ​สามารถ​ใช้​ความสามารถ​ของ​เขา​สร้าง​ประโยชน์​ได้​ ​เขา​ชื่นชม​ใน​ตัว​อีก​ฝ่าย​ ​และ​พร้อม​ที่จะ​ถวาย​การรับใช้​ต่อไป​๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋​ยด​้วย​ความเต็มใจ