บทที่ 613 ซูเหล่าเอ้อร์ผู้กล้าหาญ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 613 ซูเหล่าเอ้อร์ผู้กล้าหาญ

บทที่ 613 ซูเหล่าเอ้อร์ผู้กล้าหาญ

เสี่ยวเถียนยิ้มแย้มตลอดเวลาเลย และมันทำให้ซื่อเลี่ยงแปลกใจมาก การรับแขกมันต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยหรือ?

“เสี่ยวเถียน ทำไมเอาแต่ยิ้มตลอดเลยล่ะ?”

เด็กสาวพูดไม่ออก ทำไมพี่รองถามเหมือนคนโง่เลยเนี่ย

“พี่รอง พี่เอาแต่เรียนหนังสือไม่สนใจเรื่องอื่นเลยบ้างเลยนะ!” เสี่ยวเถียนส่ายหัวอย่างจริงจัง

“จะบอกว่าพี่ไม่เอาการเอางานเกาะคนอื่นกินหรือ?” ซื่อเลี่ยงลูบหัวน้องสาวเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม

“สิ่งที่เราต้องการจากพนักงานหออีหมิงคืออะไรคะ?” เด็กสาวจ้องพี่ชายไม่ละสายตา“ไม่ใช่ว่าเราต้องปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างอบอุ่นหรือคะ? ถึงหออีหมิงจะเป็นร้านอาหารและสามารถซื้อกลับบ้านได้ กับร้านนี้ก็เหมือนกันนะ”

“งั้นต้องยิ้มให้แขกตลอดเลยหรือ?” ฉีเหลียงอิงถาม

เธอเคยเห็นคนในร้านอาหารรัฐกับสหกรณ์มาก่อน เจอหน้าไม่พูดไม่จา คงจะดีถ้าไม่มีสีหน้าเย็นชาพวกนั้น

แล้วทำไมถึงคราวเราทำธุรกิจบ้าง เราต้องยิ้มด้วยหรือ?

เสี่ยวเถียนอธิบายอย่างอดทน “ร้านอาหารรัฐไม่ใช่แบบธุรกิจของเราค่ะ ต่อให้มีสีหน้าเย็นชา ลูกค้าไม่ซื้อ มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเงินเดือนเขา ทำได้เท่าไหร่ก็ได้รับเท่านั้น แต่กับพวกเรามันไม่เหมือนกันค่ะ เราทำของเรา ลูกค้าน้อยก็ขาดทุน!”

ว่าจบ คนที่เหลือก็พยักหน้า

สมเหตุสมผลมาก เพราะพนักงานในร้านอาหารรัฐได้รับเงินเดือน ในขณะที่เราต้องหาเงินด้วยตัวเอง

“เข้าใจแล้ว อาจะยิ้มให้แขกนะ!” หลี่จู้จื่อรีบจดจำไว้

ไว้กลับบ้านเอาข้อมูลไปบอกภรรยาแล้วกัน ช่วงนี้ต้องตั้งใจเรียนรู้เข้าไว้

“อาสี่ ตอนเย็นมาดูพ่อรองแม่รองทำก็ได้นะคะ จะได้กลับไปสอนอาสะใภ้ค่ะ” เสี่ยวเถียน

“มันง่ายไหม? อาไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่!” อีกฝ่ายลังเล

“ง่ายมากค่ะ เดี๋ยวก็ทำเป็นแล้ว” เสี่ยวเถียนรีบให้กำลังใจ

จู้จื่อ “ได้เลย ถ้าไม่ไหวจริง ๆ จะให้อาสะใภ้เข้าเมืองมาเรียนรู้นะ!”

เมื่อเช้าขายได้ตั้งสิบหยวน ต่อให้หักค่าต้นทุนไปก็นับว่าไม่แย่ ดีกว่าเก็บไข่เก็บของบนเขาทุกวันตั้งเยอะ

ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ก็มีหญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาในร้าน ทำให้ฉีเหลียงอิงรุดเข้าไปทักทายทันที

บอกเลยว่าแม่รองมีความสามารถมากโดยเฉพาะเรื่องหาเงิน

ก่อนหน้านี้ที่เรียนรู้จากเสี่ยวเถียนก็ทำได้ดีมาก แม้กระทั่งใช้ท่าทางประกอบด้วย ทำให้ดูมีความจริงใจมากขึ้น

ขนาดเธอยังอดชมแกไม่ได้เลย

พรสวรรค์โดยแท้!

ถ้ามีแม่รองอยู่ด้วยร้านนี้สบายบรื๋อ

ไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นคนที่สามารถพลิกแพลงสถานการณ์ได้ ดีกว่าแม่เธอเสียอีก ถึงเรื่องช่วยในครัวจะดี แต่เรื่องรับแขกกลับไม่ได้เรื่องจริง ๆ

แต่ว่าคนเราแตกต่างกันอยู่แล้ว

หลังจากนั้นก็มีลูกค้าเข้าร้านมาซื้อเนื้ออีกหลายคน

ฉีเหลียงอิงดูแลอย่างดี คอยยิ้มให้ตลอด และพวกเขาไม่ได้แค่พึงพอใจเท่านั้น แต่ยังบอกว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่ด้วย

มีสองคนที่ซื้อทั้งไข่และผักตามที่แม่รองแนะนำ ก่อนจะเกินจากไปด้วยความเบิกบาน

ฉีเหลียงอิงเห็นของในนั้นเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ ก็ยิ้มสดใสกว่าเดิม

“แม่รองมีความสุขใช่ไหมคะ?” เสี่ยวเถียนก็เช่นกัน

“เสี่ยวเถียน แม่รู้สึกว่าบรรยากาศดูหอมหวานขึ้น!”

แม่รองเจ้าบทเจ้ากลอนเหมือนกันนะเนี่ย?

บรรยากาศดูหอมหวาน!

หาเงินได้แบบนี้ใครบ้างจะไม่รู้สึกดีแบบนี้ล่ะ?

“แม่รอง ความหอมหวานพวกนั้นกำลังไล่หลังอยู่น่ะ”

จู้จื่อก็ตื่นเต้นเช่นกัน “กลับไปเราต้องทำแบบนี้แล้วล่ะ”

พอนึกถึงเงินที่ได้รับในวันนี้ ฉีเหลียงอิงมีความสุขมาก ดูกระปรี้กระเปร่ายิ่งกว่าเดิม

ข้างหลังมีจู้จื่อคอยตามเรียนรู้และจดจำเอาไว้ สุดท้ายแล้วเด็กทั้งสองก็ไม่ได้มีอะไรให้ทำมากมายเท่าไรเลย

ธุรกิจในวันแรกไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็ถือว่าไม่ได้แย่

ไข่และผักที่เตรียมมาขายนั้น หมดก่อนสี่โมงเย็น

ฉีเหลียงอิงล้างกะละมังอย่างมีความสุข ไม่คิดปกปิดรอยยิ้มเลย

“แม่รองมีความสุขขนาดนั้นเลยหรือคะ?”

“จะไม่ให้มีความสุขได้ยังไง? ก่อนหน้านี้ตอนอยู่โรงงานอาหาร แม่ได้เงินเดือนเดือนละ 30-40 หยวนเอง รวมเงินพิเศษกับผลประโยชน์ต่าง ๆ น้อยกว่า 60 หยวนอีก ทั้ง ๆ ที่ผลประกอบการแต่ละวันก็สูง!”

ฉีเหลียงอิงรู้สึกว่าตัวเองก่อนหน้านี้ยังมัวเมาอยู่ ถ้ายอมสละเงินเดือนน้อยนิดเท่านั้นไปซะ อาจจะหาได้เยอะกว่านี้แล้วก็ได้

เสี่ยวเถียนหัวเราะ “แม่รอง เรายังมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายอยู่ใช่ไหมคะ?”

“ต่อให้จ่ายไปแล้วเราก็ยังมีรายได้เยอะอยู่ดี คุ้มกว่าทำงานในโรงงานอีก!”

ขณะที่สองแม่ลูกกำลังคุยกัน เหล่าเอ้อร์และจู้จื่อกลับมาจากตลาดพอดี

เราตกใจกันมากตอนพวกเขากลับมาพร้อมกับหมูซีกหนึ่ง

“ทำไมเอามาเยอะขนาดนี้ล่ะ?” ฉีเหลียงอิงอ้าปากค้าง

“กำลังคิดอยู่เหมือนกัน เมื่อวานเราตุ๋นกัน 30 จิน แค่วันนี้ยังไม่พอขายเลย ก็เลยซื้อมาเพิ่มอีก”

เหล่าเอ้อร์ใจกล้ามาก เขาเอากลับมาทั้งซีกเลยนะ

“พ่อคุณ ฉันกลัวว่าขาหน้ากับขาหลังจะไม่มีคนซื้อเอาน่ะสิ!”

ฝ่ายภรรยาบ่น

“ให้ซื้อสามชั้นอย่างเดียวก็คงไม่ดีเท่าไหร่มั้ง รวมขาหน้าหลังไปด้วยราคาถูกตั้ง 5 เฟินเลยนะ”

เนื้อจินนึงมีราคา 8 เหมา (0.8 หยวน) ถูกกว่า 5 เฟิน (0.05 หยวน) ก็เหลือ 0.75 หยวนเองนะ มันก็ถูกลงนะ

แต่ฉีเหลียงอิงกลับมองหมูซีกนั้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว “เนื้อทั้งน้อยทั้งแห้ง ไม่น่ามีคนอยากได้หรอก”

เสี่ยวเถียนรีบสวนทันที “บางคนชอบกินเนื้อมัน ๆ บางคนก็กินแต่เนื้อล้วนไงคะ เราลองกันดีกว่าแม่รอง”

ต่อให้ผ่านไปอีกหลายปี คนก็ยังชอบเนื้อหมูมัน ๆ อยู่ แต่เพราะในยุคนี้หมูทั้งหมดเป็นการเลี้ยงแบบชาวบ้าน ถึงส่วนขาจะไม่ได้มีมันล้วนแต่ยังพอมีอยู่บ้าง

ขอแค่อร่อยคนก็ซื้อทั้งนั้น หรือถ้าขายไม่ได้ก็ลดลงมาอีก 5 เฟินก็ได้

ฉีเหลียงอิงกำลังคิดว่ามันจะมีคนแบบไหนที่ไม่ชอบกินเนื้อไม่ติดมันไหมแล้วชอบกินเนื้อล้วนแทน

แต่เพราะเสี่ยวเถียนที่ชอบกินเนื้อแบบนั้นบอก ก็เลยพยักหน้ารับ

“แม่จะเชื่อนะ!”

เหล่าเอ้อร์หมดคำจะพูด

เขาซื้อมาแท้ ๆ แต่โดนตำหนิ กลับเสี่ยวเถียนที่พูดแค่ประโยคเดียวภรรยาก็เปลี่ยนไปเลย?

หรือเสี่ยวเถียนเป็นหลานแท้ ๆ แต่เขาเป็นสามีปลอม ๆ หรือ?

ซื่อเลี่ยงหัวเราะเมื่อเห็นพ่อมีสีหน้าบูดบึ้ง

“เสี่ยวเถียน เรามาล้างทำความสะอาดแล้วหมักเนื้อกัน” ฉีเหลียงอิงถือมีดแล้วเตรียมจะแบ่งส่วน