ตอนที่ 500 เจ้าคิดอย่างไรที่ข้ามาในวันนี้? วันนี้เจ้ามาเพื่อแก้ไขความคิดของข้า (3)
ในถ้ำดิน ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “สหายเต๋า ข้าขอตั้งสติก่อน”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาก็หลับตาและตั้งสมาธิในขณะที่บรรดาเซียนนับสิบที่อยู่รอบตัวเขาต่างก็ยกย่องเขาว่าดี
ในป่าดอกท้อ หลี่ฉางโซ่วรวบรวมตัวเองเข้าด้วยกัน เขาหยิบขลุ่ยหยกออกมาเป่าเพลงไพเราะ
“ในหัวใจของเจ้า โบยบินไปอย่างอิสระ ~”
เมฆสีขาวก้อนหนึ่งลอยมาหยุดในระยะไกลแล้วร่อนลงมายังสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
อวิ๋นเซียว…มาถึงแล้ว
เมฆก้อนนั้นพาเทพธิดาในชุดคลุมสีขาวลงมา หลี่ฉางโซ่วหันกลับมาและตระหนักว่าเสียงต่างๆ ได้หยุดลงแล้ว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า นางงดงามเป็นพิเศษด้วยดวงตาที่สุกสกาวและริมฝีปากใสระเรื่ออ่อนนุ่มของนางนั้นไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้
ไม่จำเป็นต้องชมลักษณะท่าทางอันไร้ที่ติของนาง เพียงแค่นางยืนอยู่ที่นั่นและเผยรอยยิ้มอ่อนโยนและสบายๆ นางก็สามารถทำให้ผู้คนลืมความเร็วแห่งการเลื่อนไหลของแม่น้ำสายยาวแห่งกาลเวลา ต่างลืมกระแสเวลา เพียงปรารถนาจะให้เวลาหยุดลงในช่วงเวลานั้น
ในขณะนั้น ลมทะเลพัดโชยมา เส้นผมยาวและกระโปรงของนางปลิวไสวเบาๆ มาทางเขาอย่างอ่อนโยนในขณะที่นางเคลื่อนกายตรงเข้ามาหาเขา
เทพธิดาอวิ๋นเซียวเม้มริมฝีปากแล้วถามว่า “เหตุใดร่างหลักของเจ้าถึงมาที่นี่?”
หลี่ฉางโซ่วเพียงกำลังจะบอกว่า เขาได้รับการเลือกมาจากท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์โดยเฉพาะเมื่อเขารู้สึกว่ามีมีดสองเล่มวางอยู่บนคอของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขา
ในขณะนั้น บรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยที่อยู่บนพื้นในหลุมดินต่างกำลังแอบคร่ำครวญด้วยความผิดหวังอยู่ลับๆ อวิ๋นเซียวปัญญาเลิศล้ำยิ่งนัก รายละเอียดเพียงหนึ่งเดียวก็เพียงพอให้นางคาดเดาสถานการณ์ต่างๆ ได้มากมายแล้ว
แต่หลี่ฉางโซ่วก็ยิ้มและถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ข้ารู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อยและอยากออกไปเดินเล่น ตอนนี้ข้าเพิ่งรู้ว่า ความกระวนกระวายใจนี้ เป็นเพราะข้าได้มาพบเทพธิดาที่นี่”
ในถ้ำดิน เซียนบุรุษกลุ่มหนึ่งพลันตื่นตกใจในขณะที่ดวงตาของเซียนสตรีหลายคนเปล่งประกาย
“อา…”
อวิ๋นเซียวหัวเราะคิกคักเบาๆ และลอยขึ้นจากก้อนเมฆในขณะที่หลี่ฉางโซ่วผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญ พวกเขาทั้งสองคนต่างก็เข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี จากนั้น พวกเขาก็เดินเล่นไปรอบๆ
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เราทั้งคู่ไม่ชอบออกไปข้างนอก แต่วันนี้ พวกเราทั้งคู่ก็ได้เดินออกมาแล้ว ข้าเกรงว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น”
“บางที อาจเป็นข้าเองที่ส่งผลกระทบต่อเจ้า” อวิ๋นเซียวกล่าวขออภัยเล็กน้อยและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ข้าไปขอให้ท่านอาจารย์อธิบาย ท่านอาจารย์ได้ทำการหยั่งรู้สถานการณ์ของเจ้าแล้ว และนั่นน่าจะทำให้เจ้ารู้สึกไม่สบายใจ”
หลี่ฉางโซ่วถึงกับเงียบงัน
ความมีจิตใจสูงส่งของเทพธิดาอวิ๋นเซียวทำให้เขารู้สึกละอายใจจริงๆ
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มและกล่าวว่า “โอ้? เจ้าสำนักทำการหยั่งรู้ข้าด้วยตัวเองจริงๆ หรือ? ช่างน่าประหลาดใจนัก ข้าดีใจจริงๆ นี่ถือเป็นเกียรติของข้า”
อวิ๋นเซียวหัวเราะเบาๆ ด้วยรู้สึกขบขันกับน้ำเสียงที่พูดเกินจริงของหลี่ฉางโซ่วและกล่าวว่า “ข้ายังได้แอบใช้ถังทองฮุ่นหยวนเพื่อช่วยปกปิดความลับสวรรค์ของสถานที่นี้เอาไว้แล้ว ท่านอาจารย์จะไม่สามารถได้ยินที่กล่าวเช่นนั้น”
แต่หลี่ฉางโซ่วยังคิดว่า พวกเขาอยู่ใต้เท้าของเรา! อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเรา
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ข้าก็ยินดีที่จะต้องบอกว่า พลังเวทของผู้อาวุโสตั๋วเป่านั้นโดดเด่นเป็นเอกสุดๆ
“ไม่ว่าปรมาจารย์จอมปราชญ์จะได้ยินหรือไม่ เราก็ต้องเคารพเขา” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ผู้ที่ไม่ได้เป็นจอมปราชญ์ เขาก็จะเป็นเพียงแค่มด พวกเราจะข้ามผ่านพ้นไปได้ก็ต่อเมื่อได้เป็นจอมปราชญ์แล้วเท่านั้น ในโลกนี้ จอมปราชญ์ทั้งหกก็คือ ขุนเขาสูงใหญ่หกลูก และพวกเราทั้งคู่ก็อยู่ในเงาของขุนเขานั้น”
เทพธิดาอวิ๋นเซียวพยักหน้าเบาๆ และกล่าวเบาๆ ว่า “ข้าไม่เคยได้ยินหัวใจเต๋าของเจ้าเลย”
“ผู้ฝึกบำเพ็ญในยุคของข้าล้วนพยายามที่จะอยู่เหนือสวรรค์และปฐพีและเต๋าใหญ่เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา” หลี่ฉางโซ่วไพล่มือไว้ด้านหลังและโบกขลุ่ยหยกเบาๆ พลางกล่าวว่า “แน่นอนว่า ข้าย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยง ‘ค่านิยมที่น่าเบื่อ’ นี้ได้”
อวิ๋นเซียวยิ้มและกล่าวว่า “ตามที่เจ้าว่า เช่นนั้น ข้าก็เป็นเพียงคนธรรมดาผู้หนึ่ง”
ในขณะนั้น มีมีดอีกเล่มหนึ่งวางอยู่บนคอของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย ซึ่งไม่อยากจะเปิดเผยชื่อของเขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “อย่าเปลี่ยนหัวข้อ รีบพูดคุยเรื่องนั้นเร็วๆ เข้า และในระหว่างนั้น ก็ให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตากว้างขึ้นด้วย”
บรรดาเซียนบุรุษแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยที่อยู่ในถ้ำดินล้วนเห็นด้วย
ที่ชายป่าดอกท้อ จู่ๆ หลี่ฉางโซ่วก็กะพริบตา
เทพธิดาอวิ๋นเซียวถามด้วยความสงสัยว่า “มีอันใดผิดไปหรือ?”
จะเป็นอันใดได้อีก? ข้าถูกลักพาตัว!
“ยามแย้มยิ้ม เทพธิดาช่างงดงามยิ่งนัก” หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ข้าใช้สมองและยังคิดอยากจะท่องบทกวีให้เข้ากับเหมาะกับโอกาส และทิวทัศน์ แต่พบว่าบทกวีที่ข้ารู้จักนั้นไม่ได้มีค่าและงดงามถึงครึ่งแห่งความงามของเจ้าเลยแม้แต่น้อย จึงทำได้เพียงชื่นชมยกย่องเจ้าด้วยประโยคไพเราะเช่นนี้ เท่านั้น”
ในถ้ำดินนั้น บรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยหลายคน ต่างหยิบยันต์หยกออกมาเงียบๆ เพื่อบันทึก…
เทพธิดาอวิ๋นเซียวอดจะมองไปที่ด้านข้างไม่ได้ สายตาจ้องมองของนางยังคงดูอ่อนโยนขณะที่นางเอ่ยถามว่า “เหตุใดวันนี้ถึงกล่าวเช่นนี้?”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “เทพธิดารู้หรือไม่ว่า ในเผ่ามนุษย์นั้น ดอกท้อหมายถึงอะไร?”
อวิ๋นเซียวทำมุทราหยั่งรู้ และในไม่ช้า นางก็ยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ จากนั้นนางก็เอามือไพล่หลังแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อหัวใจเจ้าเต้นแรงมาก… เช่นนั้น ข้าขอถามอะไรเจ้าสักสองสามข้อได้หรือไม่?”
“เทพธิดาโปรดถามมาเถิด”
“หยินและหยางคืออะไรในวิถีแห่งเต๋าใหญ่?” “ท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง เราจะดำรงอยู่ได้ที่ใดกัน?” “สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันมีความแตกต่างอันใดระหว่างกัน?”
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบคำตอบมาตรฐานออกมา
เปิดตำราสอบก็ย่อมได้คะแนนเต็ม
ทว่าเทพธิดาอวิ๋นเซียวยังลังเลกับคำถามสองข้อสุดท้าย นางมองหลี่ฉางโซ่วราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง แต่ก็ดูเหมือนกำลังบอกเขาทุกอย่างเช่นกัน
หลี่ฉางโซ่วมองนางอย่างใจเย็น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสงบและอบอุ่น
อวิ๋นเซียวครุ่นคิดและกล่าวว่า “ตอบได้ไม่เลว…”
“เทพธิดามีคำถามอันใดอีกหรือไม่?”
หลี่ฉางโซ่วเริ่มถามชี้นำเป็นนัยออกมาก่อน แต่ดูเหมือนว่า อวิ๋นเซียวจะไม่รับสัญญาณนั้น นางศีรษะเบาๆ
จากนั้นอวิ๋นเซียวก็กล่าวว่า “ความจริงแล้ว นี่เป็นคำถามที่ท่านอาจารย์ให้มา และคำตอบของเจ้าก็สอดคล้องตามที่ท่านอาจารย์บอกด้วย ข้าพอเข้าใจคร่าวๆ แล้วว่าข้าได้เข้าสู่ภัยพิบัติแล้ว จริงๆ แล้ว หลังจากที่ข้ากลับมาที่เกาะ ข้าก็ตัดสินใจมาหาเจ้าเพราะข้ารู้คำตอบแล้ว”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เทพธิดา … วันนี้ ให้ข้าเรียกว่า อวิ๋นเซียวได้หรือไม่?”
“ได้สิ” อวิ๋นเซียวพยักหน้าเบาๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอ่อนโยน นางยกมือขึ้นเพื่อจัดปอยผมสีดำข้างใบหู แล้วกล่าวเบาๆ ว่า “แต่เรียกได้เพียงที่นี่เท่านั้น ยังต้องระวังเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่น้องของข้า”
จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญ แล้วทั้งสองคนก็เดินเล่นกันในป่าต่อไป ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ได้เป่าเขาสัญญาณ[1] เพื่อตอบโต้สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยแล้ว
“อวิ๋นเซียว ไยเราไม่พูดถึงความรู้สึกที่เราต่างก็เห็นในดวงตาของกันและกันเล่า?”
ขั้นตอนแรกคือ การหลีกเลี่ยงเรื่องสำคัญและเริ่มลงมือ!
………………………………………………………………..
[1] สัญญาณเตรียมออกศึก