บทที่ 688 ผู้สืบทอดพ่อมดศักดิ์สิทธิ์อีกคนหนึ่ง

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 688 ผู้สืบทอดพ่อมดศักดิ์สิทธิ์อีกคนหนึ่ง

มีนกน้อยตัวหนึ่งเกาะอยู่ริมหน้าต่าง

มันเอียงหัวแนบหูไปทางหน้าต่างราวกับกำลังฟังคนที่อยู่ในห้อง

ขณะเดียวกันในอีกห้องหนึ่งมีคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงโดยใช้หูนกฟังคำพูดในห้องได้อย่างชัดเจน

“โอ๊ย… พวกมันรังแกข้าเจ็บแทบตาย” เหยาจู้แยกเขี้ยวบ่นกับชายที่นั่งอยู่บนเตียง คนผู้นี้แปลกมาก เขามีรูปร่างผอมเพรียว ดูแล้วเหมือนเด็กอายุไม่เกินสิบเอ็ดสิบสองปี แต่ใบหน้ากลับดูเป็นผู้ใหญ่ เสียงของเขาเหมือนเด็กจึงทำให้คาดเดาอายุไม่ได้ เหยาจู้ดูจะกลัวเขาไม่น้อย เขาหุบปากไม่กล้าบ่นอะไรออกมาอีก

ชายคนนั้นหลับตาตั้งใจฟังอีกครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้ลืมตาขึ้น

“จบแล้ว!”

“เขาพูดอะไรหรือ? เจ้าได้ยินอะไร?” เหยาจู้อดถามไม่ได้ ชายคนนั้นเหลือบตามองใบหน้าบวมเป่งของเหยาจู้ก่อนจะพูดว่า

“แย่!”

“พอพูดถึงเรื่องนี้ข้ายังโมโหไม่หาย หากอวิ๋นเทาจับคนเหล่านั้นได้ ข้าจะทุบตีพวกเขาให้หนักเลย คอยดูสิ!” เหยาจู้กัดฟันพูด

เขาไม่ทุบตีสาวน้อยคนนั้นหรอก แต่เขาจะทุบตีผู้อื่น

“ฝันไปเถอะ!” ชายคนนั้นเอ่ยออกมา เหยาจู้ถูกขัดจังหวะ เขาไม่พอใจ

“อาคู เจ้าเป็นผู้สืบทอดพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดเจ้าถึงได้พูดจาแปลกๆ เช่นนั้นเล่า? อย่าลืมสิว่าข้าเป็นพี่ชายของเจ้า!”

เหยาคูเหลือบมองเขา สีหน้าเรียบนิ่ง เหยาจู้ตัวสั่น หดคอลง

“ข้าได้ยินว่าอวิ๋นเทาไม่ต้องการจับกุมคนที่รังแกเจ้า เขาแค่ต้องการเล่นละครให้เจ้าดูเท่านั้น” เหยาคูพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก

ใบหน้าของเหยาจู้เปลี่ยนไป

“ตาเฒ่าผู้นี้โกหกข้า!” เขาโกรธมากจนเดินวนไปรอบๆห้อง

“ไม่! ข้าจะต้องไปจับตาดูพวกเขาด้วยตัวข้าเอง!”

….

ถังหลี่และซานเป่ารออยู่ที่ลานพัก ไม่นานนักตู้เย่ หวังหยูและอาหูก็เดินกลับมา

ทั้งสามนำอาหารกลับมามากมาย

“เจ้าไปเอาเงินมาจากไหนกัน?” ถังหลี่ประหลาดใจ ของที่ได้มาต้องใช้เงินจำนวนมากจับจ่ายซื้อหา

หวังหยูและอาหูมองไปที่ตู้เย่ด้วยสายตาแปลกๆ ต่อมาถังหลี่จึงได้รู้เรื่องที่ว่ามีเด็กสาวผู้หนึ่งต้องการเย้าแหย่ตู้เย่ แต่กลับโดนเขาอุ้มขึ้นไปไว้บนคาคบไม้สูง เด็กสาวกลัวมาก นางกอดต้นไม้ร้องไห้ขอความเมตตา ตู้เย่จึงฉวยโอกาสนี้ข่มขู่นาง

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ถังหลี่ตกตะลึง ตู้เย่เป็นคนที่มีเสน่ห์ ใบหน้าของเขางดงาม โชคดีที่เขาเป็นคนมีวรยุทธ์ หาไม่ เช่นนั้นแล้วคงได้นำเภทภัยหายนะมาสู่ตัวเขาอย่างแน่นอน

หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าแล้ว พวกเขาก็ไปตลาดเพื่อซื้อเสบียงอาหาร แล้วเตรียมตัวที่จะออกจากเมือง จะพักอยู่ที่นี่นานๆ คงเป็นไปไม่ได้

กลุ่มของถังหลี่พากันเดินไปที่ประตูเมือง ในเวลาเดียวกันผู้ใต้บังคับบัญชาของเฟิงเยว่ซึ่งได้รับคำสั่งให้หาผู้ที่ทำร้ายเหยาจู้ก็ได้บังเอิญผ่านมาเห็น เด็กผู้หญิงอายุราวๆสิบเอ็ดหรือสิบสองปี ผู้หญิงหน้าตางดงามอายุยี่สิบต้นๆ และผู้ชายที่หน้าตาสวยงามกว่าผู้หญิง เข้าพอดี

เขาเหลือบมองแล้วเบนสายตาออก

“ผู้บัญชาการเฟิง คนเหล่านั้นคือคนที่ทุบตีทำร้ายข้า ท่านตาบอดไม่เห็นหรือ?”

เหยาจู้ที่ขี่เสือมาชี้ไปยังถังหลี่และกลุ่มของพวกเขา พูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง

เฟิงเยว่รีบตอบอย่างทันควัน

“ใช่แล้ว! ข้าไม่ทันได้สังเกตมาก่อน รีบไปล้อมจับพวกเขาเอาไว้เถอะ”

ถังหลี่กวาดสายตามองไปรอบๆ นางเม้มริมฝีปากแน่น คาดไม่ถึงว่าคนแซ่เหยาจะพาผู้คนมาเร็วขนาดนี้

“จับพวกเขา!” ถังหลี่มองตู้เย่ เขาพยักหน้ารับ ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้เสียแล้ว! คนหลายสิบคนที่นำมาจับกุมพวกเขาล้วนมีวรยุทธ์ที่ไม่อาจเทียบเท่ากับผู้ติดตามของชายแซ่เหยาซึ่งแค่เห็นก็รับรู้ได้ว่าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

ผู้คนในเผ่าโบราณล้วนมีพละกำลังแข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี จึงยากนักที่จะเป็นคู่ต่อสู้

ถังหลี่คิดว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดนองเลือด แต่กลายเป็นว่าเริ่มต้นไปไม่ทันไร ชายผู้นั้นลงไปนอนอยู่กับพื้นก่อนที่นางจะได้ออกหมัดเสียด้วยซ้ำ

“อ้าว!”

“โอ๊ย”

ใช้เวลาไม่นานนัก คนเหล่านั้นที่มาจับกุมก็ล้วนลงไปกองอยู่กับพื้นทั้งหมด หากถังหลี่ไม่ได้เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่แรก นางคงคิดว่าพวกเขาโดนทุบตีอย่างหนักเป็นแน่

เฟิงเยว่โดนตู้เย่กดลงกับพื้น เขามองไปที่เหยาจู้เพื่อบอกใบ้ว่าเขาได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากแล้ว แต่เขาสู้ไม่ได้ ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งมากเกินไป!

เหยาจู้ขบฟันเสียงดังกรอด ถ้าเหยาคูไม่ได้บอกเขาตั้งแต่แรกแล้ว เขาคงคิดว่าเฟิงเยว่คงจะเอาชนะคนเหล่านั้นไม่ได้จริงๆ

งิ้วฉากนี้ช่างเล่นได้สมจริงเหลือเกิน แม้กระทั่งเสียงร้องแสดงความเจ็บปวด

ด้วยคำเตือนของเหยาคู เหยาจู้จึงรับรู้ว่าเฟิงเยว่เป็นคนเจ้าเล่ห์มาก

เหยาจู้โกรธตัวสั่น!

ถังหลี่พอจะมองอุบายออก ใจของนางคิดคาดเดาอย่างรวดเร็ว เป็นไปได้ว่า กลุ่มคนที่พวกนางประมือด้วย ไม่ได้ต้องการจับกุมพวกนางแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะไม่กล้าขัดคำร้องของเหยาจู้ พวกเขาจึงได้แต่แสดงละครฉากนี้ให้เหยาจู้ดู อีกฝ่ายมีเจตนาดีต้องการจะปล่อยพวกนางไป

“ไปกันเถอะ! ออกจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุด” หลังจากถังหลี่พูดจบ ทั้งกลุ่มก็พากันเดินออกไป

“หยุด!” ในขณะนั้นเองมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ฟังชัดว่าเป็นเสียงเด็กแต่กลับมีอำนาจน่าเกรงขาม

ถังหลี่มองไปยังทิศทางของเสียง

นางเห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่บนหลังคา ดูจากรูปร่างเห็นเป็นเด็กหนุ่ม แต่ใบหน้าเคร่งขรึมเกินกว่าวัย คนผู้นั้นจับจ้องมายังถังหลี่ ก่อให้เกิดความไม่สบายขึ้นมา และแล้วสายตาของเขาเบือนไปยังซานเป่าอย่างเพ่งเล็ง ถังหลี่ก้าวไปบังซานเป่าขวางสายตาของเด็กหนุ่มผู้นั้นเอาไว้

“ข้าคือเหยาคู เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ คนเหล่านี้จะนำความหายนะมาสู่เผ่าและตระกูลของเรา จงรีบจับกุมพวกเขาเอาไว้!” น้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยอำนาจของเด็กหนุ่มผู้นั้นดังขึ้น จากนั้นเขายกมือขึ้น สัญลักษณ์ดอกบัวเพลิงปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือ ดูราวกับจะลุกเป็นไฟได้ท่ามกลางแดดที่แผดเผา

เมื่อเห็นสัญลักษณ์ดอกบัวเพลิง ดวงตาของผู้คนก็เต็มไปด้วยความนับถือ

ถังหลี่เริ่มไม่สบายใจ สายตาของผู้คนทั่วไปเริ่มหันกลับมามองพวกนางอย่างไม่เป็นมิตร ชาวเมืองเริ่มเคลื่อนไหวหลั่งไหลเข้ามาราวกับกระแสน้ำ

ต่อให้ถังหลี่มีตู้เย่ และองครักษ์เงาที่สามารถต่อสู้กับผู้คนได้นับสิบ แต่กระนั้นก็ไม่อาจต่อสู้กับชาวเมืองนับพันได้

“ท่านแม่ หวังหยูมีดอกบัวเพลิงเช่นกัน หรือว่าเราจะ…” ซานเป่ากระซิบ ถังหลี่คิดอย่างรวดเร็ว เท่าที่นางได้รับรู้ ผู้สืบทอดพ่อมดศักดิ์สิทธิ์จะมีได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น ตอนนี้หวังหยูและผู้สืบทอดผู้นี้อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกัน หากเปิดเผยสถานะของหวังหยูไปนอกจากจะช่วยเหลือพวกเขาไม่ได้ แต่กลับจะชักนำหายนะมาสู่หวังหยูเสียด้วยซ้ำ!

ถังหลี่ส่ายหน้า เมื่อเห็นถังหลี่ตัดสินใจเช่นนั้น พวกเขาจึงได้ยอมแพ้และยินดีให้จับกุมแต่โดยดี จากนั้นจึงได้ถูกนำตัวไปยังจวนเจ้าเมือง

เรื่องที่่เกิดขึ้นได้ล่วงรู้ไปถึงหูของเจ้าเมืองแล้ว อวิ๋นเทายืนอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเขาเห็นเหยาคู ความคิดเขาก็แปรเปลี่ยนไป ในวันที่เหยาจู้มาถึง เหยาคูติดตามเขามาโดยไม่พูดจา ท่าทางราวกับเป็นเพียงผู้ใต้อาณัติผู้หนึ่งเท่านั้น อวิ๋นเทาไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ที่มีรอยสักอยู่ที่ฝ่ามือ และจะขึ้นไปสู่ตำแหน่งพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ในภายหน้า

พ่อมดศักดิ์สิทธิ์ถึงกับส่งผู้สืบทอดของเขามาที่เมืองอวิ๋นเฟิงด้วยหรือ? เขาต้องการจับตาเมืองอวิ๋นเฟิงถึงเพียงนี้!

ใบหน้าของอวิ๋นเทาเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว

“ท่านคือผู้สืบทอดตำแหน่งพ่อมดศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง ได้โปรดยกโทษให้กับการละเลยของข้าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ด้วยเถอะ”

อวิ๋นเทาเหลือบตามองถังหลี่และผู้ติดตามของนาง

“นี่เป็นแค่การทะเลาะวิวาทกันเล็กน้อยเท่านั้น นายน้อยเหยาจู้ เหตุใดท่านจึงต้องลงมือเองด้วย…”

“ข้าสงสัยเหลือเกินว่า ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านเจ้าเมืองอ่อนแอไร้ความสามารถถึงเพียงนี้ ท่านเจ้าเมืองจะมีความสามารถปกครองเมืองใหญ่โตอย่างอวิ๋นเฟิงได้หรือ?” เหยาคูเอ่ยขึ้นวาจาเหยียดหยัน

สีหน้าของอวิ๋นเทากลับไม่สลด “ผู้สืบทอด ท่านล้อข้าเล่นแล้ว ตระกูลอวิ๋นของเราปกครองเมืองอวิ๋นเฟิงมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยราบรื่นดีมาตลอด”

เหยาคูสีหน้าจริงจังเอ่ยคำพูดต่อว่า

“ท่านเจ้าเมือง ดวงตาของเทพเจ้ามีอยู่ทุกทุกแห่ง ได้โปรดแสดงความเคารพและยำเกรงต่อเทพเจ้าด้วย อย่าทำให้พระองค์ทรงระคายเคือง”

“ผู้สืบทอด ข้าเป็นราษฎรของพระองค์เช่นกัน ข้าย่อมมีความเกรงกลัวและให้ความเคารพต่อพระองค์อยู่แล้ว”

อวิ๋นเทารีบพูด

“ดี! ถ้าเช่นนั้นท่านเจ้าเมืองสั่งให้เอาคนกลุ่มนี้ไปขังเอาไว้ก่อน ข้าจะร้องถามต่อเทพเจ้าว่าจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร!” เหยาคูสั่ง

อวิ๋นเทามองกลุ่มคนของถังหลี่ เขารู้ดีว่าคนเหล่านี้บริสุทธิ์ แต่เขาจะมีปัญญาทำอะไรได้! เหยาคูใช้เทพเจ้ามาข่มขู่เขา เขาได้แต่จำนนสั่งขังคนกลุ่มนี้เท่านั้น