ตอนที่ 184-2 ความจริงเปิดเผย

พอออกมาจากบ้านชิงเหลียน หลี่ซื่อก็ส่งใบยาให้สือหลิวที่เป็นสาวใช้ข้างกายทันที

สือหลิวได้ใบยาไป ก็จะไปจับยาที่ร้านขายยา ตอนเดินผ่านสวนดอกไม้เล็กๆ บังเอิญเจอโจวมามาที่กำลังเด็ดดอกหมู่ตันอยู่

สือหลิวยิ้มแย้มทักทาย “โจวมามา เด็ดดอกหมู่ตันให้ฮูหยินอีกแล้วหรือ”

โจวมามายิ้ม “ใช่น่ะสิ ช่วงนี้เหล่าฮูหยินไม่ค่อยเจริญอาหาร ฮูหยินเลยอยากชงชาดอกหมู่ตันให้เหล่าฮูหยินดื่ม”

สือหลิวเอ่ยต่อ “ฮูหยินช่างกตัญญูเหลือเกิน”

โจวมามาเห็นอีกฝ่ายจะออกไปข้างนอกเลยถามว่า “เจ้าจะไปไหนน่ะ นี่ใกล้จะได้เวลาอาหารเที่ยงแล้วนะ”

สือหลิวตอบว่า “ข้าจะไปจับยาให้ฮูหยินรอง”

“ฮูหยินรองเป็นอะไรหรือ” โจวมามาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย

สือหลิวย่อมไม่กล้าแพร่งพรายอาการป่วยที่แท้จริงของหลี่ซื่อให้ใครรู้ จึงตอบยิ้มๆ ว่า “นอนไม่หลับ หลับก็มักจะฝันบ่อยๆ ฮูหยินน้อยเลยเขียนใบยาให้ บอกว่ากินเจ็ดวันก็หายแล้ว”

รอยยิ้มของโจวมามาจางลง “ฮูหยินน้อยเป็นคนเขียนใบยา?”

สือหลิวเป็นสาวใช้คนสนิทของหลี่ซื่อ ฐานะไม่ธรรมดา ยามเอ่ยอะไรจึงไม่คิดมากนัก “ใช่แล้ว ฮูหยินน้อยตรวจชีพจรให้ฮูหยินรอง เดี๋ยวเดียวก็บอกว่ารักษาให้หายได้!”

โจวมามาเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นมิตรว่า “ถึงอย่างไรฮูหยินน้อยก็ยังสาว ฮูหยินของเจ้าร่างกายมีค่าดั่งทองดั่งหยก เหตุใดถึงไม่หาหมอที่มีประสบการณ์สักหน่อยมาเล่า เจ้าอย่าได้สนใจใบยานี้เลย ข้าจะไปรายงานฮูหยินใหญ่ให้ ให้นางเชิญหมอหลูมา หมอหลูปีนี้อายุตั้งห้าสิบแปดปีแล้ว รักษาคนมาสี่สิบกว่าปี ไม่ใช่คนที่หมอกระเป๋าเด็กๆ จะเทียบได้”

สือหลิวเอ่ยอย่างไม่เห็นเป็นเช่นนั้นว่า “หมอหลูเก่งมากหรือ หมอหลูรักษาฮองเฮาให้หายได้หรือ หมอหลูเปิดหอหลิงจือหรือ บิดาของฮูหยินน้อยเป็นถึงหมอเทวดา นางได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดามารดา ฝีมือการรักษาของนางจะต้องเก่งกาจกว่าหมอหลูมากแน่!”

โจวมามายิ้มแต่ปาก “หมอหลูรักษาคนในจวนเรามาตั้งนานเพียงนั้น แม้แต่อาการป่วยของเหล่าฮูหยินเขาก็ยังรักษาให้หายได้ เจ้าจะเอาเขาไปเปรียบเทียบกับเด็กสาวคนหนึ่งได้อย่างไร พ่อแม่ก็คือพ่อแม่ ฮูหยินน้อยก็คือฮูหยินน้อย จะเอามารวมกันไม่ได้”

สือหลิวตอบกลับทันควันว่า “เจ้าคิดว่าฮูหยินของข้าไปให้ฮูหยินน้อยตรวจอาการโดยไม่คิดให้รอบคอบหรือ ฮูหยินของข้าไปถามมาจนกระจ่างแล้ว ตอนนั้นเหล่าฮูหยินสำลักอาหารระหว่างทางจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ก็เป็นฮูหยินน้อยที่ช่วยรักษาเหล่าฮูหยินให้ ครั้งก่อนในงานฉลองวันเกิดของไท่จื่อ นางก็สำลักอาหารอีก หมอหลวงยังจะเตรียมมีดกรีดคอเหล่าฮูหยินแล้วเลย แต่ฮูหยินน้อยกลับรักษาได้โดยง่าย หากเจ้ายังไม่เชื่ออีก ลองไปถามที่บ้านชิงเหลียนดู อู๋มามาขาชา เดินไม่ได้ ใครกันที่เป็นคนรักษา จางมามาไหล่เจ็บมาเจ็ดแปดปี ใครอีกที่ช่วยรักษาให้ สรุปแล้วคือมีหลายคนทีเดียว ฮูหยินน้อยเก่งกว่าที่เจ้าคิดไว้มากนัก!”

ถ้าไม่เก่งด้วยนิสัยดูถูกคนบ้านนอกอย่างฮูหยินของนาง มีหรือจะทำใจกล้าหน้าหนาเดินเข้าไปขอให้อีกฝ่ายรักษาให้น่ะ

“โจวมามา น้ำใจของเจ้าข้ารับไว้ด้วยใจแล้ว แต่ไว้ครั้งหน้าก็แล้วกัน ข้าไปจับยาก่อนล่ะ” สือหลิวยิ้มพูดจบก็ซอยเท้าจากไปทันที

อีกด้านหนึ่งของสวนดอกไม้เล็ก วั่งซูกับจิ่งอวิ๋นเล่นสนุกกันมาทั้งบ่าย เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ พวกเขายังเล่นกันไม่หนำใจ แต่ก็ติดที่ท้องร้องจ๊อกๆ จึงจำต้องกลับไป

บ่าวที่คอยรับใช้พวกเขาคือฉานเอ๋อร์

ฉานเอ๋อร์เช็ดเหงื่อให้พวกเขา “นายน้อย ท่านอย่าเล่นอีกเลย มาดื่มน้ำก่อนเจ้าค่ะ”

นางส่งถุงน้ำสองอันให้จิ่งอวิ๋นกับวั่งซู

วั่งซูดื่มอักๆ ลงไปสองอึกใหญ่แล้วก็ไม่ดื่มอีก นางจับก้นแล้วบอกว่า “ข้าปวดฉี่!”

จิ่งอวิ๋นบอกว่า “ข้าก็ปวด”

ฉานเอ๋อร์ยิ้ม “ในสวนฉุยหลิ่วมีห้องสุขาอยู่ บ่าวพาไปนะเจ้าคะ”

นางจับจูงกันไปข้างละคน แล้วเดินเข้าไปในสวนฉุยหลิ่ว

วั่งซูกลั้นจนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว นางจับก้นไม่ยอมปล่อย “ไม่ไหวๆ ข้าอั้นไม่ไหวแล้ว! ข้าจะฉี่แล้ว!”

ฉานเอ๋อร์หน้าถอดสี หันมองไปทั่ว “ที่นี่เป็นสวนดอกไม้เล็กนะเจ้าคะ จะฉี่เรี่ยราดไม่ได้”

“ข้ารู้ แต่ข้าอั้นไม่ไหวแล้ว!” วั่งซูหนีบขาเข้าหากัน

ฉานเอ๋อร์อึ้งงัน “บ่าวอุ้มไปนะเจ้าคะ”

วั่งซูยื่นแขนออกไป

ฉานเอ๋อร์อุ้มเด็กน้อยตัวอวบแน่นขึ้นมา น้ำหนักที่มหาศาลกดทับจนแขนนางแทบจะหักเสียให้ได้

ทั้งๆ ที่น้องชายนางอ้วนกว่านายน้อยเสียอีก ยังไม่หนักเพียงนี้เลย นายน้อยกินอะไรมากันนี่ หนักราวกับลูกเหล็กทีเดียว

กว่าจะอุ้มวั่งซูมาถึงสวนฉุยหลิ่วได้ พอหันกลับไปอีกทีถึงได้เห็นว่าจิ่งอวิ๋นไม่ได้ตามมาด้วย นางตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง!

“คุณชายน้อย! คุณชายน้อย!” นางวางวั่งซูลง “คุณหนูท่านไปเข้าห้องสุขาก่อน เสร็จแล้วอย่าเดินไปไหนนะเจ้าคะ”

วั่งซูพยักหน้าอย่างว่าง่าย

ฉานเอ๋อร์ไปตามหาจิ่งอวิ๋น

รองเท้าของจิ่งอวิ๋นติดอยู่ตรงซอกหิน ฉานเอ๋อร์โล่งอก ช่วยเขาดึงรองเท้าออกมาแล้วจูงมือเขาไปหาวั่งซู

วั่งซูทำธุระเสร็จแล้ว สบายกายสบายใจ ยืนรออยู่ข้างนอกอย่างว่าง่าย

ในตอนนั้นเอง สระน้ำขนาดเล็กที่อยู่ข้างต้นหลิ่วเกิดเสียงดังตูม มีคนตกน้ำ

วั่งซูเบี่ยงขาแล้ววิ่งเร็วจี๋ออกไปทันที!

อย่าดูแต่ว่านางเนื้อตัวอวบแน่น เวลาวิ่งนางวิ่งได้เร็วกว่าพี่ชายเสียอีก

นางวิ่งไปที่ริมสระ ดึงผมคนผู้นั้นไว้แล้วลากคนผู้นั้นขึ้นมาจากน้ำ!

คนผู้นั้นเปียกปอนไปทั้งตัว สำลักน้ำ ร้องไห้เสียงดัง

วั่งซูมองอีกฝ่ายตาแป๋ว “เจ้าเป็นใครกัน เหตุใดถึงตกน้ำลงไปได้”

“บ่าวคือสือหลิวเจ้าค่ะ” สือหลิวตกใจจนน้ำตาพรั่งพรูออกมา นางว่ายน้ำไม่เป็น เกือบจะจมน้ำตายอยู่แล้ว นางมองแม่นางน้อยที่อยู่ตรงหน้า จำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นนายน้อยของบ้านชิงเหลียน “คุณหนูเป็นคนช่วยบ่าวไว้หรือ”

วั่งซูพยักหน้า “ใช่แล้ว! ท่านแม่ข้าบอกไว้ เป็นเด็กเป็นเล็กจะไปเล่นอยู่ริมน้ำไม่ได้ เดี๋ยวจะตกลงไปเสีย เจ้าก็อย่ามาเล่นแถวริมน้ำอีกนะ”

สือหลิวจิตใจกระเจิดกระเจิงไปหมดจนลืมตกใจกับพละกำลังของวั่งซู นางสะอึ้นพลางเอ่ยว่า “บ่าวไม่ได้มาเล่นที่ริมน้ำนะเจ้าคะ บ่าวแค่ผ่านมาทางนี้ แล้วไม่รู้เหตุใดถึงก้าวพลาดลื่นลงไปได้!”

วั่งซูเบะปาก “พวกเจ้าเป็นผู้ใหญ่ก็อย่าเดินไม่ระวังนักสิ!”

สือหลิวร้องไห้ “คุณหนูน้อยสั่งสอนได้ถูกต้อง ใช่สิคุณหนูน้อย ท่านมาอยู่ที่นี่คนเดียวได้อย่างไร”

“พี่ฉานเอ๋อร์ไปหาพี่ชายข้า ให้ข้ารออยู่ที่ห้องสุขา โน่น ตรงโน่นไง!” วั่งซูชี้ไปยังห้องสุขาที่อยู่ห่างไปไม่ไกล แล้วกลับมาเอ่ยกับสือหลิวต่อว่า “เสื้อผ้าเจ้าเปียกหมดแล้ว รีบกลับไปเถอะ”

สือหลิวตกใจจนไม่เป็นอันทำอะไร เอาแต่คิดจะรีบกลับจนลืมไปว่าการที่นางทิ้งเด็กเอาไว้ริมน้ำคนเดียวถือเป็นเรื่องอันตรายมาก นางทำความเคารพวั่งซูทีหนึ่ง แล้วจากไปด้วยความเสียขวัญ

วั่งซูเป็นเด็กน้อยน่ารักที่แสนจะเชื่อฟัง พี่ฉานเอ๋อร์ให้นางรอ นางก็จะต้องรออยู่ที่นี่ นางคิดจะกลับไปรอที่เดิม แต่พอหันกลับไปก็ได้เห็นรองเท้าปักลายดอกไม้ที่แสนวิจิตรคู่หนึ่ง

นางเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของรองเท้าคู่นั้น คนผู้นั้นก็คือสวินหลัน