บทที่ 672 ถูกเปิดเผย

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 672 ถูกเปิดเผย

บทที่ 672 ถูกเปิดเผย

“โอ้ ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร” อวิ๋นอวี้ชิงตบหน้าผากของตัวเองอย่างน่าเอ็นดู ทำท่าราวกับว่านางจำอะไรบางอย่างได้ในทันใด แน่นอนว่าหลังจากที่เห็นว่านางจัดการกับผู้บ่มเพาะมากมายขนาดนี้ ซูอันก็ไม่สามารถเชื่อมโยงนางกับคำว่า ‘น่าเอ็นดู’ ได้เลย

อวิ๋นอวี้ชิงนั่งลงต่อหน้าเขาอย่างสบาย ๆ นิ้วของนางค่อย ๆ เคาะถ้วยน้ำชาที่อยู่ในมือนางจนมันส่งเสียงออกมาเบา ๆ “เจ้ามีวิชา ‘วัฏจักรหงส์อมตะ’ หรือไม่?”

นี่เป็นวิชาลับที่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น นางไม่เคยได้ยินว่ามีใครประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะมันมาก่อน นางกังวลว่านี่เป็นเพียงอุบายของจักรพรรดิ ดังนั้นนางจึงต้องยืนยันข้อมูลว่าเป็นความจริง

“ใช่” ซูอันแสร้งตอบด้วยน้ำเสียงที่ล่องลอย

ดวงตาของอวิ๋นอวี้ชิงเป็นประกาย อย่างไรก็ตาม นางยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติม นางจึงกล่าวต่อ “คนธรรมดาเช่นเจ้าได้รับวิชาลับที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้ยังไง?”

“คนสวนในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ชื่อผู้เฒ่ามี่ เขาเป็นขันทีในพระราชวัง และเคยเป็นผู้รับผิดชอบในการค้นหาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ และเขาได้ถ่ายทอดมันให้ข้า” ซูอันตอบ เนื่องจากจักรพรรดิทราบแล้วว่าเขามีวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะปกปิดเรื่องทั้งหมดนี้

อวิ๋นอวี้ชิงพยักหน้า ดูเหมือนว่าข้อสรุปที่นางและอ๋องอู๋รับรู้มาจะถูกต้องไม่มากก็น้อย “ผู้เฒ่ามี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าเลย ทำไมเขาถึงส่งต่อสิ่งที่ล้ำค่าขนาดนี้ให้กับคนนอก?”

นี่คือสิ่งที่ทำให้นางสับสนมากที่สุด

“เขาเป็นขันทีที่แก่ชรา ดังนั้นเขาจึงต้องการหาร่างใหม่ที่ตนเองจะได้ย้ายเข้าไปสิงสู่เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ เนื่องจากข้าหล่อเหลาและเหมาะสม เขาจึงเลือกข้า” ซูอันตอบ

“เขาคิดว่าเจ้าหล่องั้นเหรอ?” อวิ๋นอวี้ชิงตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของนางไพเราะยิ่งกว่าเสียงนกขมิ้น “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าค่อนข้างหลงตัวเอง แต่ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจ้าจะยังพูดแบบนี้ได้เมื่ออยู่ในสภาพนี้!”

ซูอันพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่โมโห

“ก็ได้ ก็ได้” อวิ๋นอวี้ชิงหยุดหัวเราะอย่างรวดเร็ว “ไหนเจ้าลองบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิชาวัฏจักรหงส์อมตะอีกสักหน่อย”

“เข้าใจแล้ว” ซูอันเริ่มท่องเคล็ดวิชาอย่างเชื่องช้าและแข็งทื่อ “หยกแตกเป็นเสียงภายใต้เสียงขับขานแห่งหงส์อมตะ ดอกไม้เหี่ยวเฉาแปรเปลี่ยนเป็นรื่นเริง…”

เขาได้เตรียมพร้อมแผนเอาไว้บ้างแล้ว ตามนิยายที่เขาเคยอ่านเมื่อชีวิตที่แล้ว อึ้งย้งแห่งมังกรหยกได้หลอกอาวเอี๊ยงฮงโดยท่องเคล็ดใน ‘คัมภีร์เก้าอิม’ ซึ่งเป็นความจริงเพียงเจ็ดในสิบส่วน เขาก็จะทำสิ่งเดียวกันในตอนนี้…

เพียงแค่บอกความจริงส่วนใหญ่เท่านั้นที่เจ้าจะสามารถหลอกลวงผู้บ่มเพาะที่แท้จริงได้ แต่ต้องรู้เอาไว้ว่า ยิ่งวิชาสูงส่งมากเพียงใด หากเคล็ดของมันถูกบิดเบือนไปแม้แต่น้อย ผลลัพธ์อันร้ายแรงจะเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ฝึกมันทันที ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถบ่มเพาะได้สำเร็จเท่านั้น พวกเขาอาจถึงขั้นลมปราณแตกซ่าน…

อวิ๋นอวี้ชิงพยักหน้าขณะที่ฟัง เมื่อซูอันพูดจบ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นครุ่นคิด “เคล็ดวิชาที่เจ้าท่องออกมาลึกซึ้งอย่างแท้จริง เจ้าอาจจะหลอกคนอื่นได้ แต่น่าเสียดายที่เจ้ามาเจอข้า”

ซูอันพูดไม่ออก

แม้จะตกใจอย่างกะทันหัน เขาก็สงบสติอารมณ์ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เขากังวลว่านางจงใจทดสอบเขา ดังนั้นจึงยังคงไม่ตอบสนองใด ๆ โดยยังคงทำท่าทีมึนงง

อวิ๋นอวี้ชิงหัวเราะเบา ๆ กับท่าทีของเขา “ความสามารถในการสงบสติอารมณ์ของเจ้านั้นน่าชื่นชมมาก แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้รู้อะไรเลยเกี่ยวกับทักษะเนตรปีศาจของเผ่าข้า”

อวิ๋นอวี้ชิงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน นางจัดชุดให้เรียบร้อยราวกับว่าคำนึงถึงรูปลักษณ์ของตัวเองอยู่เสมอไม่ว่านางจะไปที่ไหน “ดวงเนตรปีศาจสามารถมีอิทธิพลต่อจิตใจมากก็จริง แต่มันไม่สามารถควบคุมเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์”

“ตัวอย่างเช่น ถ้าข้าจะสั่งให้ใครสักคนฆ่าตัวตายโดยใช้ทักษะเนตรปีศาจ สิ่งนี้จะขัดกับสัญชาตญาณของมนุษย์ ดังนั้นพวกเขาจะต่อต้านและไม่ยอมทำตามอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ข้าสามารถสั่งให้พวกเขาเดินไปที่ขอบหน้าผาแล้วบอกให้พวกเขากระโดดไปข้างหน้า การกระโดดไปข้างหน้าเป็นงานที่ง่ายมาก ดังนั้นพวกเขาจะไม่ต่อต้าน และจะเคารพคำสั่งนี้ แล้วข้าก็จะได้ในสิ่งที่ข้าต้องการ”

“สำหรับเจ้า วิชาวัฏจักรหงส์อมตะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเจ้า และมันก็ไม่ได้เกินจริงมากเกินไปที่จะถือว่ามันเป็นชีวิตของเจ้า เจ้าจะไม่แสดงท่าทีต่อต้านเมื่อข้าเอ่ยถามมันได้อย่างไร”

นางมองเขาด้วยดวงตาที่กลมโตและสวยงามของนาง ซูอันรู้ว่าเขาถูกจับได้แล้ว ดังนั้นจึงถอนหายใจ “พระชายาอู๋ช่างเฉียบแหลมจริง ๆ ข้าประทับใจมาก!”

“ข้าต่างหากที่ควรชื่นชมเจ้ามากกว่า ผู้บ่มเพาะที่อยู่ด้านนอกทั้งหมดถูกควบคุมโดยทักษะเนตรปีศาจของข้า ทั้ง ๆ ที่พลังชี่ของเจ้าถูกปิดผนึกเอาไว้แท้ ๆ แต่เจ้ากลับยังสามารถทนต่อทักษะเนตรปีศาจของข้าได้ เจ้าทำได้ยังไง?” อวิ๋นอวี้ชิงประหลาดใจเป็นอย่างมาก

ซูอันยิ้ม “แน่นอนว่าเป็นเพราะวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ”

เขาทำได้เพียงใช้มันเป็นเครื่องต่อรองของเขา ยิ่งเขาโน้มน้าวให้อีกฝ่ายเห็นถึงความแข็งแกร่งของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

“เป็นสิ่งที่ข้าสงสัยเช่นกัน” อวิ๋นอวี้ชิงยิ้มอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มนี้เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของบุรุษที่แข็งกระด้างที่สุดละลายได้ “ถ้าอย่างนั้นเรามาพูดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดกันดีกว่า ทำยังไงเจ้าถึงจะมอบวิชาวัฏจักรหงส์อมตะให้กับข้าด้วยความเต็มใจ?”

ซูอันส่ายหัว “นี่เป็นคำถามที่ข้าควรจะถามท่านมากกว่าว่าท่านจะเสนออะไรให้คุ้มที่จะแลกกับข้าได้?”

การแสดงออกของอวิ๋นอวี้ชิงกลายเป็นเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงนักโทษ และพลังชี่ของเจ้าก็ถูกผนึกเช่นกัน แต่ถึงแม้ว่าพลังชี่ของเจ้าจะไม่ถูกผนึก มันก็ยังเป็นเรื่องง่ายสำหรับข้าที่จะฆ่าเจ้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า?”

การแสดงออกของซูอันยังคงสงบ “พระชายาอู๋ ท่านอย่าหลอกตัวเองเลย ท่านจะกล้าฆ่าข้าได้ยังไง? ทุกคนรู้ว่าตอนนี้ข้าอยู่ในจวนอ๋องอู๋ ถ้าข้าถูกฆ่าตายที่นี่ ทั้งท่านและอ๋องอู๋ก็จะถูกองค์จักรพรรดิบั่นหัว ไม่สิ เมื่อมีการสอบสวนเกิดขึ้นองค์จักรพรรดิจะต้องรู้แน่นอนว่าท่านมาจากเผ่าปีศาจ และเมื่อถึงเวลานั้น เผ่าปีศาจทั้งหมดจะถูกลบหายออกไปจากโลกนี้พร้อมกับท่านด้วย นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ท่านอยากให้เกิดขึ้นถูกต้องหรือไม่?”

เขาเหลือบมองไปทางหวงฮุ่ยฮง และคนอื่น ๆ ขณะที่เขาพูด “ท่านไม่ได้ปล่อยให้พวกเขารอดตายเพราะคำนึงถึงเรื่องนี้อยู่งั้นเหรอ”

เขาเพิ่งจะรู้แจ้งในการกระทำของนางออก หัวใจที่ตื่นตระหนกของเขาจึงค่อย ๆ สงบลง

อวิ๋นอวี้ชิงดูประหลาดใจ “เจ้านี่ช่างเฉียบแหลมยิ่งกว่าที่ข้าคิด ไม่เพียงแต่เจ้าจะสามารถรอดจากทักษะเนตรปีศาจได้ แต่เจ้ายังฉลาดล้ำจนน่าตะลึง ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้ที่ได้รับวิชาวัฏจักรหงส์อมตะจะกลายเป็นเป้าความริษยาของทุกคน!”

“การได้รับคำชมจากพระชายาอู๋ทำให้ข้ารู้สึกดียิ่งนัก” ซูอันดูค่อนข้างพอใจ “ว่าแต่ท่านช่วยชมข้าเพิ่มอีกได้ไหม? ข้าชอบให้สาวสวยชมข้ามาก ๆ เลย!”

อวิ๋นอวี้ชิงหรี่ตาลง

อย่างไรก็ตามนางยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “แล้ว? เจ้าคิดยังไงกับข้า? ข้างดงามมากใช่ไหม?”