บทที่ 515-2 เจียวเจียว (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 515 เจียวเจียว (2)

กู้ฉังชิงเอ่ยอีก “เจ้าคือพระดาไลลามะ เจ้าก็น่าจะมีคัมภีร์เล่มนี้อยู่กระมัง”

พระปลอมเอ่ยสีหน้าไม่เปลี่ยน “คัมภีร์…ถูกคนของพวกเจ้าเผาไปนานแล้ว!”

นายพลจางเอ่ยอย่างโมโห “เพ้อเจ้อ! ข้าไปเผาของของเจ้าเมื่อใดกัน!”

กู้ฉังชิงมองพระปลอมพลางเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ดังนั้นท่านอาจารย์ยอมรับแล้วใช่หรือไม่ว่าบนโลกนี้มีคัมภีร์เล่มนี้อยู่”

ประโยคนี้เอ่ยออกไป พระปลอมก็สีหน้าแข็งทื่ออีกครา

กู้ฉังชิงเอ่ยอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ท่านอาจารย์ทราบหรือไม่ว่าบนโลกนี้ไม่มีคัมภีร์เล่มนี้อยู่จริง”

คัมภีร์ศูรางคมสูตรน่ะมี

แต่คัมภีร์ศูรางคมสูตรเล็กน่ะ กู้ฉังชิงเป็นคนแต่งมาหลอกเขา

กู้ฉังชิงมองเขานิ่งๆ เอ่ย “ก่อนที่พระศากยมุณีจะตรัสรู้เป็นแค่คนธรรมดา จะไปเขียนคัมภีร์ได้อย่างไร ท่านอาจารย์ถูกยกย่องเป็นพระดาไลลามะ นึกไม่ถึงว่าแม้แต่หลักความจริงง่ายๆ แค่นี้ก็ยังไม่รู้”

“…” พระปลอมจุกจนพูดอะไรไม่ออก

ว่ากันว่าพวกนำทัพทำสงครามล้วนไม่มีสมอง ไอ้หนุ่มนี่เจ้าเล่ห์เพทุบายนัก! นึกไม่ถึงว่าจะวางกับดักเขา!

ในบรรดาชาวบ้านไม่ได้เป็นสาวกของพระดาไลลามะทั้งหมด ยังมีคนไม่น้อยที่ยังมีสติดีอยู่ พวกเขาเห็นพระดาไลลามะเผยพิรุธมายกใหญ่ ก็เอ่ยขึ้นเสียงดัง “คงไม่ได้เป็นพระปลอมจริงๆ หรอกกระมัง!”

พระปลอมที่แม้ภายนอกจะดูเข้มแข็งแต่ภายในจิตใจขี้ขลาดตาขาวเอ่ย “ข้าคือพระดาไลลามะ! หาใช่พระปลอมไม่!”

“แม้แต่คัมภีร์เจ้ายังไม่รู้เลย!” เด็กหนุ่มที่ว่าให้เขาเมื่อครู่เอ่ยขึ้นต่อ

“นั่นข้า…”

ไม่รอให้พระปลอมเอ่ยจบ กู้ฉังชิงก็ยกมือขึ้น ทหารตระกูลกู้จำนวนหนึ่งรีบพาพวกเหล่าสตรีเดินมา

หญิงที่อยู่หน้าสุดอายุพอๆ กันกับพระปลอม สตรีออกเรือนยังคงหน้าผ่องใสงดงาม เครื่องประดับหรูหราแวววาว ตรงกันข้ามกับชาวบ้านผู้ยากไร้หลังผ่านสงครามมา

บรรดาหญิงด้านหลังนางต่างแต่งตัวหรูหราเช่นเดียวกันกับนาง เพียงแต่ดูเยาว์กว่านางนิดหน่อย

ยามที่พระปลอมเห็นคนกลุ่มนี้ปรากฏตัวขึ้นก็แทบจะฝืนสีหน้าไม่อยู่ เขาอยากให้พวกนางหุบปาก แต่ก็จนใจที่สายไปเสียแล้ว

“นายท่าน รีบช่วยพวกเราที พวกเขาจะจับตัวพวกเราไปหาทางการ!”

เสียงเรียกนายท่านของสตรีที่อยู่หน้าสุดฉีกสีหน้าที่กลบเกลื่อนของพระปลอมจนเกลี้ยง

“ทุกคนอย่าไปฟังที่นางพูด! ข้าไม่รู้จักพวกนาง! ไม่รู้ว่าคนของราชสำนักพวกนี้ใช้วิธีการใด นึกไม่ถึงว่าจะหาสตรีพวกนี้มาใส่ร้ายป้ายสีอาตมา! อามิตตาพุทธ กรรมแท้หนอ กรรมแท้หนอ!”

“ท่านพ่อ…”

ด้านหลังบรรดาสตรีออกเรือน มีเสียงเด็กเล็กเจือสะอื้นดังลอยมา

ไม่ได้มาแค่คนเดียว นับคร่าวๆ แล้วอย่างน้อยๆ มีถึงเจ็ดแปดคนเลยทีเดียว

หากบอกว่าสตรีออกเรือนเหล่านี้อาจจะเป็นคนที่กู้ฉังชิงหาให้มาเล่นละคร เช่นนั้นพวกเด็กๆ ที่มีหน้าตาเหมือน ‘พระดาไลลามะ’ เหล่านี้คงไม่มีทางหามาเติมให้ครบได้หรอก

มีคนที่คล้ายกันมากมายในโลก แต่คนเหล่านี้มีสำเนียงชายแดนอย่างชัดเจน ซ้ำชายแดนก็มีเด็กแค่เท่าใดเอง ปาไปเจ็ดแปดคนแล้วที่หน้าเหมือนพระดาไลลามะ หากบอกว่าไม่ใช่ลูกเขาใครมันจะไปเชื่อ

พระปลอมคิดไม่ถึงเลยว่ากองทัพตระกูลกู้จะเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพียงแต่ขุดคุ้นเรื่องในห้องหับของเขาออกมาเท่านั้น ยังไปหาคนในครอบครัวเขามาจากหลุมหลบภัยด้วย

ยามนี้ต่อให้กระโดดลงแม่น้ำฮวงโหวก็ล้างมลทินไม่หมดแล้ว

พยานบุคคลและพยานวัตถุครบครัน กู้ฉังชิงปล่อยให้เซ่ากุนซือจัดการงานทั่วไปในเมืองหลิงกวน แล้วให้นายพลจางกับกองทัพตระกูลกู้หนึ่งหมื่นนายให้เฝ้ารักษาการเมืองหลิงกวนไว้

จากนั้นกู้ฉังชิงก็พาทหารที่เหลือเร่งรุดกลับเมืองเย่ว์กู่อย่างรวดเร็ว

กองทัพแคว้นเฉินมาลอบโจมตีเมืองเย่ว์กู่ในยามวิกาลจริงๆ เพียงแต่พวกเขาเกิดปัญหาระหว่างทางขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะเจอเข้ากับหิมะถล่ม ทำให้พวกเขามาช้ากว่าแผนที่วางไว้หนึ่งชั่วยาม

ทว่าบัดนี้กู้ฉังชิงนำทัพกลับมาแล้ว กองทัพแคว้นเฉินเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงถอนกำลังออกไป

กองทัพแคว้นเฉินผ่านการเร่งเดินทัพทางไกลให้รวดเร็วขึ้นถึงสองครั้งสองครา หากยามนี้หันกลับไปโจมตีเมืองหลิงกวนคงได้เหมือนเอาไข่ไปทุบหิน

กู้ฉังชิงไม่กังวลกับสถานการณ์เมืองหลิงกวน เขาจึงนำทัพใหญ่เข้าเมืองเย่ว์กู่

สิ่งแรกที่ทำก็คือไปหากู้เจียวที่ค่ายทหารบาดเจ็บ

กู้เจียวเคยบอกเขาว่า หากเรื่องราวเรียบร้อยดี นางจะไปรวมตัวกับเขาที่จวนผู้ว่า แต่เขากลับไม่เห็นนาง นางคงใช้แผนสำรองอย่างการพาผู้ป่วยกลับเมืองเย่ว์กู่ไปแล้ว

เขามาถึงนอกกระโจมทหารบาดเจ็บ กวาดตามองแวบเดียวก็เห็นหมอซ่งสวมปลอดเชื้อ หน้ากากอนามัยและถุงมือ

โดยปกติแล้วหมอซ่งไม่ห่อหุ้มร่างกายมิดชิดเพียงนี้ ดูท่าแล้วกู้เจียวจะกลับมากับพวกผู้ป่วยแล้ว

กลับมาแล้วก็ดี

เขาแอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

ทว่า ยังไม่ทันจะถอนได้สุดปอดก็เห็นหมอซ่งเดินมาหาเขาด้วยความสงสัย “แม่ทัพกู้ หมอกู้ไม่ได้กลับมาด้วยกันกับท่านหรือ”

กู้ฉังชิงชะงักไปเล็กน้อย “นางกลับมาด้วยกันกับพวกผู้ป่วยพวกนี้ไม่ใช่หรือ”

หมอซ่งส่ายหน้า “นางไม่ได้กลับมา!”

ชายทั้งสองรู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นพร้อมกัน

กู้ฉังชิงสีหน้าพลันเปลี่ยน เรียกตัวองครักษ์ลับหกนายมาทันที เมื่อทราบว่ากู้เจียวไปจัดการกับยอดฝีมือแคว้นเฉินเพียงลำพัง เขาก็กังวลใจขึ้นมาทันที

“ไม่สิ” เขาคล้ายคิดบางอย่างอยู่ เอ่ย “แค่ไล่ตามผู้ป่วยมาไม่กี่คน ไม่มีทางที่จะส่งยอดฝีมือที่เก่งที่สุดมาหรอก ตราบใดที่ไม่ใช่ยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุด เจียวเจียวก็ไม่มีทางกลับมาไม่ได้แน่ เว้นเสียแต่ว่า…”

กู้ฉังชิงพลันนึกถึงหน่วยกล้าตายข้างกายราชบุตรเขยที่เก่งจนเอาชนะองครักษ์หลงอิ่งทั้งสามคนได้ขึ้นมา สันหลังเขาเย็นเฉียบขึ้นมาทันที

“ท่านแม่ทัพ เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว มะรืนนี้พวกเราจะไปโจมตี…”

ผู้บัญชาการฝ่ายซ้ายที่รับผิดชอบเฝ้ารักษาการณ์เมืองเย่ว์กู่ถือกระบอกการเดินทัพมาหา เพิ่งจะเอ่ยกับกู้ฉังชิงไปได้ครึ่งประโยค ก็เห็นเหมือนกู้ฉังชิงไม่ได้ยิน ซ้ำเดินจ้ำไปที่คอกม้า จูงพาหนะของตัวเองออกมา ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ขึ้นหลังม้าไปแล้ว

ผู้บัญชาการฝ่ายซ้ายไล่ตามไป หิมะกระเด็นใส่เต็มหน้าไปหมด

เขาปัดเช็ดมันให้วุ่น พลางทอดมองกู้ฉังชิงที่ควบม้าตลบออกไป พร้อมตะโกนเสียงดัง “ท่านแม่ทัพ! ดึกดื่นปานนี้แล้วจะไปไหนอีก! ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ…”

ลมหนาวพัดหวีดหวิว คลอเคล้ากับเกล็ดหิมะโปรยปราย

กู้เจียวร่างกายแข็งทื่ออยู่ในพื้นหิมะกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปแล้ว

นางนอนแข็งทื่ออยู่ด้วยกันกับศพของเทียนหลัง และเริ่มสูญเสียอุณหภูมิในร่างกายและลมหายใจไปทีละนิด

มนุษย์มักจะนึกถึงหลายสิ่งหลายอย่างก่อนตาย แต่กู้เจียวคิดอะไรไม่ได้ทั้งนั้น สมองนางแข็งเป็นท่อนไม้ไปหมดแล้ว

ไม่รู้ว่าผ่านไปอีกนานเท่าใด สติที่หลงเหลือสุดท้ายของนางก็แข็งค้างอยู่ท่ามกลางหิมะไปด้วยแล้ว

นางปิดเปลือกตาลง

ม้าของกู้ฉังชิงควบวิ่งอย่างรวดเร็วท่ามกลางราตรี นี่เป็นพาหนะที่เขารักที่สุด ตอนส่งมาที่จวนยังเป็นเพียงลูกม้าตัวเล็กๆ อยู่เลย พวกเขาคลุกคลีกันมาหลายปี กลายเป็นเพื่อนรู้ใจไปโดยปริยายแล้ว

ม้าสัมผัสได้ถึงความร้อนใจของผู้เป็นเจ้าของ เกือกม้าแทบจะวิ่งแล่นบนพื้นหิมะจนแตก

กู้ฉังชิงไปยังผืนป่าที่เคยเป็นที่ตั้งค่ายทหาร เจอศพยอดฝีมือของราชวงศ์ก่อนถูกหิมะกองโตกลบอยู่

เขาวักหิมะออกด้วยมือเปล่า ไล่พลิกไปทีละศพ

ไม่ใช่เจียวเจียว

ไม่ใช่เจียวเจียว

นี่ก็ไม่ใช่เจียวเจียว

บนร่างของแต่ละคนมีร่องรอยปลิดชีพจากทวนพู่แดงทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่ากู้เจียวจัดการพวกเขาได้อย่างสบายๆ

หากหน่วยกล้าตายคนนั้นอยู่ที่นี่ กู้เจียวไม่มีทางลงมือได้สบายๆ เช่นนี้แน่นอน

หลังจากที่กู้ฉังชิงขูดหิมะออกจากศพสุดท้าย นิ้วก็แข็งทื่อ หอบหายใจแฮ่กๆ คุกเข่าลงกับพื้น

หากกู้เหยี่ยนอยู่ที่นี่…หากกู้เหยี่ยนอยู่…คงจะสัมผัสได้ว่าเจียวเจียวไปที่ใด…

อย่างไรเสียกู้ฉังชิงก็ไม่ใช่กู้เหยี่ยน เขาไม่อาจสัมผัสได้ว่ากู้เจียวไปทางไหน เขาแค่มีลางสังหรณ์บางอย่างว่ากู้เจียวออกจากป่าแห่งนี้ไปพร้อมกับภารกิจบางอย่าง

นางอาจจะคาดเดาได้ว่าตนไม่มีทางกลับมาได้รวดเร็วเพียงนี้ หรืออาจจะไม่กลับมาเลย ดังนั้นแผนการล่าถอยของนางคือให้พวกผู้ป่วยกลับไปเมืองเย่ว์กู่ มอบหมายให้หมอซ่งดูแล

ส่วนนาง…นางเป็นฝ่ายไปหาหน่วยกล้าตายคนนั้นเอง…

เหตุใดนางจึงไปหาเขาเล่า

เพราะอะไรกัน