บทที่ 669 ปะปนเข้ากองทัพศัตรู

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

เรื่องเมื่อคืนสำหรับเย่แจ๋หยิ่งแล้ว พอใจเป็นอย่างมาก

นอนกอดนางทั้งคืน ไม่อยากปล่อย แม้แต่หลับแล้ว มุมปากบางๆยังยกขึ้นเล็กน้อย

พอเช้าตรู่ก็ลุกขึ้นก่อน ยังไม่ลืมที่จะบรรจงจูบตรงหน้าผากของนางจูบหนึ่ง จากนั้นอยู่ด้านหลังฉากกั้นมีเสียงซุบซิบๆเบาๆช่วงหนึ่ง กำชับให้นางนอนให้ดีๆครู่หนึ่ง จึงออกไป

ไม่นานนักก็เปิดประตูห้องเข้ามาอีกครั้ง

เวลานี้หลานเยาเยาก็ตื่นนอนแล้ว เย่แจ๋หยิ่งยกอาหารด้วยตัวเอง

ทั้งสองกินอาหารเช้า ก็พูดคุยเรื่องที่เป็นทางการ

ก่อนหน้านี้พวกเขาค่อนข้างไม่เข้าใจว่าทำไมประเทศเชียนหลิงจำเป็นจะต้องโจมตีประเทศก่วงส้าของพวกเขา ไปหมู่บ้านชาวประมงทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของประเทศเชียนหลิงรอบหนึ่งจึงได้รู้ โดยส่วนใหญ่เป็นเพราะสาเหตุของคนจากนอกแผ่นดิน

ราชสำนักของประเทศเชียนหลิง จะต้องรู้การดำรงอยู่ของคนจากนอกแผ่นดิน อีกทั้งเคยแอบส่งกำลังทหาร ปรารถนาที่จะสังหารคนจากนอกแผ่นดิน น่าจะเสียหายหนักเกินไป และหลังจากที่พวกเขาก็ไร้แรงกำลังจะรับมือ จึงจำเป็นต้องคิดวิธีอื่น

เพื่อป้องกันไม่ให้คนจากนอกแผ่นดินปรากฏตัวมากขึ้น ทำให้ประเทศเชียนหลิงถูกทำลายล้างในเวลาอันสั้น

พวกเขาวางแผนการใช้ข้ออ้างที่เลิศล้ำก่อน เปิดสงครามโดยง่าย

ใครจะรู้……

ถูกทำลายแล้ว

พวกเขาจำเป็นต้องเปิดเผยนิสัยเดิม บีบบังคับเปิดสงครามกับประเทศก่วงส้า ได้รับชัยชนะเป็นเรื่องจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อย่างไรเสียประเทศก่วงส้าในปัจจุบันไม่มีทางเทียบได้กับในอดีตในขณะที่รุ่งเรือง

เพียงแค่ชนะประเทศก่วงส้า พวกเขาก็สามารถเอาราชสำนักย้ายจากตะวันตกเฉียงเหนือไปตะวันตกเฉียงใต้ได้ หากคนจากนอกแผ่นดินมาโจมตีครั้งใหญ่ พวกเขาจะต้องให้ประเทศก่วงส้ารับผิดชอบก่อนแน่

การคาดเดาเช่นนี้ หลังจากครึ่งชั่วยาม การมาถึงขององครักษ์ลับส่งข่าวกรองมาผู้หนึ่งได้พิสูจน์และยืนยันแล้ว

ตอนนี้ สองประเทศไม่สามารถทำสงครามได้อีกแล้ว

จำเป็นต้องร่วมกันเป็นหนึ่งกับแต่ละประเทศก่อนคนจากนอกแผ่นดินจะบุกรุกครั้งใหญ่ เตรียมทุกอย่างให้พร้อมล่วงหน้า

ทว่า อยากทำให้สองประเทศยุติการสู้รบกัน อย่างแรกที่จัดการยากที่สุดคือทหารม้าของประเทศเชียนหลิงที่คิดต้องการบุกยึดเมืองโยวกวง ตั้งแต่กลับมาจากหมู่บ้านชาวประมง หลานเยาเยาก็ไตร่ตรองปัญหานี้มาโดยตลอด

ตอนนี้มีวิธีการแก้ไขปัญหาแล้ว

นี่เป็นช่วงเวลาที่นางและเย่แจ๋หยิ่งจำเป็นต้องแยกจากกันระยะหนึ่ง

เมื่อคืน คิดว่าเย่แจ๋หยิ่งต้องเดาสิ่งที่นางคิดได้แล้ว ทำอะไรไม่ได้ต้านทานต่อความงดงามของนางไม่ได้ ยังคงยอมจำนนอย่างเชื่อฟังแล้ว

“เย่แจ๋หยิ่ง หากข้าพูดความคิดของข้าออกไป ท่านอย่าโกรธเชียว” อย่างไรเสียเมื่อคืนนางก็ทุ่มพลังออกมาอย่างมาก

เย่แจ๋หยิ่งที่มีโฉมหน้าสง่างามเลิศล้ำในครอบครอง ทีแรกสีหน้ายังคงอบอุ่น ขณะที่หารือเรื่องทางการ อย่างมากก็เพียงไตร่ตรองครู่หนึ่ง ตอนนี้ทันทีที่นางเอ่ยเช่นนี้ ใบหน้าของเขาเย็นชาลงมาทันที ราวกับว่ารู้ว่านาต้องการพูดอะไร

“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปเสี่ยงอันตราย!”

“ข้ายังไม่ได้พูดเลยนะ!” หลานเยาเยาแบะปาก ค่อนข้างจนปัญญา

“เจ้าคิดปะปนเข้าไปในค่ายของกองทัพศัตรูผู้เดียว อีกทั้งจะปะปนเข้าไปในทหารหั่วโถวของกองทัพศัตรู จากนั้นฉวยโอกาสที่พวกเขาไม่ระวัง วางยาทั้งค่ายทหาร ก็จะชนะโดยไม่ต้องทำสงคราม

ทหารม้าเหล่านี้ก็คือจุดอ่อนเป็นเครื่องต่อรองของราชสำนักของประเทศเชียนหลิง บีบให้พวกเขาตกลงร่วมกำลังเตรียมพร้อมป้องกันจัดการเรื่องการเข้าโจมตีของคนจากนอกแผ่นดิน”

กล่าวสิ่งเหล่านี้จบ เย่แจ๋หยิ่งอดถอนใจไม่ได้

การคำนวณเหล่านี้ในใจของหลานเยาเยา จะเล็ดลอดสายตาของเขาได้ที่ไหนกัน?

รู้เพียง เรื่องที่นางตัดสินใจ เขาจนปัญญาจะขัดขวาง และไม่สามารถไปขัดขวางได้ เพราะการตัดสินใจของนางถูกต้อง

แต่เขาทำใจไม่ได้

แทบอยากจะเอานางแขวนไว้ที่เอวตลอดเวลา ที่ไหนก็ไม่ให้นางไป

แต่ทว่า ความรักไม่ใช่การกักขัง!

ทีแรกหลานเยาเยายังมีความรู้สึกผิดอยู่บ้าง ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ แอบโล่งใจ หลังจากที่ตะลึงเล็กน้อยแล้ว คือรอยยิ้มที่อ่อนหวาน

“ที่แท้ท่านก็ไม่ได้เป็นเพียงสามีของข้า ยังเป็นเป็นพยาธิไส้เดือนในท้องของข้าด้วย มีท่านสนับสนุนดีจริงๆ!”

“ข้ายังไม่เห็นด้วย”

“ท่านเห็นด้วยแล้ว” หลานเยาเยามีเจตนาจะชี้แนะ

“ข้า……” เย่แจ๋หยิ่งไม่มีอะไรจะพูดทันที แต่ถูกทำให้โกรธแล้ว หันหน้าอันสง่างามดั่งเทพเซียนไปในพริบตา

ท่าทางเช่นนี้ ทำให้หลานเยาเยากลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางอดไม่ได้ที่จะโอบช่วงเองที่มีแรงแข็งแกร่งของเขาจากทางด้านหลัง เอาศีรษะพิงแผ่นหลังของเขา กระซิบเบาๆ:

“ก่อนหน้านี้องครักษ์ลับมารายงาน เมืองโยวกวงเกรงว่าจะถูกตีแตก ข้าเข้าใจทั้งหมด เมื่อท่านไปนาน เกรงว่าจะกระทบต่อขวัญกำลังใจทหาร พวกเขาต้องการท่าน

ท่านอย่าเอาข้าทำเป็นคนที่ต้องการการคุ้มครองตลอดเวลา ท่านน่าจะรู้ พวกเราอยู่ด้วยกันก็ต้องไม่เป็นสองรองใคร แยกจากกันแต่ละคนยอดต้องยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ ข้าไม่ใช่คนที่ผู้อื่นจะจัดการได้ง่ายๆ ท่านต้องเชื่อมั่นภรรยาของตัวเอง

พวกเราต้องพยายามมีชีวิตอยู่ รอให้ทุกอย่างสงบลงมาแล้ว พวกเราก็สามารถไปใช้ชีวิตสันโดษในป่าเขาได้ สามารถท่องเที่ยวไปทุกแห่งหนไปหลายประเทศได้ สามารถไปทุกที่ที่ต้องการอยากจะไป ทำทุกๆเรื่องที่ชอบได้”

หลานเยาเยากำลังวางอนาคตที่สวยงาม

นางและเย่แจ๋หยิ่งผ่านประสบการณ์ชีวิตมาชั่งมากมายนะ ควรละทิ้งความวุ่นวายทางโลกไปตั้งนานแล้ว ใช้ชีวิตครอบครัวเล็กๆของตัวเองให้ดี ชีวิตคนไม่ได้เหมือนอาส้งเช่นนั้น สามารถมีชีวิตได้นานมากนานมากๆ และไม่มีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากนัก

“เยาเยา ข้าเพียงแค่ทำใจไม่ได้ เจ้าก็รู้”

ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกับมักจะเป็นเวลาสั้นๆเสมอ และแยกจากกันก็ยาวนานขนาดนั้นอีก ทำใจให้นางไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้จริง ทั้งเป็นกังวลว่านางจะบาดเจ็บ หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น

เย่แจ๋หยิ่งคิดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีวันหนึ่งที่เปลี่ยนเป็นคนงอแงขึ้นมา

“วางใจ ข้าจะรีบกลับมา”

“ได้!”

เย่แจ๋หยิ่งดึงมือของหลานเยาเยาที่โอบช่วงเอวของเขาออก หมุนตัวและกอดนางแน่นๆในอ้อมกอด อย่างเนิ่นนานไม่ยอมปล่อย

เมื่อเย่แจ๋หยิ่งเปิดประตูออกมาจากด้านในห้อง หลานเยาเยาก็จากไปแล้ว ครั้งนี้พาส้งเย่นกุยไปเพียงคนเดียว จื่อซีและจื่อเฟิงก็อยู่ข้างกายเย่แจ๋หยิ่ง กลับเมืองโยวกวงพร้อมกับเขา

จื่อซีและจื่อเฟิงก็สามารถเข้าใจต่อสิ่งนี้ได้

แฝงตัวเข้าไปในค่ายของกองทัพศัตรู พวกเขาองครักษ์ลับเหล่านี้ล้วนหน้าตาคุ้นเคย ไม่เหมาะสมจะติดตามเป็นธรรมดา ตัวตนถูกเปิดเผยได้ง่าย อีกทั้งตอนนี้โฉมหน้าคุณหนูของตัวเอง เป็นธรรมดาที่กองทัพศัตรูจะไม่คุ้นหน้า หากเปลี่ยนการแต่งตัวเพิ่มเล็กน้อย ปะปนเข้าไปในกองทัพสามารถทำได้แน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น!

ขณะที่คุณหนูเคยเป็นเทพธิดา รู้จักประเทศเชียนหลิงดีเป็นที่สุดแล้ว

เช่นนี้โอกาสชนะก็มากขึ้น

……

หลานเยาเยาใช้เวลาไม่กี่วัน ปะปนเข้าไปในกองกำลังส่งผักให้ค่ายของกองทัพศัตรูได้ในที่สุด เดิมทีใบหน้าเล็กๆที่ขาวสะอาดถูกนางทำจนดำเมี่ยม อีกทั้งก้มศีรษะที่เงยสูงๆลง ยังจะงอร่างกายเล็กน้อยอีก

แบบนี้ คนที่อยู่ข้างๆเห็นนางก็รู้สึกว่าเป็นคนซื่อๆปัญญาไม่ดี

เพราะรู้จักกิน

ทั้งแสดงฝีมือเล็กน้อยในทหารหั่วโถว ทำให้เหล่านายทหารของกองทัพศัตรูทั้งหมดล้วนพูดว่าอาหารอร่อย มีนายทหารชั้นสูงสองสามท่านในกองทัพศัตรูเข้ามาถือโอกาสชื่นชมนางอีกด้วย ฝีมือทำอาหารไม่เลว คิดจะให้นางเข้าร่วมทหารหั่วโถว แต่กลับถูกนางตั้งใจปฏิเสธ กล่าวว่ายังมีเรื่องอีกมากมายรอให้นางไปทำ

เห็นนางไม่ได้มีความคิดจะอยู่

ผู้บัญชาการทหารกองทัพศัตรูจึงได้วางความข้องใจลง ปล่อยนางจากไป หลังรอให้นางจากไปแล้ว เหล่านายทหารบ่นอย่างขุ่นเคืองทันที บอกว่าอาหารไม่อร่อย ถึงกระทั่งมีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจทหารเล็กน้อย

และผู้บัญชาการทหารกองทัพศัตรูก็เป็นนักกินจุท่านหนึ่ง มองดูอาหารที่จืดชืดทุกวัน ในใจคิดถึงอาหารรสเลิศหอมกรุ่นของวันนั้นมาก

ด้วยเหตุนี้!

ผู้บัญชาการกองทัพศัตรูที่มีเรื่องในใจหนักหน่วงทั้งวัน ใช้เวลาว่างสั่งให้คนไปตรวจสอบคนที่แสดงมีฝีมือในการทำอาหารรสเลิศในทหารหั่วโถววันนั้น พบว่าที่แท้ก็เป็นคนที่ออกมาจากร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเชียนหลิงของพวกเขา เพราะฝีมือการทำอาหารเหนือกว่าพ่อครัวใหญ่ในร้านอาหาร หลังจากถูกบีบคั้นก็ไม่กล้าทำแล้ว ติดตามหน่วยงานรัฐทำการค้าขึ้นมา

ได้รู้เช่นนี้ ผู้บัญชาการทหารที่ระยะนี้จิตใจกลัดกลุ้มมาตลอด ปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อยแล้วในที่สุด

รอจนขณะที่คนรับผิดชอบในการจัดซื้อในทหารหั่วโถวต้องการจะออกไปซื้ออาหาร ผู้บัญชาการทหารออกคำสั่งเป็นการเฉพาะ ต้อง‘เชิญ’หลานเยาเยาที่ได้ปลอมตัวมา

หลังจากที่เชิญมา ก็ไม่ให้ออกไปแล้ว

หลานเยาเยานั่งบนพื้นเอะอะโวยวายขึ้นมา ใช้เหตุผลว่ายังมีเรื่องมากมายต้องทำอีกครั้ง ไม่ยินยอมอยู่ในทหารหั่วโถว ผู้บัญชาการทหารกองทัพศัตรูและเหล่านายทหารมองดูท่าทางเอะอะโวยวายไปๆมาๆของนาง อดที่จะหัวเราะไม่ได้ แต่ก็คือไม่ให้นางจากไป

เหล่านายทหารหัวเราะทั้งกลุ่ม

นี่ก็คือรอยยิ้มที่ห่างหายไปนานของพวกเขา

สุดท้ายโดนบังคับจนปัญญาจึงอยู่ต่อ หลานเยาเยาเห็นได้ชัดว่าเมื่อเห็นว่าในที่สุดบนใบหน้าของผู้บัญชาการทหารกองทัพศัตรูก็มีรอยยิ้มแม่ทัพไม่กี่คนก็ถอนหายใจโล่งอกลึกๆ