บทที่ 623 สถานการณ์ที่กำลังจะพัฒนาไป
บทที่ 623 สถานการณ์ที่กำลังจะพัฒนาไป
หลายปีที่อยู่กับคุณปู่ที่หงซินทำให้ฉืออี้หย่วนรู้ว่า เขาไม่สามารถพึ่งพาใครได้เลยนอกจากตัวเอง
ต่อให้เป็นพ่อแม่แท้ ๆ ก็เช่นกัน
หลังจากที่ทั้งสองไปอยู่ที่อื่นก็ขาดการติดต่อ ที่จริงเขาเองก็เป็นคนที่อ่อนไหวคนหนึ่งเหมือนกัน
จากนั้นในตอนที่นโยบายของประเทศผ่อนคลายมากขึ้น คนที่ไปต่างประเทศเริ่มทยอยกลับมากันแล้ว แต่ไม่มีวี่แววของพ่อแม่เลย
มันทำให้ความปรารถนาของฉืออี้หย่วนที่มีต่อพ่อแม่น้อยลง
สิ่งเดียวที่คิดอยู่ในตอนนี้คือ ดูแลคุณปู่ให้ดี เอาให้ทุกคนอิจฉาชีวิตเราไปเลย
เขาต้องพยายามให้เป็นคนที่เก่งที่สุดด้วย ให้รู้กันไปเลยว่าฉือเก๋อสอนหลานให้กลายเป็นคนที่สุดยอดได้
ชายชรามองหลานชายที่ตั้งใจอย่างหนัก ที่จริงเขารู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน แต่เพราะอี้หย่วนนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว ต่อให้เอาช้างสารมาลากไม่รั้งไว้ไม่อยู่
ฉือเก๋อที่เข้มแข็งมาตลอดชีวิต จิตใจมีความแค้นต่อลูกชายลูกสาวที่ไปต่างประเทศมากขึ้นกว่าเดิม
แต่เขาไม่ได้ปริปากบอกเรื่องนี้กับใคร และทำเพียงเก็บเงียบไว้ในใจเท่านั้น
วันเวลาเปลี่ยนผัน พริบตาเดียวก็ถึงฤดูใบไม้ผลิในปีหนึ่ง
กงล้อแห่งประวัติศาสตร์ครืดคราดมาในปี 1981
นี่เป็นปีสุดท้ายของสามพี่น้องกลุ่มแรกที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ส่วนพวกเสี่ยวเถียนเป็นภาคเรียนสุดท้ายสำหรับชีวิตมัธยมปลาย
หากอยู่ในยุคปัจจุบัน ซูเสี่ยวเถียนในวัย 13 ปี คงจะเพิ่งจบชั้นประถมและขึ้นมัธยมต้น แต่ตอนนี้เธอกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย และทุกครั้งที่นึกถึงกลับรู้สึกราวกับฝันไป
เธอได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ในตอนแรกคิดแค่ว่าจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเอง แต่ไม่รู้ตัวเลยว่ามันไม่ใช่แค่โชคชะตาของเธอเท่านั้น
คนในครอบครัว คนอื่น ๆ เหมือนจะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะครอบครัวที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
ซูโส่วเวินที่เก่งภาษาได้ฝึกงานที่แผนกการแปลของกระทรวงแล้ว ถ้าไม่อะไรเปลี่ยนแปลงเขาน่าจะได้ทำงานที่นั่น
แต่เสี่ยวแนะนำไปว่า อยากให้เขาสอบระดับบัณฑิตศึกษา*[1] สำหรับยุคนี้เป็นการสอบที่ยากมาก แต่ล้ำค่ามากจริง ๆ และยังเป็นการคัดเลือกที่ดีที่สุดด้วย
หากเขาทำได้ มันจะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตแน่นอน
โส่วเวินกำลังพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจังเช่นกัน
ปีนี้ซื่อเลี่ยงได้รับรางวัลในประเทศอันทรงเกียรติอีกสองรางวัล และได้กลายเป็นผู้นำในหมู่คนรุ่นใหม่ในแวดวงจิตรกรรมและอักษรวิจิตรของประเทศ
เขาได้รับการสอนอย่างตั้งใจจากอวี่รุ่ยหยวนผู้เป็นปรมาจารย์ควบคู่ไปด้วย จึงทำให้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ซื่อเลี่ยงไม่ได้วางแผนจะเรียนต่อ ตอนนี้เขาซื้อบ้านและจัดตั้งสตูดิโอไว้เฉพาะเพื่อเตรียมอุทิศตนให้กับการเรียนรู้วาดภาพและเขียนอักษร
ซานกงวางแผนไว้นานแล้วว่าจะเรียนกับเสิ่นจื่อเจินต่อ
งานวิจัยของอาเขยช่วงสองปีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการผลิตเมล็ดพันธุ์ งานนี้ได้รับการสนับสนุนจากเบื้องบนเป็นอย่างมาก ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเสิ่นจื่อเจิน ชายหนุ่มได้รับชื่อเสียงท่วมท้น
และอาเขยผู้นี้ยังตั้งใจจะให้หลานชายมาเป็นผู้สืบทอดต่อ!
เสี่ยวซื่อกำลังสนุกกับการหาเงิน
ถึงจะเรียนช้าไปบ้าง แต่สิ่งที่เขาเรียนคือวิชาเศรษฐศาสตร์ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยพึงพอใจกับการที่เขานำความรู้ไปปฏิบัติจริง
หลังจากได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ มันทำให้เขามีแรงฮึดต่อ
จากการเปิดห้างร้านทั้งสองแห่ง ทำให้เสี่ยวซื่อทำเงินได้มหาศาล แม้แต่พี่น้องคนอื่น ๆ ยังได้เงินปันผลกันทุกเดือน
เพราะแบบนี้ปู่ย่าจึงอิจฉามาก
เราเองก็อยากเปิดสาขาย่อย แต่การทำอาหารเรื่องฝีมือเป็นสิ่งทำคัญมาก
โชคดีที่ตอนนี้หลี่หลินหลินกำลังเรียนทำอาหารจากคุณย่าซูอยู่ แกบอกว่าอีกไม่กี่เดือนหญิงสาวก็จะฝึกสำเร็จแล้ว
หญิงชราตั้งใจว่าเสร็จสิ้นเมื่อไรจะเปิดสาขาอื่นต่อ แน่นอนว่าที่มีความคิดเช่นนี้เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างโส่วเวินและหลินหลินมั่นคงมาก
ตอนหลินหลินเดินทางมาถึงเมืองหลวงครั้งแรก สุขภาพของเธอไม่ดีเลย แต่มีเสี่ยวเถียนผู้มีกลโกงอยู่ด้วยแล้ว สุขภาพจึงดีขึ้นมากหลังจากผ่านไปสองสามเดือน
จากที่หลานสาวบอก ถ้าดูแลต่ออีกสามถึงห้าเดือนจะได้รับการดูแลอย่างดีเลย และสองคนนี้ไม่ได้กังวลอะไรสักนิด แต่มีความสัมพันธ์จะหวานชื่นอยู่เรื่อย ๆ
บางครั้งเสี่ยวเถียนยังบอกเลยว่าดีจนไม่อยากจะมอง!
หลินหลินและโส่วเวินตกลงปลงใจที่จะแต่งงานหลังจากรอให้ฝ่ายชายเรียนจบก่อน
ส่วนคุณย่าซูที่รออุ้มเหลนมานานมีความสุขมาก!
ในบรรดาเจ้าเด็กพวกนี้ ในที่สุดก็มีคนที่เข้าใจรู้ว่ายายแก่แบบเธอคิดอะไรอยู่
เสี่ยวอู่กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนทหารทางตอนใต้ เดิมทีคุณย่าคิดจะซื้อบ้านที่นั่นให้หลาน แต่เสี่ยวเถียนกลับรั้งเอาไว้ บอกว่าซื้อในเมืองหลวงดีกว่า ถึงพี่ห้าจะอยู่ทางใต้ แต่เราเก็บบ้านที่นี่ไว้ขายก็ยังได้
หญิงชราที่ยังหวังว่าเด็ก ๆ จะอยู่ด้วยข้าง ๆ จึงตอบตกลง
ส่วนเสี่ยวลิ่ว เสี่ยวชี เสี่ยวปา และเสี่ยวจิ่วอายุยังน้อย แต่พวกเขามีอสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเองแล้ว เพราะแบบนี้แหละ พอเห็นว่าตัวเองไม่มีกับเขาก็เลยอิจฉาพี่ชายทั้งสามมาก
เราหาเงินได้น้อยกว่าคนอื่น ๆ และนี่คือเรื่องจริง
โอ๊ะ แต่คนที่หาเงินได้ไม่เท่าไร ไม่รวมเหล่าเอ้อร์นะ
เพราะสองสามีภรรยาคู่นี้เปิดร้านในตัวเมืองมณฑลอยู่ ต่อให้แต่ละวันทำเงินได้ไม่เยอะ แต่รายได้ต่อเดือนประมาณ 2,000 หยวน
ทั้งคู่มีความสุขมาก
การที่บ้านเราจะมีรายได้ 2,000 หยวนนั้น หากเป็นเมื่อก่อนคงใช้เวลาสิบกว่าปี
แต่ตอนนี้ใช้เวลาแค่เดือนเดียวก็ทำได้เลย จะไม่ให้มีความสุขได้ยังไง?
ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้พิจารณากันว่าจะซื้อบ้านในมณฑล หรือไปเมืองหลวงในอนาคตดี
และสิ่งที่น่ายินดีที่สุดคือหลังจากผ่านไปกว่าครึ่งปีคือ สภาพจิตใจของเสี่ยวปาได้รับการช่วยเหลือจากเสี่ยวเถียนจนเกือบสำเร็จแล้ว
ต้องบอกเลยว่าเจ้าระบบเป็นสิ่งที่ทรงพลังจริง ๆ ราวกับว่ามันมีความสามารถในการอ่านใจอย่างไรอย่างนั้น มันจัดหนังสือที่เหมาะสมที่สุดให้กับเสี่ยวเถียนเสมอเวลาที่ต้องการ
หลังจากพี่ชายมีปัญหาด้านจิตใจ เธอพบหนังสือที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ในระบบอย่างรวดเร็ว
ในฐานะที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ เสี่ยวเถียนเชี่ยวชาญความรู้ด้านจิตวิทยาอย่างรวดเร็ว และนำไปปฏิบัติจริงกับพี่ชายจนเกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ตอนนี้เขากลายเป็นเด็กที่แข็งแรงและเต็มไปด้วยความคิดบวก
เห็นแบบนี้ก็โล่งใจ
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ และยังเป็นวันที่หลายครอบครัวมารวมตัวกัน
ทุก ๆ สองสัปดาห์ในช่วงหลายปีมานี้ บ้านเราจะมารวมตัวกันเสมอ รวมถึงสองปู่หลานบ้านฉือ แทบจะถือว่าหออีหมิงเป็นบ้านหลังที่สองแล้ว แม้จะไม่ได้เกี่ยวพันทางสายเลือด แต่กลับใกล้ชิดสนิทขึ้นทุกวัน
เรานั่งดื่มชาและสนทนาพาคุยอย่างมีความสุข พูดคุยสิ่งที่น่าสนใจในเมืองหลวง เรื่องการพัฒนาของเด็ก ๆ มีเยอะแยะมากมายให้คุยไม่รู้จบ
ทว่าวันแบบนี้กลับมีแขกไม่ได้รับเชิญมาหา และมันทำให้ทุกคนอารมณ์ไม่ดีกันเลย
[1] เป็นระดับที่สูงกว่าปริญญาตรีแต่ไม่ใช่ปริญญาโท แต่บางทีก็เป็นการใช้เรียกรวมระดับปริญญาโทและเอกเข้าด้วยกัน