ตอนที่ 646 พบองค์หญิงเว่ยเว่ยได้โดยบังเอิญ
โรงงานแปรรูปขนมไหว้พระจันทร์ที่อยู่ด้านหลังมีแรงงานหญิงกำลังทำงานตลอดทั้งสามช่วงเวลาเพื่อผลิตขนมไหว้พระจันทร์ชนิดข้ามวันข้ามคืน แต่ก็ยังขายหมดจนสินค้าขาดตลาดอยู่ดี ขนมไหว้พระจันทร์ของตำหนักหมินอ๋อง จวนสกุลหลินและวังหลวงล้วนมาจากฝีมือของหลินเว่ยเว่ย วัตถุดิบที่ใช้คือของที่นำมาจากมิติน้ำพุวิญญาณและยังมีน้ำพุวิญญาณเป็นส่วนประกอบ รสชาติจึงดีเป็นพิเศษ
หลังจากองค์หญิงเจียวเจียวได้ชิมจากในวังแล้วก็เข้ามาในตำหนักหมินอ๋องด้วยความโมโห โดยบอกว่าหลินเว่ยเว่ยไม่เห็นนางเป็นพี่น้อง มีของดีอะไรก็ไม่ให้นาง ! ก่อนออกไปยังหอบขนมไหว้พระจันทร์สองถาดที่เพิ่งออกจากเตาอบในครัวและขนมต่าง ๆ ไปด้วย ! หมินหวางเฟยก่นด่านางเป็นโจรสาว ทั้งกินทั้งห่อกลับบ้าน ไม่เห็นตัวเองเป็นคนนอกสักนิด !
ภายใต้คำแนะนำของหลินเว่ยเว่ย องค์หญิงเจียวเจียวได้จัดจำหน่ายชุดอาหาร ‘งานเลี้ยงไหว้พระจันทร์’ ที่ร้านอาหารชาววัง ราคามีตั้งแต่ชุดละ 20 ตำลึงไปจนถึง 200 ตำลึง นอกจากนี้ยังมอบ ‘ขนมไหว้พระจันทร์รวมรสจากร้านเถียนมี่ฉือกวง’ ให้เป็นของขวัญด้วย เดิมทีกิจการของร้านอาหารชาววังก็ดีอยู่แล้ว ก่อนเทศกาลไหว้พระจันทร์ยังดีขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าเงินไหลมาเทมาไม่ขาดสาย
เทศกาลไหว้พระจันทร์เพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน ข้าวงอกใหม่ก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยว หลังเกี่ยวและกะเทาะเปลือกเสร็จแล้ว ผลผลิตที่ออกมาก็ได้ประมาณ 200 เกือบ 300 ชั่งต่อหมู่ พอรวมกับข้าวชุดแรกแล้ว ผลผลิตที่ได้จึงขึ้นไปเกือบ 700 ชั่ง ! ! ฮ่องเต้ทรงปลื้มปีติและพระราชทานสมบัติล้ำค่ารวมถึงภาพวาดสมัยโบราณให้องค์หญิงเว่ยเว่ยมากมาย…ของพวกนี้ล้วนมาจากคลังสมบัติส่วนพระองค์ซึ่งได้มาจากตอนทำสงคราม !
ฮ่องเต้หยวนชิงยังมีพระประสงค์อยากรับนางเป็นธิดาบุญธรรมอีกด้วย แต่โดนหมินอ๋องคัดค้านหัวชนฝา…ฮึ คิดจะแย่งบุตรสาวอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถิด !
ปลูกข้าวขาวแค่ครั้งเดียวแต่ได้เก็บเกี่ยวถึงสองครั้งและผลผลิตยังเกือบ 700 ชั่ง หากข่าวนี้ถูกแพร่ออกไปจะสร้างคลื่นลมอะไรขึ้นนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ ธรณีประตูตำหนักหมินอ๋องเกือบโดนชนชั้นสูงของเมืองหลวงเหยียบจนราบเป็นหน้ากลอง…ต่างมาเพื่อขอซื้อเมล็ดพันธุ์ทั้งสิ้น
ภาคเหนือมีฝนตกน้อย สถานที่สามารถปลูกข้าวขาวได้มีไม่มาก แต่บ้านผู้มีอำนาจคนใดในเมืองหลวงบ้างที่จะไม่มีไร่อยู่ในแดนใต้สักสองสามแห่ง ? ในภาคใต้นั้นข้าวขาวสามารถปลูกได้สองครั้ง หากนำข้าวขาวให้ผลผลิตสูงสองครั้งมารวมกัน ผลผลิตที่ได้ก็จะมากจนน่าตกตะลึงเชียวล่ะ
เทียบเชิญที่หมินอ๋องและหมินหวางเฟยได้รับล้วนถูกวางลงในตะกร้า ส่วนหลินเว่ยเว่ยที่ออกจากตำหนักก็จะได้พบกับคุณหนูหรือฝูเหรินบางคนโดยบังเอิญเสมอ…นางไม่ชอบความยุ่งยากพวกนี้จึงปิดประตูกลายเป็นภรรยาผู้อยู่ติดเรือน จากนั้นก็ส่งเทียบเชิญไปให้หมินหวางเฟยจัดการแทน
ไม่ว่าอย่างไรการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงก็ผ่านพ้นไปแล้ว เมล็ดข้าวสาลีฤดูหนาวก็หว่านเรียบร้อยเช่นกัน หากมีปัญหาอะไรผู้ดูแลฉูและขันทีฝูหรงก็จะมาขอคำแนะนำที่ตำหนัก หลินเว่ยเว่ยจึงได้กลายเป็นเศรษฐีนีผู้ว่างงานโดยสมบูรณ์ !
ผ่านไปไม่นาน ‘สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก’ ของตำหนักหมินอ๋องก็ถูกราชโองการจากฮ่องเต้หยวนชิงทำลาย…เมล็ดพันธุ์ให้ผลผลิตสูงจะถูกจำกัดสิทธิ์ให้แก่ราษฎรผู้แผ้วถางที่ดินใหม่และราษฎรที่อยู่ในแถบชานเมืองหลวงเท่านั้น
คราวนี้ครอบครัวผู้มั่งคั่งเหล่านั้นก็เดือดร้อนกันทันที เพราะเกษตรกรผู้เช่า คนงานชั่วคราวและคนงานประจำของไร่ต่างมาขอลาออกเพื่อกลับไปบุกเบิกที่ทำการเกษตรของบ้าน ต้าเซี่ยมีสงครามติดต่อกันมายาวนานสิบกว่าปี ราษฎรจึงพลัดถิ่นไปทั่ว แล้วสิ่งใดมีเยอะที่สุด ? ก็พื้นที่รกร้างอย่างไรเล่า !
พื้นที่รกร้างเพิ่งแผ้วถางใหม่ ไม่เพียงแต่กได้ละเว้นภาษีสองปี อีกทั้งยังได้รับสิทธิ์ซื้อเมล็ดพันธุ์ให้ผลผลิตสูงก่อนใคร การได้มีที่ดินเป็นของตัวเองคือความฝันของเกษตรกรตั้งเท่าไร ? ส่วนผู้มีที่ดินเป็นของตัวเองก็แค่จ่ายภาษีตามที่ราชสำนักกำหนดเท่านั้น เมื่อเทียบกันแล้ว แน่นอนว่าการบุกเบิกใหม่ย่อมคุ้มกว่า !
ด้วยเหตุนี้ บ้านนี้จึงมีที่ดินสามหมู่ บ้านโน้นมีห้าหมู่ คนทั้งบ้านไม่ว่าจะแก่ ผู้ใหญ่หรือเด็กก็ช่วยกันแผ้วถางชนิดข้ามวันข้ามคืน ถ้าโชคดียังสามารถไปเช่าวัวจากฟาร์มหลวงแล้วถางที่เพิ่มเติมได้อีกหลายหมู่เชียวล่ะ !
พวกที่แผ้วถางที่ดินเสร็จแล้วก็ไปเข้าแถวหน้าที่ทำการซุ่นเทียนเพื่อเริ่มซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลี พวกเขาต่างปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวโดยยึดตามคู่มือเพาะปลูกที่ทางการจัดทำขึ้น ทั้งยังเปิดประชุมเรื่องการแผ้วถางที่ดินขึ้นมา มีครอบครัวที่มั่งคั่งมากมายซื้อพวกสัตว์ปีกและปศุสัตว์กลับไปด้วย จากนั้นก็เริ่มทำปุ๋ยคอกตามที่คู่มือบอก
คู่มือบอกไว้แล้วว่าขอแค่มีปุ๋ยเพียงพอ พื้นที่รกร้างในปีแรกก็จะให้ผลผลิตไม่ต่ำจนเกินควร แต่ถึงจะลดลงก็ไม่เป็นไร เพราะพื้นที่รกร้างไม่ต้องจ่ายภาษี ผลผลิตที่ได้ล้วนเป็นของตัวเองทั้งหมด ! ไม่ว่าคำนวณอย่างไรก็คุ้มค่ากว่าการเช่าไร่นาคนอื่นทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้ที่ดินของชนชั้นสูงก็ต้องเผชิญปัญหาไม่มีใครมาเช่าทำการเพาะปลูกใช่หรือไม่ ? หากราษฎรมีที่ดินเป็นของตัวเองหมดแล้ว ข้าวขาวที่พวกเศรษฐีผลิตได้จะเอาไปขายให้ใคร ? พวกที่มีไร่นับพันหมู่จึงเริ่มวิตกกังวล เมล็ดพันธุ์ให้ผลผลิตสูงก็ซื้อไม่ได้ แถมยังไม่มีคนมาทำไร่ไถนาให้อีก ที่ดินมากมายจึงกลายเป็นภาระและทำให้เกิดการเทขายที่ดินแถบชานเมืองหลวงขึ้น อีกทั้งราคายังโดนกดให้ต่ำลงเรื่อย ๆ
เรื่องนี้ทำให้หลินเว่ยเว่ยดีใจสุด ๆ เพราะนางกำลังกังวลว่าพื้นที่ไร่ของตนมีน้อยเกินไป ไม่อาจขยายได้ พอสถานการณ์เป็นเช่นนี้นางจึงเริ่มซื้อที่ดิน โดยเฉพาะที่ดินแปลงติดกันจะชอบมากที่สุด…เมื่อฤดูใบไม้ผลิของปีหน้ามาถึง ไร่ของนางก็ถูกขยายไปถึง 5,000 หมู่แล้ว
พื้นที่ 5,000 หมู่ นอกจากจะมีข้าวสาลีฤดูหนาว 1,000 หมู่ ที่เหลือยังเป็นข้าวโพด 2,000 หมู่ ข้าวสาลีฤดูใบไม้ผลิ 1,000 หมู่ และยังมีที่ดินติดแม่น้ำติ้งย่ง 1,000 หมู่ ซึ่งพวกมันต่างถูกนำมาใช้ในการปลูกข้าวขาวทั้งหมด
ฟาร์มหลวงที่อยู่ติดกัน นางเก็บไว้เป็นแปลงทดลองหลายสิบหมู่เพื่อใช้วิจัยและพัฒนาข้าวพันธุ์ผสม…พืชผลที่ให้ผลผลิตสูงจะเอาแต่พึ่งพาพันธุ์พืชจากห้วงมิติน้ำพุวิญญาณไม่ได้ นางต้องคำนึงถึงคนรุ่นหลังด้วย !
พืชผลให้ผลผลิตสูงค่อย ๆ กระจายตัวจากชานเมืองหลวงไปยังพื้นที่ห่างไกล ผ่านไปไม่นานภาคใต้ก็ได้ยินเรื่องการเลี้ยงปลาในนาข้าว มีเกษตรกรมากมายเริ่มทดลองทำตาม ราษฎรทางใต้กำลังตั้งตาคอยให้ราชสำนักผลักดันพันธุ์ข้าวขาวให้ผลผลิตสูงเข้ามาโดยเร็ว
หลังจากฝนในฤดูใบไม้ร่วงสองสามห่าผ่านไปแล้ว อากาศในเมืองหลวงก็เริ่มเย็นขึ้น ผ่านไปอีกโดยไม่รู้ตัวฤดูหนาวก็มาเยือน หลินเว่ยเว่ยพาราชองครักษ์ตำหนักหมินอ๋องหลายนายออกไปสำรวจรอบไร่อีกครั้งและในเวลานี้ปลาในบ่อก็ถึงเวลาตกขึ้นมารับประทานได้แล้ว
ตอนซื้อลูกปลา หลินเว่ยเว่ยเลือกขนาดเท่าฝ่ามือ ตอนนี้มันโตจนมีน้ำหนักกว่า 2 ชั่ง หากนำมาทำปลาราดพริกหรือปลากระรอกทอดจะให้ขนาดกำลังดี ก่อนจะทำการยกยอขึ้นมา นางให้คนทำแหที่ค่อนข้างใหญ่ ปลาตัวใหญ่ที่จับขึ้นมาได้จะเก็บเข้าถัง ส่วนปลาตัวเล็กจะถูกโยนลงบ่อดังเดิม ปลาตัวใหญ่ต้องถูกเก็บไว้เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์บ้าง ก่อนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ลูกปลาในบ่อก็จะกลับมามีจำนวนมากอีกครั้ง
ระหว่างเดินอยู่ในไร่ องครักษ์เงาช่วยกำจัดนักฆ่าเป็นโขยง ไม่รู้ว่าเป็นกลุ่มที่เท่าไรแล้ว นักฆ่าพวกนี้มีบางคนไม่ห่วงชีวิตอยากลักพาตัวนางไปอย่างสุดกำลัง บางคนก็ทำเหมือนในวันนี้คือมาลงมือสังหารโดยเฉพาะ ตอนที่นักฆ่ากลุ่มแรกมาถึง หลินเว่ยเว่ยก็ได้เห็นความสามารถแท้จริงขององครักษ์เงาซึ่งฮ่องเต้ส่งมาให้นางแล้ว วรยุทธแบบแมวสามขาของนางเทียบไม่ได้เลย วิธีสังหารศัตรูขององครักษ์เงาโหดเหี้ยมกว่าหลีชิงเสียอีก
หลินเว่ยเว่ยถือกระบองเหล็กนิลประดับพู่แดงไว้ตลอด แต่นักฆ่ายังไม่มาถึงตรงเบื้องหน้าก็โดนองครักษ์เงาสังหารแล้ว แม้แต่องครักษ์ที่หมินอ๋องส่งมาคุ้มกันนางก็ยังกลายเป็นแค่เครื่องประดับ
หลังจับปลาจากนาข้าวออกมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็ถูกส่งไปที่ห้องแช่แข็งของร้านอาหารชาววัง แน่นอนว่าหลินเว่ยเว่ยต้องเก็บไว้กินเองที่ตำหนักหมินอ๋องบางส่วน จวนสกุลหลินก็ส่งไปให้เล็กน้อยและยังมีบ้านของคนที่สนิทกันด้วย ทุกคนต่างได้รับปลาจากองค์หญิงเว่ยเว่ย และก็เหมือนเดิมคือแม้ว่าปลาพวกนี้จะดูไม่ต่างอะไรจากปลาทั่วไป แต่เวลานำมาบริโภคแล้วให้รสชาติที่อร่อยกว่ามาก