บทที่ 630 ฤกษ์มงคล

บทที่ 630 ฤกษ์มงคล

ฉินเย่จือไม่กล้าหยุดเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย และมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านอู๋ซีด้วยแรงใต้ฝ่าเท้าของเขา

ความกลัวและความกังวลปรากฏขึ้นเต็มหัวใจ

เขาแค่อยากเร่งความเร็วขึ้นมากกว่านี้

หวานเอ๋อร์ อย่าเป็นอะไรนะ!

ในความมืดมิดของยามราตรี มีเพียงความคิดเดียวในใจของฉินเย่จือ ช่วยหวานเอ๋อร์ ช่วยนาง!

ในขณะนี้ หมู่บ้านอู๋ซีสว่างไสว ในมือถือทุกคนล้วนถือคบเพลิงยืนอยู่หน้ากองฟืน และมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่ถูกมัดไว้กับเสาไม้

แค่รอคำสั่งของทังป้านเซียน ฟืนทั้งหมดก็จะถูกจุดด้วยคบเพลิง

จากนั้นก็เผาวิญญาณร้ายในร่างของกู้เสี่ยวหวาน

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมองที่ทังป้านเซียนอย่างกระตือรือร้น และเห็นเขานับนิ้วราวกับว่าเขากำลังคำนวณเวลาที่เหมาะสม

“ทังปานเซียน จะเริ่มจัดการวิญญาณร้ายนี้ได้เมื่อใด” กู้ฉวนลู่ที่อยู่ข้าง ๆ กังวลเล็กน้อย และเอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนก

เขาเห็นทังป้านเซียนพยักหน้า และเอ่ยคำพูดที่เขาไม่เข้าใจ “ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วยาม!”

อย่างไรก็ตาม กู้ฉวนลู่กังวลเล็กน้อยเมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่ยังหมดสติ เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ เขารู้สึกว่าทุกอย่างยังไม่สำเร็จถ้าคนผู้นี้ยังไม่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน

เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมตามหน้าผากของกู้ฉวนลู่

เขาจึงรีบยกแขนเสื้อเช็ดมัน

เมื่อมองไปที่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงอีกครั้ง สีหน้าของเขาก็ไม่น่ามองเท่าไรนัก

ราวกับมีคนมารัวกลองในใจของเขา

ทันใดนั้นเสียงของป้าจางก็ดังขึ้น

“เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน ตื่นได้แล้ว ตื่นสิ!”

ป้าจางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานซึ่งหมดสติอยู่บนเสาไม้ และร้องตะโกนด้วยความทุกข์

“เสี่ยวหวาน ตื่นเร็ว แล้วบอกทุกคนว่าเจ้าคือกู้เสี่ยวหวาน บอกไปว่าเจ้าไม่ได้ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง! เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน!”

กู้เสี่ยวหวานหมดสติเนื่องพิษไข้

ตอนนี้นางไม่ได้ยินเสียงจากโลกภายนอก

“เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน…”

“พอได้แล้วจางซื่อ หยุดตะโกนขัดขวางการร่ายคาถาของทังป้านเซียนเสียที หากเจ้าไปปลุกวิญญาณร้ายในร่างของกู้เสี่ยวหวานขึ้นมา เจ้าจะรับผลที่ตามมาได้หรือไม่?” ฮูหยินเหลียงตะโกนเสียงดัง

สิ้นประโยคของฮูหยินเหลียง ป้าจางก็ถ่มน้ำลายและมองฮูหยินเหลียงอย่างไม่พอใจ และพูดอย่างดุดันว่า “เจ้านั่นแหละที่ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง! เสี่ยวหวานเป็นเด็กดี ต่อให้มีวิญญาณมาสิงในร่างนาง นั่นก็คงเป็นวิญญาณที่ดี! พวกเจ้ายังมีจิตสำนึกอยู่บ้างหรือไม่? กู้เสี่ยวหวานหาช่องทางทำเงินให้พวกเจ้าตั้งมากมาย หากจะไม่ซาบซึ้งบุญคุณก็ย่อมไม่เป็นไร แต่นี่ยังมากล่าวหาว่ามีวิญญาณสิงร่างนางอีก พวกเจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่? ยังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่?!”

“ถุย จางซื่อก็เห็นแก่นางที่ชักนำให้คนในหมู่บ้านร่ำรวย ข้าจึงยังใจดีอยู่ และไปเชิญทังป้านเซียนมาขับไล่วิญญาณ!”

“ขับไล่วิญญาณ? ฮ่า ๆ!” ป้าจางหัวเราะเยาะราวกับว่าได้ยินเรื่องตลก ก่อนจะตะโกนขึ้นอย่างเศร้าสร้อย “พวกเจ้าก็รู้อยู่เต็มอกว่านี่เป็นการใช้การขับไล่วิญญาณมาเพื่อฆ่าสาวน้อยเสี่ยวหวาน! หรือพวกเจ้ามองไม่ออก? หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกำลังจะเผาเสี่ยวหวานให้ตาย”

ป้าจางเอ่ยเช่นนั้น แต่น่าเสียดายที่ชาวบ้านไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าทุกคนจะเชื่อฟังหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง

ทุกคนมองไปยังป้าจางด้วยสายตาที่ว่างเปล่า สายตาเหล่านั้นทำให้นางตื่นตระหนก “พวกเจ้า พวกเจ้าอยากฆ่าสาวน้อยเสี่ยวหวานจริง ๆ หรือ?”

“จางซื่อ ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าพยายามอย่างเสียแรงเปล่าเลย” ฮูหยินเหลียงยิ้มเยาะเย้ย “พวกเจ้าเห็นแล้วหรือไม่? ทุกคนต่างก็รู้! กู้เสี่ยวหวานถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง ไม่เพียงแต่ฆ่าคน แต่ยังทำลายกฎในหมู่บ้านของเรา!”

ฆ่าคน?

เมื่อป้าจางได้ยินสิ่งนี้ นางส่ายศีรษะด้วยความประหลาดใจ “พวกเจ้าอย่ามาพูดไร้สาระ”

“เรากำลังพูดจาไร้สาระหรือ? จางซื่อ เจ้ากับกู้เสี่ยวหวานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นางจึงไม่ทำร้ายเจ้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางจะไม่มาทำร้ายพวกเรา!” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา “เพียงเพื่อนาง เจ้าถึงกับยอมทำลายความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านของเราเลยหรือ!”

“ไม่ใช่ เสี่ยวหวานไม่ใช่คนแบบนั้น!” ป้าจางคำรามเสียงดัง น้ำตาไหลอาบใบหน้า

“ไม่ใช่คนเช่นนั้นแล้วเจ้าหน้าที่จะมาจับนางและบอกว่านางฆ่าคนได้อย่างไร? ถ้านางไม่ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง แล้วทำไมนางถึงทำอะไรที่ไม่เคยรู้มาก่อนได้! หากไม่มีวิญญาณร้ายสิงร่างก็อธิบายมา!” หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงพูดจาโผงผาง

“ไม่ ไม่…” ป้าจางกำลังจะหักล้าง เมื่อเห็นหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงโบกมือและพูดกับชายฉกรรจ์สองสามคนข้าง ๆ เขาว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเจ้าเฝ้านางไว้ อย่าปล่อยให้นางทำลายพิธีของพวกเรา!”

หลังจากได้ยิน ชายฉกรรจ์สองสามคนก็ก้าวไปข้างหน้าและจับป้าจางไว้ ป้าจางที่ต้องการช่วยกู้เสี่ยวหวาน แต่เด็กหญิงกลับแน่นิ่งราวกับคนตายแล้ว “เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน ตื่นได้แล้ว ตื่นได้แล้ว!”

“หัวหน้าหมู่บ้านเหลียง ถ้าคนผู้นี้ตะโกนปลุกวิญญาณร้าย เช่นนั้น…” ในขณะนั้นกู้ฉวนลู่ก็พูดขึ้นอย่างกังวล

หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงคิดในใจด้วยสีหน้าที่มีความสุข และพูดเสียงดังว่า “รีบอุดปากของนางเสีย ถ้านางปลุกวิญญาณร้ายขึ้นมา ผลที่ตามมาจะเลวร้ายมาก!”

เมื่อทุกคนได้ยิน ต่างก็จ้องไปที่ป้าจางอย่างโกรธจัดและเห็นชายที่ฉกรรจ์อยู่ข้าง ๆ ป้าจางหยิบผ้าชิ้นหนึ่งจากที่ไหนสักแห่งมายัดใส่ปากของนาง

กลิ่นแปลก ๆ ที่ลอยมาแตะจมูกนั้น นั่นทำให้ป้าจางรู้สึกคลื่นไส้

เพื่อป้องกันไม่ให้ป้าจางเข้าใกล้กองฟืน ชายผู้นั้นจึงมัดมือและเท้าของป้าจางแล้วโยนลงใต้แท่นสูง

ป้าจางถูกอุดปาก มือและเท้าถูกมัด นางทำได้เพียงมองขึ้นไปยังกู้เสี่ยวหวานที่ยังอยู่ในอาการหมดสติอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

กู้เสี่ยวหวานที่ถูกมัดไว้กับเสาไม้สูง ในคืนที่มืดมิดมองไม่เห็นใบหน้าของนางอย่างชัดเจน ทำได้เพียงมองร่างนางเท่านั้น

“ได้ฤกษ์มงคลแล้ว ได้เวลาจุดไฟแล้ว!” ในที่สุดทังป้านเซียนก็พูดขึ้นอย่างเงียบ ๆ ลืมตาขึ้นมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่ถูกมัดไว้

เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ดีใจมาก ทันทีที่เขาตบมือก็ตะโกนใส่คนที่ถือคบเพลิงด้านล่าง “จุดไฟ!”

เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้คนรอบ ๆ กองฟืนก็ยกคบเพลิงขึ้นพร้อม ๆ กันแล้วใส่ลงในกองฟืน

ในชั่วพริบตา ฟืนแห้งส่งเสียงปะทุและหลังจากนั้นไม่นาน ไฟจากคบเพลิงก็ลามไปทั่วกองฟืนทั้งหมด ก่อให้เกิดกองไฟขนาดมหึมา